xs
xsm
sm
md
lg

วันทัชเปิดแผนลุยครึ่งปีหลัง โออีเอ็มถุงยางให้เบเนตองส์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไทยนิปปอนเปิดแผนครึ่งปีหลัง รุกตลาดถุงยางวันทัชเต็มที่ เตรียมคลอดแบบใหม่ 2 พลัส 1 อัดงบ 30 ล้านบาททำการตลาด รุกหนักโออีเอ็ม ผนึกรับจ้างผลิตให้เบเนตองส์ คาดปีนี้รายได้เติบโต 20%

นายอมร ดารารัตนโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยนิปปอน รับเบอร์ อินดัสตรี้ จำกัด ผู้ผลิตถุงยางอนามัย "วันทัช" กล่าวถึงแผนงานในช่วงครึ่งปีหลังว่า บริษัทฯมีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ๆ ออกมาบุกตลาดต่อเนื่อง ล่าสุดเตรียมออก "ถุงยาง 2 พลัส 1" ซึ่งภายใน 1 กล่องจะบรรจุถุงยางอยู่ 2 ชิ้นและมีเจลหล่อลื่นอยู่ด้วย 1 ซอง คาดว่าอีกประมาณ 2-3 เดือนจะเปิดตัวได้อย่างเป็นทางการ โดยเบื้องต้นตั้งราคาไว้ 38-40 บาทต่อกล่อง

นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนจะพัฒนาถุงยางที่มีความบางมากกว่าเก่า เดิมทีถุงยางจะมีความหนา ซึ่งขณะนี้บริษัทฯกำลังทดลองสูตรใหม่อยู่ โดยถุงยางแบบดังกล่าวนี้จะเจาะตลาดครอบครัวหรือคู่ที่แต่งงานแล้วแต่ต้องการคุมกำเนิด

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มีถุงยางวันทัช ซึ่งมีประมาณ 6-7 รูปแบบ อาทิ วันทัชแบบธรรมดา(ยอดขายดีที่สุด), วันทัชแบบมีปุ่ม และวันทัชแบบผิวเรียบ เป็นต้น แต่ถ้าแยกตามรสชาติจะมี 6 รส เช่น สตรอเบอรี่, ส้ม, ช็อคโกแลต เป็นต้น โดยกลุ่มเป้าหมายของถุงยางวันทัชเฉลี่ยอายุตั้งแต่ 15 ปี -30 ปี รวมถึงถุงยางอนามัยวันทัชรุ่น SweetTeen ที่ บรรจุ 3 กลิ่นใหม่ในกล่องเดียว ได้แก่ รสเลมอน, ผลไม้รวม และโคล่า เพื่อเจาะกลุ่มวัยรุ่นโดยเฉพาะ

สำหรับกำลังผลิตถุงยางในขณะนี้อยู่ในระดับปานกลางโดยผลิตได้ 300 ล้านชิ้นต่อปี นอกจากนี้บริษัทฯยังรับผลิตให้แบรนด์อื่นๆอีก ได้แก่ ถุงยางวัน, ดูโอ, อพอลโลและคอสโม

ส่วนงบทางด้านการตลาดในปีนี้ของบริษัทฯ ประมาณ 20-30 ล้านบาทแบ่งเป็นการโฆษณาผ่านสื่อวิทยุและนิตยสาร, แจกถุงยาง,จัดกิจกรรมตามสถานศึกษาและมหาวิทยาลัย รวมทั้งการที่นักเรียนนักศึกษาขอเยี่ยมชมโรงงาน เป็นต้น ในขณะที่ช่องทางการจัดจำหน่ายมีกระจายหลากหลายที่เซเว่นอีเลฟเว่น,บิ๊กซี, วัตสัน, ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ , จัสโก้ และร้านขายยาทั่วไป

ทั้งนี้สัดส่วนยอดรายได้ปีที่แล้วของบริษัทฯ แบ่งเป็นยอดขอยภายในประเทศประมาณ 50 ล้านบาท หรือคิดเป็นปริมาณสินค้าจะมีประมาณ 30-40% จากตลาดรวม โดยมีดูเร็กซ์เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 50% ขณะที่ปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายรวมโตประมาณ 20%

ในขณะที่ยอดสินค้าส่งออกไปยังต่างประเทศเมื่อปีที่แล้วมีประมาณ 250 ล้านบาท โดยประเทศที่ไทยส่งออกถุงยางมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น รองลงมา คือ ฝรั่งเศสและบราซิล ส่วนตลาดอเมริกาขณะนี้ก็มีส่งออกไปบ้างแต่ไม่มาก ทางบริษัทฯกำลังดำเนินการอยู่ซึ่งในอนาคตคาดว่าประเทศอเมริกาน่าจะเป็นตลาดใหญ่ของไทยได้ไม่ยาก โดยแผนครึ่งปีหลังของบริษัทฯ จะเน้นงานประมูลหรือโออีเอ็มให้กับแบรนด์ต่างๆ เช่น การผลิตถุงยางอนามัยให้กับแบรนด์ เบเนตองส์ เป็นต้น ส่วนในด้านผลิตภัณฑ์จะมีการพัฒนาถุงยางมีลักษณะบางมากขึ้น

สำหรับตลาดรวมของถุงยางในประเทศไทยคิดเป็นจำนวนชิ้นมีประมาณ 150 ล้านชิ้น ซึ่งถือว่ายังมีอัตราการใช้ที่น้อยอยู่ถ้าเทียบกับประเทศที่เจริญแล้วอย่างญี่ปุ่นที่มีอัตราการใช้100-200 ล้านชิ้นต่อเดือน หรือประมาณ 700-800 ล้านชิ้นต่อปี

ส่วนโครงการ YouthAids ที่บริษัทฯ ได้เข้าร่วมโครงการนั้นใช้งบในโครงการนี้ประมาณ 1.5 ล้านบาท ซึ่งจะมีการแจกถุงยาง 5 แสนชิ้น ส่วนสาเหตุที่เข้าร่วมเพราะโรคเอดส์เป็นภัยคุกคามของโลกเราและปัจจุบันวัยรุ่นยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันโรคเอดส์ ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยการใส่ถุงยางขณะมีเพศสัมพันธ์
กำลังโหลดความคิดเห็น