ดิเอ็มโพเรียมรุกสินค้าตกแต่งบ้าน ชูคอนเซ็ปท์ไลฟ์สไตล์ เจาะไฮเอนด์ หวังเติบโตตามธุรกิจที่อยู่อาศัยบูม จัดงานใหญ่ Emporium Living Gallerly หวังยอดขาย 50 ล้านบาท เตรียมดันเป็นงานประจำทุกปี
นางสาวมาลินี ทรัพย์บริบูรณ์ ผู้อำนวยการใหญ่สายบริหารสินค้า บริษัท ซิตี้มอลล์กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า สินค้าตกแต่งบ้านส่วนใหญ่ที่จัดจำหน่ายใน ดิเอ็มโพเรียม เน้นสินค้าตอบสนองความต้องการของลูกค้าระดับไฮเอนด์ เพราะลูกค้ากลุ่มนี้มีปริมาณเติบโตสูง โดยวัดจากการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
จากรายงานของศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในปี 2547 จำนวนที่อยู่อาศัยที่สร้างเสร็จในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะมีประมาณ 51,000 หน่วย โดยมีอัตราขยายตัวประมาณร้อนละ 9
โดยธุรกิจที่คาดว่าจะมีการขยายตัวสูงสุดคือ คอนโดมิเนียม เนื่องจากมีโครงการที่สร้างเสร็จและโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่จำนวนมาก
โดยคาดว่าในปีนี้จะมีโครงการคอนโดมิเนียมกว่า 75 โครงการ ประมาณ 11,000 ยูนิต ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง เช่น สุขุมวิท หลังสวน สาธร พระราม 3 พญาไท พหลโยธิน ซึ่งมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 41.5% และจำนวนดังกล่าวมีถึง 25 โครงการประมาณ 2,500 ยูนิต ที่มีทำเลอยู่ในย่านสุขุมวิทจนถึงเอกมัย ซึ่งโครงการส่วนใหญ่ได้จับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมาเป็นจุดขาย โดยมักจะจับลูกค้าคนรุ่นใหม่ในตลาดระดับบน มีกำลังซื้อสูง เพราะคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองส่วนใหญ่มีราคาประมาณ 4 ล้านบาทขึ้นไป ประกอบกับเริ่มมีกลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติจาก แถบยุโรป ญี่ปุ่น และในเอเชีย ให้ความสนใจในการซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ เพื่อการลงทุนและการอาศัยอยู่เพิ่มมากขึ้น จึงส่งผลให้ความต้องการในการซื้อสินค้าตกแต่งบ้านเพิ่มมากขึ้นด้วย
ปัจจุบันยอดขายสินค้าตกแต่งบ้านของ ดิ เอ็มโพเรียม เติบโตขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในครึ่งปีแรกนี้ มียอดขายประมาณ 150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20 % คาดว่าครึ่งปีหลังจะมียอดขายเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากมีการขยายตัวของระบบขนส่งมวลชน เช่น รถไฟฟ้าBTS รถไฟฟ้ามหานคร ที่ช่วยขยายกำลังซื้อไปยังกลุ่มลูกค้าที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณที่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งช่วยให้การเดินทางมา ดิ เอ็มโพเรียมมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น
ดิ เอ็มโพเรียม ได้นำกลยุทธ์ Lifestyle Marketing มาใช้ในการคัดเลือกสินค้า โดยมีการนำเทรนใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดอยู่เสมอ เนื่องจากความต้องการของลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด จะเป็นการคัดสินค้าเฉพาะที่นำเข้าจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมี Emporium Exclusive ซึ่งเป็นสินค้ารูปแบบเฉพาะพิเศษที่คัดมาเพื่อจำหน่ายใน ดิ เอ็มโพเรียม เท่านั้น และ Exotique Thai ซึ่งเป็นสินค้าไทย สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และลูกค้าที่ชื่นชอบสไตล์การแต่งบ้านแนวร่วมสมัย
ล่าสุดได้จัดงาน Emporium Living Gallerly ขึ้นระหว่างวันที่ 13 - 26 กรกฎาคม 2547 โดยเน้นความเป็น The Ultimate Living & Liftstyle นำสินค้าตกแต่งบ้านชั้นนำมาร่วมกันลดราคาพิเศษทั้งในแผนกดีพาร์ทเม้นสโตร์ และร้านค้าต่างๆ ที่อยู่ในศูนย์การค้า
คาดว่าจะสามารถกระตุ้นกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ และดึงดูดกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากให้มาร่วมงาน คาดว่าจะทำยอดขายได้กว่า 50 ล้านบาท และตั้งเป้าว่ากิจกรรมดังกล่าวจะจัดขึ้นที่ ดิ เอ็มโพเรียมเป็นประจำทุกปี
นางสาวมาลินี ทรัพย์บริบูรณ์ ผู้อำนวยการใหญ่สายบริหารสินค้า บริษัท ซิตี้มอลล์กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า สินค้าตกแต่งบ้านส่วนใหญ่ที่จัดจำหน่ายใน ดิเอ็มโพเรียม เน้นสินค้าตอบสนองความต้องการของลูกค้าระดับไฮเอนด์ เพราะลูกค้ากลุ่มนี้มีปริมาณเติบโตสูง โดยวัดจากการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
จากรายงานของศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในปี 2547 จำนวนที่อยู่อาศัยที่สร้างเสร็จในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะมีประมาณ 51,000 หน่วย โดยมีอัตราขยายตัวประมาณร้อนละ 9
โดยธุรกิจที่คาดว่าจะมีการขยายตัวสูงสุดคือ คอนโดมิเนียม เนื่องจากมีโครงการที่สร้างเสร็จและโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่จำนวนมาก
โดยคาดว่าในปีนี้จะมีโครงการคอนโดมิเนียมกว่า 75 โครงการ ประมาณ 11,000 ยูนิต ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง เช่น สุขุมวิท หลังสวน สาธร พระราม 3 พญาไท พหลโยธิน ซึ่งมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 41.5% และจำนวนดังกล่าวมีถึง 25 โครงการประมาณ 2,500 ยูนิต ที่มีทำเลอยู่ในย่านสุขุมวิทจนถึงเอกมัย ซึ่งโครงการส่วนใหญ่ได้จับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมาเป็นจุดขาย โดยมักจะจับลูกค้าคนรุ่นใหม่ในตลาดระดับบน มีกำลังซื้อสูง เพราะคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองส่วนใหญ่มีราคาประมาณ 4 ล้านบาทขึ้นไป ประกอบกับเริ่มมีกลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติจาก แถบยุโรป ญี่ปุ่น และในเอเชีย ให้ความสนใจในการซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ เพื่อการลงทุนและการอาศัยอยู่เพิ่มมากขึ้น จึงส่งผลให้ความต้องการในการซื้อสินค้าตกแต่งบ้านเพิ่มมากขึ้นด้วย
ปัจจุบันยอดขายสินค้าตกแต่งบ้านของ ดิ เอ็มโพเรียม เติบโตขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในครึ่งปีแรกนี้ มียอดขายประมาณ 150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20 % คาดว่าครึ่งปีหลังจะมียอดขายเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากมีการขยายตัวของระบบขนส่งมวลชน เช่น รถไฟฟ้าBTS รถไฟฟ้ามหานคร ที่ช่วยขยายกำลังซื้อไปยังกลุ่มลูกค้าที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณที่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งช่วยให้การเดินทางมา ดิ เอ็มโพเรียมมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น
ดิ เอ็มโพเรียม ได้นำกลยุทธ์ Lifestyle Marketing มาใช้ในการคัดเลือกสินค้า โดยมีการนำเทรนใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดอยู่เสมอ เนื่องจากความต้องการของลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด จะเป็นการคัดสินค้าเฉพาะที่นำเข้าจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมี Emporium Exclusive ซึ่งเป็นสินค้ารูปแบบเฉพาะพิเศษที่คัดมาเพื่อจำหน่ายใน ดิ เอ็มโพเรียม เท่านั้น และ Exotique Thai ซึ่งเป็นสินค้าไทย สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และลูกค้าที่ชื่นชอบสไตล์การแต่งบ้านแนวร่วมสมัย
ล่าสุดได้จัดงาน Emporium Living Gallerly ขึ้นระหว่างวันที่ 13 - 26 กรกฎาคม 2547 โดยเน้นความเป็น The Ultimate Living & Liftstyle นำสินค้าตกแต่งบ้านชั้นนำมาร่วมกันลดราคาพิเศษทั้งในแผนกดีพาร์ทเม้นสโตร์ และร้านค้าต่างๆ ที่อยู่ในศูนย์การค้า
คาดว่าจะสามารถกระตุ้นกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ และดึงดูดกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากให้มาร่วมงาน คาดว่าจะทำยอดขายได้กว่า 50 ล้านบาท และตั้งเป้าว่ากิจกรรมดังกล่าวจะจัดขึ้นที่ ดิ เอ็มโพเรียมเป็นประจำทุกปี