“พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ” เตรียมนำ รมว.ด้านเศรษฐกิจของไทยไปเยือนจีน 14-18 ก.ค.นี้ เพื่อขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนลำไยอบแห้งกับอาวุธของจีน ขณะที่ “สมคิด” มอบหมายบีโอไอเป็นหัวหอกนักลงทุนและนักท่องเที่ยวจากเฉินตูเข้าลงทุนในไทยมากขึ้น
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ว่าระหว่างวันที่ 14-18 กรกฎาคมนี้ ตนจะเป็นผู้นำคณะผู้แทนรัฐบาล ซึ่งประกอบไปด้วยรัฐมนตรีเศรษฐกิจ คือ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางไปเยือนเมืองปักกิ่งและเมืองเฉินตู สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน โดยจะมีการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้มากขึ้น
สำหรับการเยือนในครั้งนี้จะได้เข้าพบและหารือกับนายเหวิน เจีย เป่า นายกรัฐมนตรีจีน มาดามหวู หยี รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และ พล.อ.เถา กัง ฉวน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของจีน โดยประเด็นที่จะหารือจะเป็นการสานต่อการพบปะระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย และนายเหวิน เจีย เป่า นายกรัฐมนตรีของจีน ในเรื่องการแลกเปลี่ยนลำไยแห้ง 100,000 ตัน กับอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารในลักษณะของบาร์เตอร์เทรด ซึ่งจีนก็ให้ความสนใจ นอกจากนี้ จะมีการหารือถึงความร่วมมือของทั้งสองประเทศในการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว การแก้ปัญหาและอุปสรรคในการเปิดการค้าเสรีผักผลไม้ (เอฟทีเอ) ระหว่างไทย-จีน รวมถึงการหารือเรื่องสิทธิประโยชน์ที่ไทยจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับจีน ในการที่จีนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 2551
“การเดินทางเยือนจีนในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์และเป็นประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะนายเหวิน เจีย เป่า ที่ให้เวลานานถึง 1 ชั่วโมง ในการพบปะกับคณะผู้แทนรัฐบาลไทยนานกว่าทุกคณะที่เคยพบปะมา ซึ่งส่วนใหญ่จะให้เวลาเพียง 30 นาที นอกจากนี้ ก็ยังจะไปหารือกับผู้นำสูงสุดของเมืองเฉินตูด้วย ซึ่งมั่นใจว่าข้อสรุปของการเยือนครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ” พล.อ.ชวลิต กล่าว
นายสมคิด กล่าวว่า การหารือกับจีนจะแบ่งเป็น 2 คณะ คือระดับรัฐมนตรีและระดับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ โดยขณะนี้ได้ส่งคณะทำงานล่วงหน้าซึ่งมีนายยรรยง พวงราช รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าคณะไปหารือกับจีนเพื่อเจรจาแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เพราะจะไม่มีการนำปัญหาเหล่านี้มาหารือในการประชุมระดับรัฐมนตรี โดยจะมีการพูดคุยเฉพาะนโยบายความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการค้า การท่องเที่ยว นอกจากนี้ ได้มอบหมายจะให้บีโอไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเปิดตลาดดึงนักลงทุนและนักท่องเที่ยวจากเมืองเฉินตูให้เข้ามาประเทศไทยมากขึ้น เพราะเมืองเฉินตูเป็นเมืองที่มีศักยภาพมีประชากรจำนวนมาก หากสามารถชักชวนให้เข้ามาเที่ยวเมืองไทยได้ก็จะเป็นผลดีกับประเทศ
สำหรับการทำเอฟทีเอ นอกเหนือจากผัก-ผลไม้ นายสมคิด กล่าวว่า จะต้องดูจังหวะให้เหมาะสม โดยขณะนี้ต้องการให้สินค้าที่เปิดเสรีไปแล้ว สามารถเดินหน้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดก่อน
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ว่าระหว่างวันที่ 14-18 กรกฎาคมนี้ ตนจะเป็นผู้นำคณะผู้แทนรัฐบาล ซึ่งประกอบไปด้วยรัฐมนตรีเศรษฐกิจ คือ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางไปเยือนเมืองปักกิ่งและเมืองเฉินตู สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน โดยจะมีการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้มากขึ้น
สำหรับการเยือนในครั้งนี้จะได้เข้าพบและหารือกับนายเหวิน เจีย เป่า นายกรัฐมนตรีจีน มาดามหวู หยี รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และ พล.อ.เถา กัง ฉวน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของจีน โดยประเด็นที่จะหารือจะเป็นการสานต่อการพบปะระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย และนายเหวิน เจีย เป่า นายกรัฐมนตรีของจีน ในเรื่องการแลกเปลี่ยนลำไยแห้ง 100,000 ตัน กับอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารในลักษณะของบาร์เตอร์เทรด ซึ่งจีนก็ให้ความสนใจ นอกจากนี้ จะมีการหารือถึงความร่วมมือของทั้งสองประเทศในการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว การแก้ปัญหาและอุปสรรคในการเปิดการค้าเสรีผักผลไม้ (เอฟทีเอ) ระหว่างไทย-จีน รวมถึงการหารือเรื่องสิทธิประโยชน์ที่ไทยจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับจีน ในการที่จีนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 2551
“การเดินทางเยือนจีนในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์และเป็นประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะนายเหวิน เจีย เป่า ที่ให้เวลานานถึง 1 ชั่วโมง ในการพบปะกับคณะผู้แทนรัฐบาลไทยนานกว่าทุกคณะที่เคยพบปะมา ซึ่งส่วนใหญ่จะให้เวลาเพียง 30 นาที นอกจากนี้ ก็ยังจะไปหารือกับผู้นำสูงสุดของเมืองเฉินตูด้วย ซึ่งมั่นใจว่าข้อสรุปของการเยือนครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ” พล.อ.ชวลิต กล่าว
นายสมคิด กล่าวว่า การหารือกับจีนจะแบ่งเป็น 2 คณะ คือระดับรัฐมนตรีและระดับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ โดยขณะนี้ได้ส่งคณะทำงานล่วงหน้าซึ่งมีนายยรรยง พวงราช รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าคณะไปหารือกับจีนเพื่อเจรจาแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เพราะจะไม่มีการนำปัญหาเหล่านี้มาหารือในการประชุมระดับรัฐมนตรี โดยจะมีการพูดคุยเฉพาะนโยบายความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการค้า การท่องเที่ยว นอกจากนี้ ได้มอบหมายจะให้บีโอไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเปิดตลาดดึงนักลงทุนและนักท่องเที่ยวจากเมืองเฉินตูให้เข้ามาประเทศไทยมากขึ้น เพราะเมืองเฉินตูเป็นเมืองที่มีศักยภาพมีประชากรจำนวนมาก หากสามารถชักชวนให้เข้ามาเที่ยวเมืองไทยได้ก็จะเป็นผลดีกับประเทศ
สำหรับการทำเอฟทีเอ นอกเหนือจากผัก-ผลไม้ นายสมคิด กล่าวว่า จะต้องดูจังหวะให้เหมาะสม โดยขณะนี้ต้องการให้สินค้าที่เปิดเสรีไปแล้ว สามารถเดินหน้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดก่อน