แอลแอนด์อีเผยตัวเลขยอดขายครึ่งปีแรกโต 30% ล่าสุดเตรียมผงาดเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในไตรมาสนี้ มั่นใจครึ่งปีหลังตลาดธุรกิจไฟฟ้าแสงสว่างสดใสบริษัทฯคาดว่าจะโตอีก 30 % ตั้งเป้าเป็นผู้นำในเขตภูมิภาคอาเซียนแบบครบวงจร
นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ แอลแอนด์อี เปิดเผยถึงสถานการณ์ธุรกิจตลาดไฟฟ้าแสงสว่างในปีนี้ว่า ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาบริษัทฯมียอดขายโตขึ้น 39% สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะบริษัทฯ รุกเจาะตลาดทั้ง 3 กลุ่มหลักมากขึ้น ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโครงการ คิดเป็นสัดส่วน 55% ธุรกิจขายส่งและขายปลีก 40% และธุรกิจส่งออก 5% รวมถึงการที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมในเรื่องประหยัดพลังงาน ประกอบกับปัจจัยภายในและภายนอกด้านต่างๆ ส่งผลให้ธุรกิจโดยรวมในปีนี้คาดว่าจะโตขึ้น 20-25% จากตลาดรวมกว่า 8,000 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าตลาดปีนี้ถือว่าโตสูงขึ้นถ้าเทียบกับเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วที่โตเพียง 10-15% ในขณะที่ปีที่แล้วบริษัทฯมียอดขายประมาณ 785 ล้านบาท
สำหรับการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังบริษัทฯ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 30% โดยจะเน้นสร้างความแข็งแกร่งให้กับฐานธุรกิจทั้ง 3 กลุ่ม ด้วยการเพิ่มบุคลากรในแต่ละฐานธุรกิจ, การออกแบบหลอดไฟที่มีดีไซน์สวย เพื่อแข่งกับตลาดจีน รวมถึงการพัฒนาสินค้าแนวใหม่ๆเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดได้แบบครบวงจร
นอกจากนี้บริษัทฯ เตรียมจะขยายโรงงานเพิ่ม 1 แห่ง ปัจจุบันมี 2 โรงงาน เพื่อรองรับการผลิตสินค้าได้แบบครอบคลุมมากยิ่งขึ้นและลดต้นทุนในการจ้างบริษัทอื่นผลิต ทั้งนี้ เดิมทีต้องจ้างโรงงานอื่นผลิตให้ คิดเป็น 40% นำเข้าจากต่างประเทศ 30% และอีก 30% ผลิตสินค้าเอง
ปัจจุบันสินค้าของแอลแอนด์อีแบ่งเป็น 4 ประเภทใหญ่ ดังนี้ กลุ่มหลอดไฟฟ้า 45% , โคมไฟฟ้า 30% , อุปกรณ์ไฟฟ้า 15% และเสาไฟฟ้า10%
นายอนันต์ กิตติวิทยากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯได้วางเป้าแผนการตลาดและเครือข่ายการบริการ เพื่อก้าวสู่เป็น "Total Lighting Solution Provider" ในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงการขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เช่น หน่วยราชการต่างๆ ในขณะที่ธุรกิจส่งออกบริษัทฯ จะเน้นตลาดภูมิภาคอาเซียนเป็นหลัก เช่น ฟิลิปปินส์, กัมพูชา , เวียดนาม เป็นต้น
ส่วนโครงการใหญ่ที่บริษัทฯได้เซ็นสัญญากับบริษัทต่างๆ อาทิ บริษัท IDS Joint Venture ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างอิตาเลียน-ไทย ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด , บริษัท Dai-Dan จำกัด และบริษัท Sumitomo Densetsu จำกัด ในการจัดหาโคมไฟฟ้าสำหรับงานระบบไฟฟ้าแสงสว่างของอาคารที่พักผู้โดยสาร และไฟหลุมจอดในสนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีมูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท
นอกจากนั้นบริษัทฯ เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในไตรมาสนี้ ด้วยทุนจดทะเบียน 137.5 ล้านบาท หลังจากที่บริษัทฯ เพิ่งแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยหลังจากที่เข้าตลาดฯแล้ว บริษัทฯเตรียมปรับรูปแบบงบการดำเนินธุรกิจใหม่ดังนี้ การพัฒนาสินค้า 10% การขยายโรงงาน 20% การขยายเครือข่าย 25% และเป็นทุนหมุนเวียน 45%
นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ แอลแอนด์อี เปิดเผยถึงสถานการณ์ธุรกิจตลาดไฟฟ้าแสงสว่างในปีนี้ว่า ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาบริษัทฯมียอดขายโตขึ้น 39% สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะบริษัทฯ รุกเจาะตลาดทั้ง 3 กลุ่มหลักมากขึ้น ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโครงการ คิดเป็นสัดส่วน 55% ธุรกิจขายส่งและขายปลีก 40% และธุรกิจส่งออก 5% รวมถึงการที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมในเรื่องประหยัดพลังงาน ประกอบกับปัจจัยภายในและภายนอกด้านต่างๆ ส่งผลให้ธุรกิจโดยรวมในปีนี้คาดว่าจะโตขึ้น 20-25% จากตลาดรวมกว่า 8,000 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าตลาดปีนี้ถือว่าโตสูงขึ้นถ้าเทียบกับเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วที่โตเพียง 10-15% ในขณะที่ปีที่แล้วบริษัทฯมียอดขายประมาณ 785 ล้านบาท
สำหรับการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังบริษัทฯ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 30% โดยจะเน้นสร้างความแข็งแกร่งให้กับฐานธุรกิจทั้ง 3 กลุ่ม ด้วยการเพิ่มบุคลากรในแต่ละฐานธุรกิจ, การออกแบบหลอดไฟที่มีดีไซน์สวย เพื่อแข่งกับตลาดจีน รวมถึงการพัฒนาสินค้าแนวใหม่ๆเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดได้แบบครบวงจร
นอกจากนี้บริษัทฯ เตรียมจะขยายโรงงานเพิ่ม 1 แห่ง ปัจจุบันมี 2 โรงงาน เพื่อรองรับการผลิตสินค้าได้แบบครอบคลุมมากยิ่งขึ้นและลดต้นทุนในการจ้างบริษัทอื่นผลิต ทั้งนี้ เดิมทีต้องจ้างโรงงานอื่นผลิตให้ คิดเป็น 40% นำเข้าจากต่างประเทศ 30% และอีก 30% ผลิตสินค้าเอง
ปัจจุบันสินค้าของแอลแอนด์อีแบ่งเป็น 4 ประเภทใหญ่ ดังนี้ กลุ่มหลอดไฟฟ้า 45% , โคมไฟฟ้า 30% , อุปกรณ์ไฟฟ้า 15% และเสาไฟฟ้า10%
นายอนันต์ กิตติวิทยากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯได้วางเป้าแผนการตลาดและเครือข่ายการบริการ เพื่อก้าวสู่เป็น "Total Lighting Solution Provider" ในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงการขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เช่น หน่วยราชการต่างๆ ในขณะที่ธุรกิจส่งออกบริษัทฯ จะเน้นตลาดภูมิภาคอาเซียนเป็นหลัก เช่น ฟิลิปปินส์, กัมพูชา , เวียดนาม เป็นต้น
ส่วนโครงการใหญ่ที่บริษัทฯได้เซ็นสัญญากับบริษัทต่างๆ อาทิ บริษัท IDS Joint Venture ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างอิตาเลียน-ไทย ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด , บริษัท Dai-Dan จำกัด และบริษัท Sumitomo Densetsu จำกัด ในการจัดหาโคมไฟฟ้าสำหรับงานระบบไฟฟ้าแสงสว่างของอาคารที่พักผู้โดยสาร และไฟหลุมจอดในสนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีมูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท
นอกจากนั้นบริษัทฯ เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในไตรมาสนี้ ด้วยทุนจดทะเบียน 137.5 ล้านบาท หลังจากที่บริษัทฯ เพิ่งแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยหลังจากที่เข้าตลาดฯแล้ว บริษัทฯเตรียมปรับรูปแบบงบการดำเนินธุรกิจใหม่ดังนี้ การพัฒนาสินค้า 10% การขยายโรงงาน 20% การขยายเครือข่าย 25% และเป็นทุนหมุนเวียน 45%