xs
xsm
sm
md
lg

ผ่ายุทธศาสตร์ "บมจ. อ.ส.ม.ท." MCOT ผงาดโลก...!? วางแผนดัน Hub สื่อสารภูมิภาค ผุดเอ็มคอตทีวี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายสัปดาห์ - "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ" กำลังทำอะไร? เจาะลึกแนวคิด การบริหารจัดการแผนยุทธศาสตร์และอนาคตของ MCOT จะไปทางไหน ? หลังเขานั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการ อ.ส.ม.ท. มาครบ 2 ปีเต็ม...องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทยหรือ อ.ส.ม.ท. (MCOT) จะไปทางไหน...?

จากนี้ต่อไปรัฐวิสาหกิจแห่งนี้จะเปลี่ยนเป็น บริษัท อ.ส.ม.ท. จำกัด(มหาชน) ตั้งแต่ 30 กรกฎาคม 2547 เพื่อระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่ออุตสาหกรรมการสื่อสารมวลชนของไทยไม่น้อย โดยเฉพาะวงการโทรทัศน์ ซึ่งจะมีการแข่งขันกันอย่างหนักหน่วงมากขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้น พลันที่มีเงินจากการระดมทุน ในตลาดหุ้นประมาณ 3,000 ล้านบาท บวกกับผลประกอบการในสิ้นปีงบประมาณ(ต.ค.)ว่ากันว่า จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท จะยิ่งทำให้บมจ. อ.ส.ม.ท. ภายใต้การบริหารจัดการของ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ผู้อำนวยการคนปัจจุบัน วาดแผนการ ลงทุน เพื่อขยายกิจการไว้หลายเรื่อง

"หลายคนบอกว่าผมเป็นนักการตลาด บางคนบอกว่าเป็นนักโฆษณา แต่ผมเป็นนักยุทธศาสตร์ และต้องเป็นยุทธศาสตร์ที่สามารถนำไปปฏิบัติให้เกิดผลได้ด้วย มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ บอก

นับเป็นครั้งแรกที่เขาเปิดใจชนิดหมดเปลือกตั้งแต่ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ในห้วงจังหวะที่นั่งเก้าอี้ตัวนี้มาครบ 2 ปีเต็ม เมื่อ 17 กรกฎาคม 2547 เขาจะเป็นคนแรกที่นั่งขับนาวาอ.ส.ม.ท.จากยุค 2 สู่ยุค 3 หรือเปลี่ยนจากรัฐวิสาหกิจมาเป็นบริษัทมหาชนจดทะเบียนในตลาดหุ้น

ว่ากันว่า บุคลิกของมิ่งขวัญ เป็นนักประนีประนอม อ่อนน้อมถ่อมตน เข้ากับทุกคนได้ดี มีหลักการทำงานที่อาศัยทฤษฎี Win-Win ไม่ว่าจะเป็นคนในรัฐบาล พนักงานอ.ส.ม.ท. ผู้บริหาร ผู้ผลิตราย การ ผู้เช่าเวลา ทำให้หลายๆปัญหาที่เกิดขึ้นมักคลี่ คลายไปด้วยดี แม้แต่การนำอ.ส.ม.ท.เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ไร้เสียงคัดค้านจากพนักงานภาย ในอ.ส.ม.ท.

"ผมจะสร้างองค์กรนี้ให้เป็นองค์กรที่คนหนุ่ม สาวรุ่นใหม่ต้องการเข้ามาทำงานมากที่สุด อีกไม่กี่วันผมจะขึ้นเงินเดือนให้พนักงาน 50% เขาพูด ถึงปรัชญาบริหารจัดการกับองค์กรใหม่ในอนาคต (อ่านล้อมกรอบแนวคิด JR) เพื่อลบภาพเก่าๆออกไป
หลายคนถามหาอนาคตของ บมจ.อสมท. หลังจากเข้าตลาดหุ้นแล้วจะเดินหน้าอย่างไร?

ทั้งนี้แผนงานอนาคตของที่นี่ คงต้องแบ่งเป็นภายในประเทศและต่างประเทศ เพราะจากนี้ไป บมจ.อสมท. จะไม่ใช่องค์การสื่อมวลชนเฉพาะคนไทยอีกต่อไปแล้วแต่ กำลังรุกชาวโลก

"ยุคก้าวสู่ประชาคมโลกและประชาชนไทยและท้องถิ่น วิทยุจะเข้าสู่ท้องถิ่น ภาษาที่ออกไปจะเป็นภาษาพื้นเมือง เป็นยุทธศาสตร์ที่เขาแสดงวิสัยทัศน์ต่อคณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการ อ.ส.ม.ท.เมื่อ 2 ปีก่อน

2 ปีอ.ส.ม.ท.สู่โมเดิร์น ไนน์
สำหรับแผนกลยุทธ์ในประเทศนั้น หลังจากนั่งได้ไม่นาน เขาก็หาญกล้าสั่งปรับเปลี่ยนอ.ส.ม.ท. ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือทันที จนถึงขณะนี้เป็นเวลา 2 ปี ความเด่นชัดของการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น

"ทำงาน 3 เดือนแรก ผมสอบถามความเห็นจากทุกหน่วยงานในอ.ส.ม.ท.

พบว่า ช่อง9 มีภาพลักษณ์เก่าคือช่องการ์ตูน เป็นทีวีที่ไม่ได้รับความนิยม ไม่มีคนดู เป็นช่องราชการ แต่พอดูรายได้ของเราอยู่ที่ ทีวี 50% จึงต้องเข้าไปปรับปรุงทีวีก่อน โดยเน้นความทันสมัย เป็น Modern TV Concept

ทำให้ เกิด โมเดิร์น ไนน์ ทีวี แทนที่ ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ในเฟสที่ 1 มิ่งขวัญสั่งเปลี่ยนโลโก้ใหม่ เพื่อให้ดูทันสมัยมากขึ้น การเปิดตัวช่วงนั้นทำให้ทีวีแต่ละช่องตื่นตัวมากขึ้น ถือเป็นการจุดกระแสก็ว่าได้ ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้สร้างวัฒนธรรมใหม่แก่พนักงานอ.ส.ม.ท.อีกด้วย

"คนดูทีวีคิดเป็น 97% ของสื่อทั้งหมด แสดงว่า สื่อทีวีมีอิทธิพลต่อประชาชนมากที่สุด หากเราใส่ อะไรเข้าไปคนก็รับไปมากเท่านั้น ทำให้เรามาเน้นเรื่องข่าวสารและสาระมากขึ้น เป้าหมายคือทำให้คน ไทยมีความรู้ เรามีสำนักข่าวไทย ถ้าเราไม่เริ่มจากข่าวเราคิดผิดแน่นอน เราจะทำละครก็ผิดแน่นอน เพราะเราคือองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย มิ่งขวัญ ย้ำ

เพียงไม่นานจากรายได้ค่าเช่าเวลาจาก 300-400 ล้านบาทก็ขยับมาเป็น 700 ล้านบาท

เฟสที่ 2 ของโมเดิร์น ไนน์ก็คือ เน้นที่ความหลากหลาย

"เรามีผู้ผลิตรายการมาก แต่ต้องทำในคอนเซ็ปต์ของเรา หมายถึงเป็นรายการเกมที่มีสาระ เรียกว่า ใครไม่ดูข่าวเล่นเกมไม่ได้แน่นอน เดิมออกอากาศ 19.30 ชั่วโมงต่อวัน มีข่าว 22% ตอนนี้ออก 24 ชม.มีข่าวและสาระกว่า 50%

โดยเขาประกาศจุดยืนว่า จะทำทีวีเพื่อคนในอนาคต ซึ่งจะต้องมีความรู้ติดตัว

"คนอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ฟังภาษาไทยรู้เรื่อง ดูช่องเรา ไม่โง่แน่มิ่งขวัญ ฉายภาพให้เห็น

สำหรับเฟส 3 นั้น เป็นช่วงแห่งความแตกต่าง หมายถึงแตกต่างจากช่องอื่นๆ โดยดึงรายการภาค กลางวันมาทำเองทั้งหมด โดยใส่โปรแกรมสถานีข่าว ตลาดหุ้นเข้าไป ซึ่งมิ่งขวัญ บอกว่า จะเน้นข่าวสารด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม อสังหาริมทรัพย์ ตลาดเงิน ตลาดทุน ตลาดหุ้น ธุรกิจต่างๆ

"ตอนนี้ไปแบงก์ไหนๆก็จะเปิดช่อง 9 โมเดิร์น ไนน์ เป็นกลุ่มคนมีกำลังซื้อ เราก็มีโฆษณาเข้ามา

ในเฟส 3 ของมิ่งขวัญ ความโดดเด่นอยู่ที่รายการถึงลูกถึงคน ที่ดำเนินรายการโดย สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ช่วงเวลาห้าทุ่มถึงเที่ยงคืนกว่า เขาบอกว่า เป็นรายการแรกที่ทำแบบ Interactive Television Fully จากนั้นก็มีช่องอื่นเดินตาม ขณะที่ข่าวต้นชั่วโมงก็เป็นอีกไฮไลต์ของเฟสนี้ รวมทั้งการ เริ่มต้นทำแถบอักษรข่าวหรือ นิวส์ บาร์ นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์ www.MCOT.net ที่ได้รับความนิยม มีคนเข้าไป 6 แสนถึง 1 ล้านคนต่อวัน

"เป็นการทำ IMC เป็นการ Cross ระหว่างช่องทางการสื่อสารที่มีอยู่

สำหรับเฟส 4 ที่กำลังเดินหน้าอยู่ขณะนี้เป็นช่วงของ Edutainment หรือความบันเทิงบนสาระ โดยตัดเกมโชว์ออกแล้วใส่ความรู้ ไม่ว่าจะเป็นรายการสารคดีจอโลก Cyber Zone รายการคุยคุ้ยข่าว รายการบันทึกโลก รายการคุณพระช่วย ราย การแดนสนธยา

"เป็นการใส่นวัตกรรมทางความคิด ต้องการ พาสังคมคนสู่อนาคต มิเช่นนั้นเด็กๆในสังคมจะวนอยู่เหมือนเดิมหากมองในภาพรวม โมเดิร์น ไนน์ของมิ่งขวัญ เป็นการเดินสวนทางกับหลายช่องทีวีที่ต้องการเข้าสู่บันเทิงมากกว่ารายการข่าวสาร ในช่วง 2 ปีที่เกิดขึ้นกับอ.ส.ม.ท.ยุคของเขา มิ่งขวัญ บอกว่า ตัวเลขรายได้พุ่งขึ้นมาจากเดิมที่มีรายได้ 350 ล้านบาทต่อปีสำหรับค่าเช่า มาเป็น 160-200 ล้านบาทต่อเดือน รวมตัวเลข 8 เดือน(ต.ค.46-พ.ค.47) อ.ส.ม.ท.มีรายได้รวม 1,751 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 86.3% แม้ว่าจันทร์-ศุกร์จะไม่มีละครให้เห็นในโมเดิร์น ไนน์ทีวี

"ถึงวันนี้มีรายการกว่า 300 รายการรอให้เราคัดเลือก เราจะไม่สนว่ามาจากไหน ของใคร หากเข้าคอนเซ็ปต์ ก็จะคัดเลือกและเป็นที่รู้กันว่า เราจะปรับปรุงรายการทุก 6 เดือน หากคุณไม่โดนจริงๆ ก็ต้องถูกคัดออก เป็นเงื่อนไขของเราที่ทุกคนยอมรับ

สำหรับเฟส 5 กำลังอยู่ในช่วงวางแผน คาดว่าจะได้เห็นหลังจากที่อ.ส.ม.ท.เปลี่ยนเป็น บมจ. อ.ส.ม.ท. อีก 3 เดือนข้างหน้า

ขณะที่ในส่วนของกิจการวิทยุ ซึ่งอ.ส.ม.ท.มี 62 สถานี ได้มีการดึงเวลามาดำเนินการเองในบางส่วน เป็น โมเดิร์น เรดิโอ ซึ่งในสิ้นปีนี้สถานีเอฟเอ็มในเขตกรุงเทพฯอ.ส.ม.ท.จะดึงกลับมาบริหารจัดการเองทั้งหมด
วางแผนรุกตลาดโลก
หลังจากที่บริษัท อ.ส.ม.ท. จำกัด(มหาชน)เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯตามเป้าหมาย ยุทธศาสตร์ที่ถูกกำหนดขึ้นของว่าที่กรรมการผู้จัดการใหญ่ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ก็คือ 3 ยุทธศาสตร์ใหญ่ที่จะสร้างความ ยิ่งใหญ่แก่คนไทยและชาวโลก ได้แก่
แผนที่ 1 สร้างสถานีโทรทัศน์ช่องใหม่ MCOT TV หรือ เอ็มคอต ทีวี เป็นโกลบอลเน็ตเวิร์ก ทีวี เป็นทีวีที่จะไปแข่งขันกับทีวียักษ์ใหญ่ของโลก โดยมีรัฐบาล กระทรวงต่างประเทศ และหน่วยที่เกี่ยว ข้องร่วมกันเจรจากับประเทศต่างๆเพื่อวาง Land Base หมายถึงเครือข่ายรับชมโกลบอล ทีวี ของไทย ประเทศเป้าหมายที่วางไว้ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน อินเดียและประเทศสแกนดิเนียเวีย

การสร้างเครือข่ายรับสัญญาณ ซึ่งเป็นหัวใจของระบบโกลบอลทีวีนั้น อ.ส.ม.ท.มีแผนที่จะจับมือกับยักษ์ใหญ่ของโลกที่มีลูกข่ายรับสัญญาณจำนวนมหาศาลในมือ โดยเฉพาะระบบเคเบิลทีวี ยักษ์ใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็นเครือข่าย AOL เจ้าของ CNN ในประเทศสหรัฐฯ หรือ BBC ในอังกฤษ หรือสตาร์ทีวี ของรูเพิร์ต เมอร์ดอก ออสเตรเลีย เป็นต้น

"เราจะคุยกับคน 3,000 ล้านคนทั่วโลก จะเป็น หน้าต่างของโลกตะวันออก (Window of Oriental) เป็นช่องใหม่ที่จะทำให้ไทยสู่สังคมโลก มิ่งขวัญ อธิบายเสริมว่า ทีวีช่องใหม่จะใช้เงินประมาณ 3,000 ล้านบาทจะตั้งสถานีรับและส่งในประเทศต่างๆ ซึ่งจะต้องใช้วิธีการเปิดเจรจาระดับรัฐบาล โดยรายการ ที่ออกอากาศจะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เน้นเนื้อ หาเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศแถบตะวันออก
มิ่งขวัญ ยกตัวอย่างว่า จะมีรายการทีวีเกี่ยวกับประเทศกัมพูชา พูดถึงปราสาทนครวัด ซึ่งเป็นมรดกโลก ขณะนี้มีภาพยนตร์ฮอลลีวูดมาฉาย อาทิ ทูมไรเดอร์ ทำให้ทั่วโลกรู้จัก ชาวต่างชาติที่สนใจจะบินเข้ามาอาจจะพักเมืองไทยแล้วบินไปเที่ยวที่นั่น ประเทศพม่ามีเจดีย์ชเวดากอง สวยงาม คนอยากไปเที่ยว ประเทศลาว มีเมืองที่ยังบริสุทธิ์มากว่า 700 ปีอย่างหลวงพระบาง คนต้องการมาดูกำแพงเมืองจีนก็มาได้ หลังจากที่สนามบินสุวรรณภูมิเสร็จ สามารถรองรับได้ทันที

"เราใช้สื่อ MCOT TV ในการรุกเข้าสู่ตลาดโลก ดึงคนเข้ามา จะได้ทั้งการท่องเที่ยว การลงทุน การค้าระหว่างประเทศ เราจะเป็นศูนย์กลางแห่งโลก ตะวันออก ถ้าเราไม่สื่อจะทำไม่ได้ เป็นสื่อที่แตกต่างจาก CNN และ BBC อย่างสิ้นเชิง ทีวีช่องนี้ปีเดียวจะใหญ่กว่าอ.ส.ม.ท.เสียอีก

ก้าวย่างแรกสำหรับเอ็มคอตทีวีก็คือการ เตรียม ประกาศรับพนักงานจำนวนมากเป็นซูเปอร์รีครูซเลยทีเดียว ทุกคนที่จะเข้าไปทำงาน จะต้องมี ความรู้ สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว

แผนที่ 2 สร้าง Regional Hub of Com-munication ในประเทศไทย หมายถึง เป็นศูนย์ กลางข้อมูลข่าวสารในภูมิภาค มิ่งขวัญ บอกว่า เป็นเพราะปัจจุบันศูนย์ข้อมูลข่าวจะอยู่ที่ฮ่องกงและสิงคโปร์ ต่อไปจะมีการแข่งขันกันด้านข้อมูลข่าวสารมากขึ้น โดยฮ่องกงมีสำนักข่าว CNN ใช้เป็นฐาน ใหญ่ ขณะที่สิงคโปร์ มีBBC เป็นฐานใหญ่ แต่ไทย ยังไม่มี มีแต่สาขาเท่านั้น

"เมื่อโลกยุคนี้มีการแข่งขันข้อมูลข่าวสารมากขึ้น เป็นสังคมแห่งความรู้ ไทยก็ต้องมีสำนักข่าวมา อยู่ที่นี่

แผนที่วางไว้ของเขาก็คือ การดึงเอาสำนักข่าวระดับชาติมาตั้งฐาน Regional office ในประเทศไทย โดยติดต่อกับสถานี TV5 ซึ่งส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมเป็นภาษาฝรั่งเศส ทั้งทวีปเอเชีย สำนักข่าว NHK ญี่ปุ่น CCTV ของจีน KBS เกาหลี

"ขณะนี้ TV5 และ NHK มาตั้งแล้วที่อ.ส.ม.ท. ขณะที่ CCTV ของจีนตอบตกลงแล้ว KBS กำลังอยู่ระหว่างเลือกพื้นที่ รวมแล้วทั้ง 4 แห่งมาแน่นอน ผอ.อ.ส.ม.ท. บอก
หลังจากนี้มิ่งขวัญ บอกว่าจะเจรจากับ CNN เพื่อให้มาตั้งเป็น Regional Office
ทั้งนี้สายสัมพันธ์ที่เขาได้สร้างไว้ก็คือการจับมือ กับเครือข่ายสำนักข่าวต่างชาติ 37 แห่งมาร่วมในสถานีโมเดิร์น เรดิโอ ของอ.ส.ม.ท.

"เราไม่ได้เป็นตัวเงิน แต่จะได้ในเรื่องภาพที่จะออกสู่ตลาดโลกแผนที่ 3 Digital Technolo gy โดยรัฐบาลได้อนุมัติให้อ.ส.ม.ท.เป็นเจ้าภาพในการดูแลเรื่องการนำระบบดิจิตอล เทคโนโลยีมาใช้ในกิจการสื่อสารของประเทศ ในส่วนของระบบวิทยุโทรทัศน์ เป็นการดูแลทั้งในเรื่องเครื่องรับและภาคส่งสัญญาณทีวี ระบบดิจิตอล
มิ่งขวัญ บอกว่า ปัจจุบันกระแส ดิจิตอล เทค โนโลยีกำลังจะเข้ามาแทนที่ระบบอะนาล็อก เนื่อง จากประเทศแม่ทั้ง 6 ชาติ อาทิ สหรัฐฯ เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ ญี่ปุ่น กำลังมีการพัฒนาระบบนี้ทดแทนของเดิม

"เราจะเป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้ ขณะนี้อ.ส.ม.ท. มีระบบดิจิตอลทดสอบอยู่แต่ยังไม่ได้เลือกว่าจะเป็น ระบบดิจิตอลของประเทศไหน เราจะต้องศึกษาดูทั้งกระบวนการ และให้เอกชนรับรู้ว่าจะทยอยเลิก ผลิตอย่างไร ถือเป็นภารกิจของชาติ
สำหรับการคัดเลือกระบบดิจิตอลนั้น เขายอมรับว่า อาจจะถึงขั้นต้องไปดูแผนแม่บทของประเทศแม่แต่ละแห่งที่ผลิตอย่างละเอียด เพื่อจะได้คัดเลือกได้ถูกต้อง ไม่ตกกระแสโลก

"ถือเป็นจุดเปลี่ยนของการสื่อสารโลกก็ว่าได้ ถ้าเค้าเปลี่ยนเราก็ต้องเปลี่ยน ไม่ใช่แค่เรื่องดิจิตอล ทีวีอย่างที่พูดกันแล้ว มันมากกว่านั้นอีก

ขณะที่ระบบการส่งสัญญาณของอ.ส.ม.ท. ล่าสุดจะมีการปรับเปลี่ยนจากเดิมที่ใช้สถานีฐานหนองแขมยิงส่งสัญญาณเข้ามาในแถบกรุงเทพฯมากว่า 20 ปี จะย้ายมาส่งที่ตึกไบหยกทาวเวอร์ 2 ตั้งแต่ 29 กรกฎาคมนี้

ไม่เพียงแต่ยุทธศาสตร์การรุกธุรกิจของ อ.ส.ม.ท.เท่านั้น ในภาคการลงทุนอ.ส.ม.ท.ก็เตรียม ที่จะลงทุน 607 ล้านบาทก่อสร้างอาคารสูง 12 ชั้นเพื่อสร้างเป็นสำนักงานใหญ่ และตกแต่งอาคารหลังเก่า 6 ชั้นที่เดิมให้ดูทันสมัยมากขึ้น ซึ่งเงิน จำนวน 607 ล้านบาทไม่ใช่เงินที่หวังจะระดมจากตลาดหุ้น แต่เป็นเงินที่มาจากกำไรสะสมของ อ.ส.ม.ท.เอง

"เราจะสร้างองค์กรให้ทันสมัย เป็นองค์กรที่มีศักยภาพ โครงการการทำงานจะแบ่งเป็น คลัสเตอร์ เปลี่ยนแปลงวิธีคิด วิธีการทำงานใหม่ พนักงานจะมีความสุขในการทำงาน มีรายได้ที่อยู่ระดับแนวหน้า แบ่งกลุ่มงานในประเทศและต่างประเทศชัดเจน
มิ่งขวัญยืนยันว่า วิธีคิดและการทำงานของเขาจะเน้นที่ข้อเท็จจริงและตัวเลขที่สะท้อนถึงการทำงาน วางวิสัยทัศน์และมียุทธศาสตร์ ที่สำคัญคือ แผนงานต่างๆจะต้องสามารถปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรมได้จริง ทุกคนสามารถประเมินผลได้

"หลายคนบอกว่าผมเป็นคนคิดเร็ว ทำเร็ว พวก Fast Moving ผมเข้ามาในอ.ส.ม.ท.ก็จัดการเปลี่ยนแปลงเลย 2 ปีที่ผ่านมามีความแตก ต่างไปมาก ผมมาคนเดียว พนักงาน1,100 คนเป็น ของที่นี่ ทุกคนร่วมกันทำงาน เมื่อผลงานออกมาดีก็ต้องได้รับกลับไป ผมจะขึ้นเงินเดือนไปเรื่อยๆ หากกำไรออกมาดีเขาย้ำ

ต้องจับตาผลงานของเขา หลังจากนำพาองค์กรเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระดมเงินไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาทมาเรียบร้อยแล้ว จะเดินหน้ายุทธศาสตร์ให้ถึงเป้าหมายหรือไม่ อย่างไร"!?!

ปั้นอ.ส.ม.ท.ตามรอย บ.รถไฟญี่ปุ่น สวัสดิการยอดคนรุ่นใหม่อยากทำงาน
"มิ่งขวัญเล็งปั้นอ.ส.ม.ท.เทียบชั้น "ชินคันเซนของญี่ปุ่น หวังสร้างภาพลักษณ์เป็นองค์กรที่ทันสมัย มีสวัสดิการเงินเดือนสูง และเป็นองค์กรชั้นนำของประเทศ มั่นใจจะเป็นองค์กรที่คนรุ่นใหม่ใฝ่ฝันอยากเข้าร่วมงาน

มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ผู้อำนวยการ อ.ส.ม.ท. กล่าวว่า ภาระกิจต่อไปจะพยายามสร้างอ.ส.ม.ท.ให้เป็นองค์กรที่คนรุ่นใหม่ คนหนุ่มสาวใฝ่ฝันที่จะเข้าร่วมงาน เหมือนที่ในประเทศญี่ปุ่น ที่คนหนุ่มสาวทุกคนใฝ่ฝันที่จะเข้าทำงานในการรถไฟ ที่รู้จักกันในนามรถไฟ ชินคันเซน (SHIN KAN SEN) (JAPAN RAILWAY) หรือ JR เพราะเป็นองค์กรที่ทันสมัย มีสวัสดิการและเงินเดือน รวมถึงผลตอบแทนอย่างดี และดีกว่าในปัจจุบันมาก โดยในเร็วๆ นี้ มีแผนที่จะปรับเงินเดือนพนักงานทุกคนขึ้น 50%
ขณะนี้อ.ส.ม.ท.อยู่ระหว่างการปรับโครง สร้าง องค์กรใหม่ทั้งหมด โดยได้ว่าจ้าง บริษัท วัทสัน ไวแอด (ประเทศไทย) จำกัด เป็นที่ปรึกษา เพื่อจัดโครงสร้างองค์กรใหม่ โดยเบื้องต้นการทำงานของทุกฝ่ายจะแยกจากกันอย่างชัดเจน ในลักษณะหน่วยธุรกิจ (BUSINESS UNIT) อาจจะมีกลุ่มโทรทัศน์ กลุ่มวิทยุ กลุ่มสำนักข่าวไทย และกลุ่มบริหารงานกลาง เป็นต้นผผทั้งนี้จะมีหลายสายงานเกิดใหม่อีกหลายหน่วยงาน และจะต้องรับบุคลากรเข้ามาร่วมงานอีกมาก คาดว่า จะเห็นเป็นภาพองค์กรใหม่เร็วๆ นี้

"ในอดีตการรถไฟชินคันเซนของญี่ปุ่นนั้น เป็นองค์การที่เชยล้าสมัยมาก ไม่ได้รับความสน ใจจากบุคคลทั่วไปทั้งในแง่ของบุคลากรที่จะเข้ามา ร่วมทำงาน ผู้โดยสารก็ไม่อยากใช้บริการทำให้ผล การดำเนินงานไม่ค่อยดี ซึ่งก็เหมือนอ.ส.ม.ท.ในช่วงที่ผ่านมา และวันหนึ่งชินคันเซ็นคิดว่า จะต้องปฏิวัติองค์กรใหม่ทั้งหมด โจทย์ของ JR ก็คือทำอย่างไรจะให้มีผู้โดยสารมาใช้บริการมาก ขึ้น จึงหันมาดูว่าหน่วยงานของตัวเองนั้นทำอะไร และจะขายอะไร ก็คิดว่าสินค้าที่จะขายคือรถไฟ ดังนั้นก็จะต้องปรับปรุงรถไฟให้ทันสมัยและวิ่งได้เร็วขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่งได้ชื่อว่าเป็นรถไฟที่วิ่งเร็วที่สุดในโลกสายหนึ่งเช่นกัน มิ่งขวัญกล่าว

เขาระบุด้วยว่า ทุกวันนี้ ชินคันเซ็นสามารถ ปรับปรุงตัวเองจนกลายเป็นองค์กรที่ทันสมัย มีภาพลักษณ์ของความเป็นคนรุ่นใหม่ มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจนสามารถจ่ายสวัสดิการ และเงินเดือนให้พนักงานได้อย่างมาก ส่งผลให้คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ในญี่ปุ่นเกือบทุกคน ใฝ่ฝันที่เข้า มาทำงานที่นี่ให้ได้ นี่ก็คือเป้าหมายของอ.ส.ม.ท. ที่จะพลิกองค์กรให้เป็นเหมือนชินคันเซ็นที่ทำสำเร็จมากแล้ว และคิดว่าความฝันนี้คงไม่ไกลเกินไป เพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อ.ส.ม.ท.ได้เริ่มปฏิวัติตัวเองแล้ว และทุกวันนี้เรตติ้งของ อ.ส.ม.ท. ก็เพิ่มมากขึ้นมาโดยลำดับ

นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่าผลการดำเนินงาน ของอ.ส.ม.ท.ในช่วงก่อนหน้านี้ 2 ปี อ.ส.ม.ท.มีรายได้จากการขายโฆษณาเฉลี่ยที่ปีละ 350 ล้านบาท แต่ปัจจุบันมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 160-200 ล้านบาท โดยช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค.46-พ.ค. 47) มีรายได้รวม 1,751.51 ล้านบาท มากกว่าช่วง เดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 1,236.8 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 41.6% ขณะที่มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นเพียง 12% เท่านั้น จาก 743.9 ล้านบาทเป็น 833.2 ล้านบาท แต่เมื่อดูที่กำไรสุทธิแล้ว เพิ่มขึ้นถึง 86.3% จาก 492.9 ล้านบาท เป็น 918.3 ล้านบาท

มิ่งขวัญ กล่าวว่า ส่วนเหตุผลที่อ.ส.ม.ท.จะปรับเงินเดือนได้ถึง 50% นั้น นอกเหนือจากผลประกอบการที่ดีขึ้นแบบก้าวกระโดดแล้ว ก็มาจาก การที่พนักงานทุกคนร่วมใจกันพัฒนาองค์กรให้ดีขึ้น และอ.ส.ม.ท.เองมีแผนที่จะก้าวเข้าสู่ตลาดโลก มีทีวีสำหรับประชาคมโลก ดังนั้น ในเรื่องของ ผลตอบแทนก็ต้องอยู่ในระดับโลก ตามราคาตลาดด้วย

อีกทั้งจะปรับปรุงอาคารที่มีอยู่ใหม่ โดยมีการออกแบบที่หรูหรา มีล็อบบี้เหมือนโรงแรม มีห้องโถง ห้องประชุม อาคารจอดรถ มีห้องออก กำลังกาย เฮลธ์คลับ มุมน้ำชากาแฟ ซึ่งพนักงาน ทุกคนสามารถใช้บริการเหล่านี้ได้ฟรี โดยภายใน 2 เดือนข้างหน้า จะส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมา เพื่อนำไปก่อสร้างใหม่

ขณะนี้กำลังประกวดราคา คาดว่าจะใช้งบประมาณในการปรับปรุงก่อสร้างครั้งนี้ 607 ล้านบาท ค่าก่อสร้างดังกล่าวนี้ เป็นเงินงบประมาณที่กันไว้แล้วตั้งแต่ปีก่อนหน้า ไม่ได้เป็นเงินที่จะนำ มาจากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อีกทั้งยังสามารถประหยัดลงไปได้ถึง 50% เพราะใช้โครงสร้างฐานรากเดิม เนื่องจากวิศวกรเข้ามาตรวจสอบอาคารแล้ว พบว่า โครง สร้างยังแข็งแรง สามารถปรับปรุงใหม่ได้ อ.ส.ม.ท. จึงใช้โครงสร้างเดิม

จากแผนงานเหล่านี้ เชื่อว่าจะทำให้คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจ ที่จะเข้ามาทำงานกับอ.ส.ม.ท. โดยอ.ส.ม.ท.จะคัดเลือกบุคคลที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ อาทิ มีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ ภาษาอังกฤษ หรือภาษาอื่นๆ เป็นอย่างดีด้วย ซึ่ง เงื่อนไขการรับพนักงานใหม่นี้ก็จะเข้มข้นกว่าเดิม เพื่อสกัดเด็กฝาก เด็กเส้น เพราะที่ผ่านมา ภาพของความเป็นรัฐวิสาหกิจ จะมีเด็กฝากเด็กเส้นจำนวนมาก แต่อ.ส.ม.ท.รุ่นใหม่นี้ จะไม่ต้องการ ขยะเหล่านี้ เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นตัวฉุดไม่ให้ อ.ส.ม.ท.รุดหน้าไปได้ตามแผนที่วางไว้
จากอดีตสู่อนาคตของ อ.ส.ม.ท. ก้าวสู่ยุคที่ 3 เน้นความรู้คู่ข่าวสาร
ปัจจุบันอ.ส.ม.ท.กำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยน แปลงในยุคที่ 3 ซึ่งเป็นยุคที่สำคัญที่จะพลิกองค์กรก้าวเข้าสู่ยุคข่าวสารที่มีสาระ จากเดิมที่มีภาพลักษณ์เป็นรัฐวิสาหกิจที่มีความเชย ล้าสมัย ไม่ได้รับความสนใจจากประชาชน ซึ่งแตกต่างจากสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่อง 3 และช่อง 7

วันนี้ อ.ส.ม.ท.เป็นสถานีที่กำลังได้รับความ นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ได้เริ่มปฏิวัติตัวเอง ในคอนเซ็ปต์ Modernine TV (โมเดิร์นไนท์ ทีวี)

โดยในช่วง 49 ปี ของการก่อตั้งอ.ส.ม.ท.ที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ 3 ครั้ง โดยยุคแรกเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่10 พ.ย. 2495 ได้จัด ตั้งบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด ในรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมา วันที่ 31 ม.ค. 2497 สถานีวิทยุกระจายเสียง ท.ท.ท. ของบ.ไทยโทรทัศน์ จำกัดส่งกระจายเสียงอย่างเป็นทางการครั้งแรก และ 24 มิ.ย. 2498 สถานีโทรทัศน์ ทีวีช่อง 4 (ขาว-ดำ) ของบริษัทไทยโทรทัศน์ ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งแรกบนผืนแผ่นดินใหญ่ ของทวีปเอเชีย แพร่ภาพออกอากาศ เป็นครั้งแรก

ในยุคนี้ถือเป็นยุคแรก ของอ.ส.ม.ท.ที่การดำเนินงานในช่วงนั้น ให้น้ำหนักไปที่ละคร ซึ่ง ดารา ที่มีชื่อเสียงหลายคนแจ้งเกิดจากที่นี่ อาทิ นงลักษณ์ โรจนพันธ์ นันทวรรณ เมฆใหญ่, กำธร สุวรรณปิยะศิริ เป็นต้น

หลังจากนั้น ในวันที่ 4 มี.ค. 2513 บ.บาง กอกเอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (ทีวีช่อง 3) กับ บ.ไทยโทรทัศน์ ทำสัญญาร่วมดำเนินกิจการส่งโทร ทัศน์ และวันที่ 25 มี.ค. 2520 เปลี่ยนจาก บ.ไทยโทรทัศน์ เป็นองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.) โดยในยุคนี้ถือเป็นยุคที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

โดยในยุคนี้ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคที่ 2 หันไปให้ความสำคัญกับความหลากหลาย ซึ่งมีทั้งราย การประเภทการ์ตูน มิวสิกวิดีโอ และเกี่ยวข้องกับการเมืองด้วย เพราะทุกครั้งที่เกิดการปฏิวัติ จะมีการเข้ายึดอ.ส.ม.ท.ทุกครั้ง เพื่อใช้เป็นกระบอกเสียงในการทำความเข้าใจกับประชาชน ดังนั้นการ บริหารในยุคนั้น จึงแข่งขันกับช่องอื่นๆ ไม่ได้

กระทั่งสู่ยุคที่ 3 เมื่อ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการ อ.ส.ม.ท. ในวันที่ 17 ก.ค. 2545 ได้กำหนดวิสัยทัศน์ในการบริหาร อ.ส.ม.ท. ด้วยการนำสื่อของ อ.ส.ม.ท. ไม่ว่าจะเป็น สถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุกระจายเสียง และสำนักข่าวไทย มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ และประชาชนในระดับชาติและท้อง ถิ่น โดยการบูรณาการสื่อ หรือ Integrated Media หรือ Integrated Channel of Commu nication หรือช่องทางการสื่อสาร ฉะนั้นบทบาท ที่สำคัญของ อ.ส.ม.ท. คือ การเป็นสื่อกลางของการสื่อสารความเข้าใจทั้งประชาชนไทยและประชาคมโลก
ด้านหนึ่ง คือ การเป็นสื่อกลางในการสื่อสาร ภาพลักษณ์ของประเทศที่สงบ ร่มเย็น มีความสุข ปลอดภัย เอื้อต่อการลงทุน ท่องเที่ยว และค้าขาย สู่ประชาคมโลก อีกด้านหนึ่ง คือ สื่อสารให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดไปยังประชาชนไทยทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ซึ่งจะเห็นได้จากการ เปิดตัวของสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ในนาม Modernine TV ที่มุ่งเน้นไปที่การเป็นสถานีข่าว และสาระ เพื่อนำเสนอข่าวสาร ความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ในประเทศ และนานาชาติ ด้วยบทบาทของการเป็นผู้นำเข้าข่าวสารจากต่างประเทศ และส่งออกข่าวสารจากในประเทศไปสู่นานาชาติ ซึ่ง อ.ส.ม.ท ได้จับมือกับสำนักข่าวนานาชาติ เผยแพร่ข่าวนี้ออกไปทั่วโลก ผ่านสถานีโทรทัศน์ในเครือ CNN BBC NHK CCTV CNBC สำนักข่าว AP เป็นต้น

การพัฒนาสินค้าหลักได้เริ่มต้นจากการเปิด ตัวสถานีโทรทัศน์แห่งความทันสมัย หรือ Mo-dern Television ด้วยการผนึกความแข็ง แกร่งของสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 และสำนักข่าวไทย โดยเปิดตัว Modernine Television เมื่อ 17 ต.ค. 2545
นอกจากนั้น เริ่มต้นการออกอากาศ 24 ชม. และปรับปรุงการนำเสนอข่าว และขยายเวลาในการนำเสนอข่าวถึง 5 ช่วง รวมทั้งข่าว 5 นาที ทุกต้นชั่วโมง อ.ส.ม.ท.ยังคงมุ่งเน้นที่จะเป็นผู้นำ เสนอข้อมูลข่าวสารจากนานาชาติที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนชาวไทย ทั้งในเชิงวิทยาศาสตร์ เทค-โนโลยี สิ่งประดิษฐ์คิดค้น สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม และอื่นๆ พร้อมกับการสร้างความเข้าใจ และนำเสนอภาพลักษณ์ของประเทศไทยสู่นานา ชาติ เพื่อเป็นสื่อกลางของการสื่อสารทั้งกับประชาชนไทยและประชาคมโลก

ช่อง 9 สร้างศักยภาพเหนือคู่แข่ง รอแค่เดินเครื่องเต็ม - รายได้ทะลัก
จับตาหุ้นช่อง 9 ร้อน หลังเรตติ้งเบียดไอทีวี แถมช่อง 5 ยอมแพ้ไม่ดันอาร์ทีเอฯ เข้าตลาด ปล่อยช่อง 9 ฉายเดี่ยว แถมศักยภาพทำกำไรในอนาคตเหนือทุกช่อง ทั้งแผนโกลบอลทีวีเน็ตเวิร์ก และศูนย์กลางข่าวในภูมิภาคเอเชีย

แหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์กล่าวว่า เท่าที่ดูการเปลี่ยนแปลงของช่อง 9 ถือว่ามีการเปลี่ยนไปในทางที่ดี เห็นได้จากรายได้ของช่อง 9 ภายหลังการปรับผังรายการ ทำให้มีรายได้เข้ามามากขึ้น ขณะนี้ทางช่อง 9 ยังเดินได้ไม่เต็มรูปแบบ เพราะใน ไม่ช้าจะมีการนำเอาช่อง 9 ก้าวเข้าไปสู่ทีวีระดับโลก โกลบอลทีวี เน็ตเวิร์ก (TV Global Network) ด้วยการออกอากาศเป็นภาษาอังกฤษ ยิงผ่านดาวเทียมไปกว่า 12 ประเทศหลักๆ ทั่วโลก เช่น อิตาลี ออสเตรเลีย จีน อินเดีย และอังกฤษ ซึ่งน่าจะเป็นตัวเพิ่มรายได้และภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรและประเทศไทย

นอกจากนี้ทางช่อง 9 ยังมีรายได้เสริมจากส่วนของสัมปทานที่ได้รับจากช่อง 3 ที่บีอีซี เวิลด์ได้รับสัมปทานไป และยังมีกิจการเคเบิลทีวีที่กลุ่มยูบีซีเป็นผู้เข้ามาดำเนินงาน รวมไปถึงรายได้จากคลื่นวิทยุที่ช่อง 9 มีสถานีวิทยุทั่วประเทศ 62 แห่ง โดยมีการดึงช่วงเวลาบางช่วงของสถานีวิทยุที่มีผู้ฟังมากอย่างเช่น F.M.96.5 และ F.M.99 และที่น่าสนใจคือการเปิดตัวคลื่น F.M. 107 ที่ดำเนินรายการ เพลงสากล และเสนอข่าวต้นชั่วโมงกับสำนักข่าวบีบีซี จากประเทศอังกฤษ ขณะที่คลื่นวิทยุอื่นได้ปล่อยให้ภาคเอกชนรายอื่นเข้ามารับช่วงดำเนินการ

อีกทั้งยังมีแผนที่จะสร้างให้ไทยเป็นศูนย์กลาง ของสำนักต่างประเทศประจำภูมิภาคเอเชีย และแผน การการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิตอล ตลอดจนการขยายระบบสัญญาณการแพร่ภาพให้ชัดเจนทั่วประเทศ รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือและซอฟต์แวร์ ต่างๆ ซึ่งจะต้องระดมทุนราว 7 พันล้านบาท

"ที่สำคัญคือเรื่องวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ที่มีแนวคิดกว้างไกลและดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อให้แผนการระดมทุนเดินหน้าต่อไปได้ คาดว่างบการ เงินสิ้นสุดเดือนกันยายน 2547 จะเป็นตัวพิสูจน์ได้เป็น อย่างดี เพราะในรอบปี 2546 ที่ผ่านมาถือเป็นช่วงปรับเปลี่ยน ทำให้รายได้ที่เข้ามายังไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย

เหนือกว่าคู่แข่ง
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์กล่าวว่า การก้าวเข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียนอีกแห่งหนึ่งของ อ.ส.ม.ท. ถือว่าน่าจับมามองหุ้นตัวนี้มาก หากเปรียบเทียบบริษัทที่มีอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เช่น บีอีซี เวิลด์ หรือช่อง 3 หรือสถานีโทรทัศน์ไอทีวี แม้ว่าช่อง 9 อาจจะดูเป็นรองในเรื่องความนิยมของผู้ชม(เรตติ้ง) ที่ ช่อง 3 และไอทีวีที่เพิ่งปรับผังรายการไปเมื่อเดือน เมษายนที่ผ่านมา แต่ในระยะยาวแล้วศักยภาพของ ช่อง ถือว่าเหนือกว่าช่อง 3 และไอทีวีมาก

ประการแรกคือ เรื่องเครือข่ายที่ช่อง 9 มีคลื่น วิทยุรองรับและเป็นตัวสร้างรายได้ ขณะที่ช่อง 3 มีเพียง F.M.105.5 แต่คลื่นนี้ก็เป็นของ อ.ส.ม.ท.หรือช่อง 9 ขณะที่ไอทีวีไม่มีคลื่นวิทยุ

ประการต่อมาคือ แผนธุรกิจที่ช่อง 9 จะเดินหน้าไปสู่วงการทีวีระดับโลกภายใต้การแพร่ภาพไปยัง 12 ประเทศ ขณะที่ ช่อง 3 เป็นเพียงผู้รับสัมปทานจาก อ.ส.ม.ท.อีกต่อหนึ่ง จึงเป็นการยากต่อการลงทุนในลักษณะนี้ ส่วนไอทีวียังมีเรื่องของภาระค่าสัญญาสัมปทานที่ยังไม่ได้ข้อสรุป แม้จะได้ผู้ร่วมทุนกลุ่มใหม่อย่างไตรภพ ลิมปพัทธ์ และกลุ่มของกันตนาเข้ามาแล้วก็ตาม

ขณะที่คู่แข่งอีกรายอย่างช่อง 5 ที่มีข้อครหาจากการนำเอาบริษัท อาร์ทีเอ เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยคณะกรรมการบริหารวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ได้ตัดสินใจยกเลิกการนำบริษัทนี้เข้าตลาดหลักทรัพย์ จึงทำให้ทุกวันนี้ช่อง 9 ไม่มีคู่แข่ง แต่ถึงอย่างไรหากเปรียบเทียบระหว่างช่อง 5 กับช่อง 9 แล้ว

"ช่อง 9 ยังถือว่าเหนือกว่ามาก โดยเฉพาะในเรื่องของเครือข่ายและที่สำคัญคือเรื่องนโยบายในการบริหาร เพราะช่อง 5 ยังมีภาพของกองทัพบกอยู่ หากแนวทางการนำช่อง 9 เข้าระดมทุนในตลาด หลักทรัพย์ไม่มีปัญหาอะไร เชื่อว่าหุ้นตัวนี้จะเป็นหุ้นอีกตัวหนึ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจมาก ยิ่งในระยะหลังอันดับความนิยมของผู้ชมในช่อง 9 เริ่มตีตื้นไอทีวีขึ้นมาทุกขณะ นักวิเคราะห์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น