ททท.เตรียมบูมบางแสน-เขาสามุข ตั้งบริษัท มาพัส เข้าบริหารพื้นที่เขาสามมุข หลังปล่อยร้างมากว่า 5 ปี เผยในโปรเจค มีทั้ง โรงละครลิง สถานที่ขายของฝาก และร้านอาหารชมวิว เน้นจับกลุ่มทัวร์ตลาดเอเชีย ที่ชอบกิจกรรมท่องเที่ยว ไหว้พระ และชิมอาหาร
นางจุฑามาศ ศิริวรรณ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการท่องเที่ยว มีมติให้บริษัท มาพัส จำกัด เข้าเช่าสิทธิ์ให้บริการนักท่องเที่ยวบนเขาสามมุข จ.ชลบุรี เป็นระยะเวลา 5 ปี แต่ทั้งนี้บริเวณดังกล่าวเป็นที่ราชพัสดุ โดย ททท.เป็นผู้เช่าสิทธิ์มาพัฒนาและบริหารเป็นระยะเวลา 5 ปี ซึ่งในวันนี้ผ่านมาแล้ว 1 ปี แต่เพิ่งจะมีผู้ประมูลได้ ซึ่งบริษัทมาพัส จะต้องทำสัญญา 5 ปี แต่จะเข้าบริหารจริงๆเพียง 4 ปี ซึ่งมาพัสเองก็ยินดีทำตามสัญญา ขณะนี้ ททท.อยู่ระหว่างจัดทำร่างสัญญาคาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาได้ก่อนวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ จากนั้นก็สามารถเข้าไปปรับพื้นที่ได้ทันที
ทั้งนี้ในรายละเอียดพื้นที่ดังกล่าวจะแบ่งเป็น 2 จุด รวม 6ไร่ 1 งาน 35ตารางวา โดยจุดแรก เป็นบริเวณลานจอดรถบัส เชิงเขาสามมุข ซึ่งจะมีอาคารสร้างเสร็จแล้ว 1 อาคาร โดยจะปรับพื้นที่ทำโรงละครลิง และจุดที่ 2 คือบนเขาสามมุขใกล้กับศาลเจ้าแม่เขาสามมุข ซึ่งตรงนี้จะทำเป็นร้านอาหารชมวิว ส่วนอัตราค่าเช่าบวกค่าธรรมเนียม ที่บริษัท มาพัสต้องจ่ายให้กับททท.คิดเป็นเงินประมาณ 5.43 ล้านบาท
นายอิศเรศ อัศวเสตสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทมาพัส จำกัด เปิดเผยว่า สนใจที่จะเช่าสิทธิ์บริหารพื้นที่เขาสามมุขมานานหลายปีแล้ว แต่ช่วงปี 2541 สัญญาที่ ททท.ตั้งขึ้นเป็นเงื่อนไขที่หนักเกินไป แต่ในปีนี้ ททท.ได้ผ่อนผันกฏเกณฑ์บางอย่าง เราจึงได้ส่งผังโครงการเสนอเข้าไป โดยในส่วนของโรงละครลิง ขนาดประมาณ 100 ที่นั่ง ใช้ชื่อว่า “มังกี้ เธียเตอร์” เพราะลิงถือเป็นสัญลักษณ์ของเขาสามมุข ส่วนการโชว์จะมีกี่รอบต่อวัน ยังอยู่ระหว่างการศึกษาตลาด
นอกจากนั้นยังแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่ง สำหรับขายของที่ระลึก และสินค้าOTOP ส่วนด้านบนใกล้ศาลเจ้าแม่เขาสามมุข จะทำเป็นร้านอาหารชมวิว เพื่อให้กรุ๊ปทัวร์ และนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาไหว้เจ้าแม่ แวะพักรับประทานอาหาร ในเบื้องต้นคาดว่าจะขายเป็นแพคเกจทัวร์ โดยบริษัทมีพันธมิตรที่เป็นบริษัททัวร์หลายแห่ง ส่วนใหญ่มีกลุ่มลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวในแถบเอเชีย เช่น จีน ฮ่องกง เกาหลี ที่นิยมทัวร์ประเภทไหว้พระ และชิมอาหารอยู่แล้ว
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัท ดำเนินกิจการขายของที่ระลึก และของฝาก โดยมีสาขาหลายแห่งตามจังหวัดท่องเที่ยว รวมถึงที่สนามบินดอนเมือง สนามบินภูเก็ต และสนามบินเชียงใหม่ โดยใช้ชื่อร้านว่า “อิศเรศ” ดังนั้นการเข้าบริหารพื้นที่บนเขาสามมุขจึงถือเป็นงานใหม่ แต่ก็เป็นการต่อยอดธุรกิจที่เราถนัด ประกอบกับเรามีพันธมิตรที่จะคอยเกื้อกูลและส่งกรุ๊ปทัวร์ให้จำนวนมาก จึงเชื่อมั่นว่าธุรกิจนี้จะไปได้ดี และสามารถทำให้บางแสนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ต้อนรับชาวต่างชาติได้อีกแห่งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจาก ททท.กล่าวว่า สาเหตุของการเปิดรับผู้สนใจเข้าร่วมประมูลพื้นที่ล่าช้า ปล่อยให้สัญญาเดินหน้าไปแล้วเกือบ 1 ปี เป็นเพราะ กรมธนารักษ์ส่งข้อมูลเรื่องของพื้นที่ และเงื่อนไขมาให้ททท.ล่าช้ากว่ากำหนด ประกอบกับมีการปรับค่าเช่าขึ้นอีกประมาณ 25% จึงทำให้ ททท.จะต้องมาคำนวณปรับราคาประมูลใหม่ด้วย จึงเสียเวลา ส่วนผู้สนใจเข้าร่วมประมูลตอนแรกมี 3 ราย แต่มีบริษัท มาพัสเพียงรายเดียว ที่เสนอโครงการเข้ามา ซึ่งบอร์ดได้พิจารณาแล้วเห็นเป็นโปรเจคที่น่าสนใจจึงตกลงอนุมัติ และเมื่อหลังจากเซ็นสัญญา บริษัทมาพลัสก็สามารถเข้ามาปรับปรุงพื้นที่ได้ทันที คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานก็สามารถเปิดให้บริการได้ เพราะพื้นที่ดังกล่าว มีสิ่งปลูกสร้างที่พร้อมจะปรับมาใช้ประโยชน์ได้ทันที ไม่ต้องก่อสร้างใหม่
นางจุฑามาศ ศิริวรรณ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการท่องเที่ยว มีมติให้บริษัท มาพัส จำกัด เข้าเช่าสิทธิ์ให้บริการนักท่องเที่ยวบนเขาสามมุข จ.ชลบุรี เป็นระยะเวลา 5 ปี แต่ทั้งนี้บริเวณดังกล่าวเป็นที่ราชพัสดุ โดย ททท.เป็นผู้เช่าสิทธิ์มาพัฒนาและบริหารเป็นระยะเวลา 5 ปี ซึ่งในวันนี้ผ่านมาแล้ว 1 ปี แต่เพิ่งจะมีผู้ประมูลได้ ซึ่งบริษัทมาพัส จะต้องทำสัญญา 5 ปี แต่จะเข้าบริหารจริงๆเพียง 4 ปี ซึ่งมาพัสเองก็ยินดีทำตามสัญญา ขณะนี้ ททท.อยู่ระหว่างจัดทำร่างสัญญาคาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาได้ก่อนวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ จากนั้นก็สามารถเข้าไปปรับพื้นที่ได้ทันที
ทั้งนี้ในรายละเอียดพื้นที่ดังกล่าวจะแบ่งเป็น 2 จุด รวม 6ไร่ 1 งาน 35ตารางวา โดยจุดแรก เป็นบริเวณลานจอดรถบัส เชิงเขาสามมุข ซึ่งจะมีอาคารสร้างเสร็จแล้ว 1 อาคาร โดยจะปรับพื้นที่ทำโรงละครลิง และจุดที่ 2 คือบนเขาสามมุขใกล้กับศาลเจ้าแม่เขาสามมุข ซึ่งตรงนี้จะทำเป็นร้านอาหารชมวิว ส่วนอัตราค่าเช่าบวกค่าธรรมเนียม ที่บริษัท มาพัสต้องจ่ายให้กับททท.คิดเป็นเงินประมาณ 5.43 ล้านบาท
นายอิศเรศ อัศวเสตสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทมาพัส จำกัด เปิดเผยว่า สนใจที่จะเช่าสิทธิ์บริหารพื้นที่เขาสามมุขมานานหลายปีแล้ว แต่ช่วงปี 2541 สัญญาที่ ททท.ตั้งขึ้นเป็นเงื่อนไขที่หนักเกินไป แต่ในปีนี้ ททท.ได้ผ่อนผันกฏเกณฑ์บางอย่าง เราจึงได้ส่งผังโครงการเสนอเข้าไป โดยในส่วนของโรงละครลิง ขนาดประมาณ 100 ที่นั่ง ใช้ชื่อว่า “มังกี้ เธียเตอร์” เพราะลิงถือเป็นสัญลักษณ์ของเขาสามมุข ส่วนการโชว์จะมีกี่รอบต่อวัน ยังอยู่ระหว่างการศึกษาตลาด
นอกจากนั้นยังแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่ง สำหรับขายของที่ระลึก และสินค้าOTOP ส่วนด้านบนใกล้ศาลเจ้าแม่เขาสามมุข จะทำเป็นร้านอาหารชมวิว เพื่อให้กรุ๊ปทัวร์ และนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาไหว้เจ้าแม่ แวะพักรับประทานอาหาร ในเบื้องต้นคาดว่าจะขายเป็นแพคเกจทัวร์ โดยบริษัทมีพันธมิตรที่เป็นบริษัททัวร์หลายแห่ง ส่วนใหญ่มีกลุ่มลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวในแถบเอเชีย เช่น จีน ฮ่องกง เกาหลี ที่นิยมทัวร์ประเภทไหว้พระ และชิมอาหารอยู่แล้ว
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัท ดำเนินกิจการขายของที่ระลึก และของฝาก โดยมีสาขาหลายแห่งตามจังหวัดท่องเที่ยว รวมถึงที่สนามบินดอนเมือง สนามบินภูเก็ต และสนามบินเชียงใหม่ โดยใช้ชื่อร้านว่า “อิศเรศ” ดังนั้นการเข้าบริหารพื้นที่บนเขาสามมุขจึงถือเป็นงานใหม่ แต่ก็เป็นการต่อยอดธุรกิจที่เราถนัด ประกอบกับเรามีพันธมิตรที่จะคอยเกื้อกูลและส่งกรุ๊ปทัวร์ให้จำนวนมาก จึงเชื่อมั่นว่าธุรกิจนี้จะไปได้ดี และสามารถทำให้บางแสนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ต้อนรับชาวต่างชาติได้อีกแห่งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจาก ททท.กล่าวว่า สาเหตุของการเปิดรับผู้สนใจเข้าร่วมประมูลพื้นที่ล่าช้า ปล่อยให้สัญญาเดินหน้าไปแล้วเกือบ 1 ปี เป็นเพราะ กรมธนารักษ์ส่งข้อมูลเรื่องของพื้นที่ และเงื่อนไขมาให้ททท.ล่าช้ากว่ากำหนด ประกอบกับมีการปรับค่าเช่าขึ้นอีกประมาณ 25% จึงทำให้ ททท.จะต้องมาคำนวณปรับราคาประมูลใหม่ด้วย จึงเสียเวลา ส่วนผู้สนใจเข้าร่วมประมูลตอนแรกมี 3 ราย แต่มีบริษัท มาพัสเพียงรายเดียว ที่เสนอโครงการเข้ามา ซึ่งบอร์ดได้พิจารณาแล้วเห็นเป็นโปรเจคที่น่าสนใจจึงตกลงอนุมัติ และเมื่อหลังจากเซ็นสัญญา บริษัทมาพลัสก็สามารถเข้ามาปรับปรุงพื้นที่ได้ทันที คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานก็สามารถเปิดให้บริการได้ เพราะพื้นที่ดังกล่าว มีสิ่งปลูกสร้างที่พร้อมจะปรับมาใช้ประโยชน์ได้ทันที ไม่ต้องก่อสร้างใหม่