ผู้จัดการรายสัปดาห์ - ตลาดยาแก้เมาค้างเริ่มคึกคักหลังจากที่ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเริ่มอืดทำให้ผู้นำอย่างค่าย โอสถสภาแตกองค์กรธุรกิจใหม่ที่มีชื่อว่าไบท์ แบงค็อก เพื่อทำตลาดเครื่องดื่มประเภทอื่นโดย ประเดิมสินค้าตัวแรกเป็นยาแก้เมาค้างภายใต้แบรนด์แฮง Hang ซึ่งเรียกความสนใจได้อย่างมากเนื่องจากมีการทุ่มงบกว่า 75 ล้านบาท
สำหรับผลิตภัณฑ์ตัวนี้โดยเฉพาะ ในขณะที่ผู้บุกเบิกตลาดอย่างเวคกี้มีงบการตลาดเพียงน้อยนิด กล่าวคือ บริษัท ธีร์ โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทแม่วาง งบรวมไว้ทั้งหมด 100 ล้านบาท เป็นงบโฆษณา 90% แต่ว่าเหมารวมการทำโฆษณาสินค้าทุกรายการของบริษัท เช่น ปลาเส้นฟิชโช่ ซีเล็คทูน่ากระป๋อง ลูกอมผสมแคล-เซี่ยมตราจั๊มพ์ ยาลดความอ้วน U-Srim และอาหารเสริมความงาม Blink ดังนั้นงบที่จะเจียด มาสู่เวคกี้ย่อมน้อยลงเรื่อยๆ
การทำตลาดของเวคกี้ถูกวางตัวเป็นอาหาร เสริมหรือเป็นยาบำรุงที่ให้ผลในการบรรเทาการเมาค้าง ด้วยความที่เป็นยาชนิดเม็ดทำให้ง่ายและสะดวกในการพกพาของผู้บริโภครวมถึงสะดวกต่อพนักงานขายที่ตระเวนจำหน่ายตามสถานบันเทิงที่ให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในขณะที่แฮงซึ่งเป็นเครื่องดื่มแก้เมาค้างชนิดน้ำ มีข้อจำกัดตรงที่รสชาติฝาดเปรี้ยว ถ้าจะให้รสชาติดีขึ้นต้องแช่เย็นและไม่สะดวกในการพกพาของผู้บริโภค
จะว่าไปแล้วทั้งเวคกี้และแฮงต่างก็มีข้อดีข้อด้อยแตกต่างกันไป อย่างเวคกี้ก็มีความยุ่งยากในการกิน เช่น จะต้องกินก่อนดื่มเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ 1 แคปซูล ถ้าดื่มนานต่อเนื่องก็ต้อง กินอีก 1 แคปซูล หรือถ้าลืมกินเวคกี้ก่อนดื่มสุรา ก็อาจจะไปกินก่อนนอนแทน ซึ่งเมื่อเมาแล้วคงยากที่จะตั้งสติเพื่อกินยา แต่ถ้ากินหลังตื่นนอน จากการสอบถามผู้บริโภคส่วนใหญ่ ระบุว่าได้ผล ไม่เต็มที่เท่ากับกินก่อนดื่ม ในขณะที่แฮงมีข้อดีคือเมื่อเมาแล้วก็ให้พักผ่อนหลับไปก่อนแล้วค่อยตื่นขึ้นมาดื่มแฮงเพื่อแก้เมา แต่ก็ยังมีข้อด้อยตรงที่รสชาติของแฮงค่อนข้างฝาดทำให้ผู้บริโภคไม่ติดใจกับรสชาติซึ่งตรงจุดนี้ทางผู้บริหารของแฮงมองว่าสินค้าของตัวเองเป็น Func tional Drink หรือเครื่องดื่มที่เน้นประโยชน์ในการบริโภคมากกว่าความอร่อย
สำหรับเวคกี้เองก็เล็งที่จะทำยาแก้เมาสูตรน้ำออกมาในช่วงเดือนกันยายนนี้โดยชูรสชาติที่ไม่สะดุดคอและยังใช้ผสมกับเครื่องดื่มอื่นๆเป็นมิกซ์เซอร์ได้ด้วย ถ้าวางตลาดเมื่อไรเราคงได้เป็นกลยุทธ์เด็ดๆ จากค่ายโอสถสภาสวนกลับมาเป็นแน่ ทั้งนี้เวคกี้เตรียมควักงบการตลาด 10 ล้านบาท เพื่อจัดคาราวานโรดโชว์ตาม สถานบันเทิงต่างๆ สร้างการรับรู้ให้แก่ลูกค้ากลุ่ม เป้าหมาย
นอกจากรูปลักษณ์และวิธีการบริโภคที่แตก ต่างกันแล้วเรื่องราคาก็ยังต่างอีกด้วย เวคกี้ 1 ซองมี 2 แคปซูลจำหน่ายราคา 35 บาท บางที่อาจจะขายแพงถึง 40 กว่าบาท ซึ่งตรงนี้ถ้าเป็นผู้บริโภคกลุ่มล่างก็อาจจะรู้สึกว่าแพง ในขณะที่แฮง 1 ขวด (75 มล.) 25 บาท ดูเหมือนจะครอบ คลุม ตลาดได้กว้างกว่า ซึ่งเวคกี้เองก็ตระหนักดีในเรื่อง นี้และเตรียมแก้มือหลังการออกเวคกี้สูตรน้ำที่มีปริมาตร 80 มล. โดยมีแผนที่จะจำหน่ายในราคาต่ำกว่า 25 บาท
ในแง่ของช่องทางจำหน่ายดูเหมือนแฮงจะมีความได้เปรียบเพราะรูปแบบ Multi-Channel ของโอสถสภาที่ครอบคลุมช่องทางจำหน่ายทั่วประเทศทั้งในโมเดิร์นเทรด ร้านยา ร้านค้า และร้านเซเว่นอีเลฟเว่น แต่เวคกี้เองก็ถือว่าไม่น้อย หน้าเพราะช่องทางต่างๆทั้งโมเดิร์นเทรด ร้านค้า ร้านยาก็เข้าถึงหมด แถมยังดูเหมือนมีเครดิตดีกว่าตรงจุดขายตามสถานบันเทิงที่มีทีมพริตตี้ เกิร์ลออกตระเวนขายมากกว่าแฮง ทั้งนี้การขนสินค้าที่เป็นขวดตระเวนขายก็ไม่ง่ายเหมือนเวคกี้ที่เป็นซอง ขนส่งตระเวนขายได้มากกว่า สะดวกกว่า
แต่แฮง ก็ยังคงมีการทำกิจกรรมการตลาด ด้วยการให้บริการตรวจเช็กระดับแอลกอฮอล์โดยมีทีมสาวแฮงการ์ด เป็นผู้แจกสินค้าตัวอย่างให้ลูกค้าทดลองดื่มจำนวน 200,000 ขวด ตามจุดที่มีแหล่งลูกค้าเป้าหมายอยู่ เช่น อาคารสำนักงาน สถานที่ราชการ ร้านอาหาร ผับ บาร์ กว่า 100 แห่งทั่วประเทศ และในช่วงแรกของการ ทำตลาดจะมีการทำโปรโมชั่นราคาพิเศษขวดละ 20 บาท
นอกจากนี้แฮงยังวางแผนที่จะทำกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นยอดขาย ล่าสุดมีการประกวด Hang : Sexy & Smart Lady 2004 เพื่อคัดเลือกสุภาพสตรีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในการทำกิจกรรมต่างๆของแฮงซึ่งจะมีทั้งมิวสิกมาร์เก็ตติ้งและสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งตาม แต่ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มต่างๆ
ปีที่แล้วเวคกี้สามารถสร้างยอดขายได้ 80 ล้านบาท ส่วนในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะทำได้ 140 ล้านบาท ในขณะที่แฮงซึ่งทำตลาดปีแรกก็ตั้งเป้าไว้สูงถึง 200 ล้านบาท คงต้องดูหมัด 2 ที่เป็นสูตร น้ำของเวคกี้ว่าจะออกมารูปร่างอย่างไร แล้วแฮง จะสวนกลับอย่างไร ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีมูลค่ากว่า 80,000 ล้านบาทแต่ยาแก้เมาค้างยังมีไม่ถึง 1% ของตลาดแอลกอฮอล์ ดังนั้นจึงมีโอกาสเติบโตอีกไม่น้อย จะหอมหวนชวนให้มีผู้เล่นรายใหม่กระโดดเข้ามาชิงชัยมากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องที่เราต้องติดตามกันต่อไป และอาจจะมีกลยุทธ์เด็ดๆให้เราได้ใช้เป็นกรณีศึกษา เหมือนตลาดเครื่องดื่มชูกำลังก็เป็นได้
สำหรับเวคกี้เองก็เล็งที่จะทำยาแก้เมาสูตรน้ำออกมาในช่วงเดือนกันยายนนี้โดยชูรสชาติที่ไม่สะดุดคอและยังใช้ผสมกับเครื่องดื่มอื่นๆเป็นมิกซ์เซอร์ได้ด้วย ถ้าวางตลาดเมื่อไรเราคงได้เป็นกลยุทธ์เด็ดๆ จากค่ายโอสถสภาสวนกลับมาเป็นแน่ ทั้งนี้เวคกี้เตรียมควักงบการตลาด 10 ล้านบาท เพื่อจัดคาราวานโรดโชว์ตาม สถานบันเทิงต่างๆ สร้างการรับรู้ให้แก่ลูกค้ากลุ่ม เป้าหมาย
นอกจากรูปลักษณ์และวิธีการบริโภคที่แตก ต่างกันแล้วเรื่องราคาก็ยังต่างอีกด้วย เวคกี้ 1 ซองมี 2 แคปซูลจำหน่ายราคา 35 บาท บางที่อาจจะขายแพงถึง 40 กว่าบาท ซึ่งตรงนี้ถ้าเป็นผู้บริโภคกลุ่มล่างก็อาจจะรู้สึกว่าแพง ในขณะที่แฮง 1 ขวด (75 มล.) 25 บาท ดูเหมือนจะครอบ คลุม ตลาดได้กว้างกว่า ซึ่งเวคกี้เองก็ตระหนักดีในเรื่อง นี้และเตรียมแก้มือหลังการออกเวคกี้สูตรน้ำที่มีปริมาตร 80 มล. โดยมีแผนที่จะจำหน่ายในราคาต่ำกว่า 25 บาท
ในแง่ของช่องทางจำหน่ายดูเหมือนแฮงจะมีความได้เปรียบเพราะรูปแบบ Multi-Channel ของโอสถสภาที่ครอบคลุมช่องทางจำหน่ายทั่วประเทศทั้งในโมเดิร์นเทรด ร้านยา ร้านค้า และร้านเซเว่นอีเลฟเว่น แต่เวคกี้เองก็ถือว่าไม่น้อย หน้าเพราะช่องทางต่างๆทั้งโมเดิร์นเทรด ร้านค้า ร้านยาก็เข้าถึงหมด แถมยังดูเหมือนมีเครดิตดีกว่าตรงจุดขายตามสถานบันเทิงที่มีทีมพริตตี้ เกิร์ลออกตระเวนขายมากกว่าแฮง ทั้งนี้การขนสินค้าที่เป็นขวดตระเวนขายก็ไม่ง่ายเหมือนเวคกี้ที่เป็นซอง ขนส่งตระเวนขายได้มากกว่า สะดวกกว่า
แต่แฮง ก็ยังคงมีการทำกิจกรรมการตลาด ด้วยการให้บริการตรวจเช็กระดับแอลกอฮอล์โดยมีทีมสาวแฮงการ์ด เป็นผู้แจกสินค้าตัวอย่างให้ลูกค้าทดลองดื่มจำนวน 200,000 ขวด ตามจุดที่มีแหล่งลูกค้าเป้าหมายอยู่ เช่น อาคารสำนักงาน สถานที่ราชการ ร้านอาหาร ผับ บาร์ กว่า 100 แห่งทั่วประเทศ และในช่วงแรกของการ ทำตลาดจะมีการทำโปรโมชั่นราคาพิเศษขวดละ 20 บาท
นอกจากนี้แฮงยังวางแผนที่จะทำกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นยอดขาย ล่าสุดมีการประกวด Hang : Sexy & Smart Lady 2004 เพื่อคัดเลือกสุภาพสตรีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในการทำกิจกรรมต่างๆของแฮงซึ่งจะมีทั้งมิวสิกมาร์เก็ตติ้งและสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งตาม แต่ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มต่างๆ
ปีที่แล้วเวคกี้สามารถสร้างยอดขายได้ 80 ล้านบาท ส่วนในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะทำได้ 140 ล้านบาท ในขณะที่แฮงซึ่งทำตลาดปีแรกก็ตั้งเป้าไว้สูงถึง 200 ล้านบาท คงต้องดูหมัด 2 ที่เป็นสูตร น้ำของเวคกี้ว่าจะออกมารูปร่างอย่างไร แล้วแฮง จะสวนกลับอย่างไร ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีมูลค่ากว่า 80,000 ล้านบาทแต่ยาแก้เมาค้างยังมีไม่ถึง 1% ของตลาดแอลกอฮอล์ ดังนั้นจึงมีโอกาสเติบโตอีกไม่น้อย จะหอมหวนชวนให้มีผู้เล่นรายใหม่กระโดดเข้ามาชิงชัยมากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องที่เราต้องติดตามกันต่อไป และอาจจะมีกลยุทธ์เด็ดๆให้เราได้ใช้เป็นกรณีศึกษา เหมือนตลาดเครื่องดื่มชูกำลังก็เป็นได้
สำหรับผลิตภัณฑ์ตัวนี้โดยเฉพาะ ในขณะที่ผู้บุกเบิกตลาดอย่างเวคกี้มีงบการตลาดเพียงน้อยนิด กล่าวคือ บริษัท ธีร์ โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทแม่วาง งบรวมไว้ทั้งหมด 100 ล้านบาท เป็นงบโฆษณา 90% แต่ว่าเหมารวมการทำโฆษณาสินค้าทุกรายการของบริษัท เช่น ปลาเส้นฟิชโช่ ซีเล็คทูน่ากระป๋อง ลูกอมผสมแคล-เซี่ยมตราจั๊มพ์ ยาลดความอ้วน U-Srim และอาหารเสริมความงาม Blink ดังนั้นงบที่จะเจียด มาสู่เวคกี้ย่อมน้อยลงเรื่อยๆ
การทำตลาดของเวคกี้ถูกวางตัวเป็นอาหาร เสริมหรือเป็นยาบำรุงที่ให้ผลในการบรรเทาการเมาค้าง ด้วยความที่เป็นยาชนิดเม็ดทำให้ง่ายและสะดวกในการพกพาของผู้บริโภครวมถึงสะดวกต่อพนักงานขายที่ตระเวนจำหน่ายตามสถานบันเทิงที่ให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในขณะที่แฮงซึ่งเป็นเครื่องดื่มแก้เมาค้างชนิดน้ำ มีข้อจำกัดตรงที่รสชาติฝาดเปรี้ยว ถ้าจะให้รสชาติดีขึ้นต้องแช่เย็นและไม่สะดวกในการพกพาของผู้บริโภค
จะว่าไปแล้วทั้งเวคกี้และแฮงต่างก็มีข้อดีข้อด้อยแตกต่างกันไป อย่างเวคกี้ก็มีความยุ่งยากในการกิน เช่น จะต้องกินก่อนดื่มเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ 1 แคปซูล ถ้าดื่มนานต่อเนื่องก็ต้อง กินอีก 1 แคปซูล หรือถ้าลืมกินเวคกี้ก่อนดื่มสุรา ก็อาจจะไปกินก่อนนอนแทน ซึ่งเมื่อเมาแล้วคงยากที่จะตั้งสติเพื่อกินยา แต่ถ้ากินหลังตื่นนอน จากการสอบถามผู้บริโภคส่วนใหญ่ ระบุว่าได้ผล ไม่เต็มที่เท่ากับกินก่อนดื่ม ในขณะที่แฮงมีข้อดีคือเมื่อเมาแล้วก็ให้พักผ่อนหลับไปก่อนแล้วค่อยตื่นขึ้นมาดื่มแฮงเพื่อแก้เมา แต่ก็ยังมีข้อด้อยตรงที่รสชาติของแฮงค่อนข้างฝาดทำให้ผู้บริโภคไม่ติดใจกับรสชาติซึ่งตรงจุดนี้ทางผู้บริหารของแฮงมองว่าสินค้าของตัวเองเป็น Func tional Drink หรือเครื่องดื่มที่เน้นประโยชน์ในการบริโภคมากกว่าความอร่อย
สำหรับเวคกี้เองก็เล็งที่จะทำยาแก้เมาสูตรน้ำออกมาในช่วงเดือนกันยายนนี้โดยชูรสชาติที่ไม่สะดุดคอและยังใช้ผสมกับเครื่องดื่มอื่นๆเป็นมิกซ์เซอร์ได้ด้วย ถ้าวางตลาดเมื่อไรเราคงได้เป็นกลยุทธ์เด็ดๆ จากค่ายโอสถสภาสวนกลับมาเป็นแน่ ทั้งนี้เวคกี้เตรียมควักงบการตลาด 10 ล้านบาท เพื่อจัดคาราวานโรดโชว์ตาม สถานบันเทิงต่างๆ สร้างการรับรู้ให้แก่ลูกค้ากลุ่ม เป้าหมาย
นอกจากรูปลักษณ์และวิธีการบริโภคที่แตก ต่างกันแล้วเรื่องราคาก็ยังต่างอีกด้วย เวคกี้ 1 ซองมี 2 แคปซูลจำหน่ายราคา 35 บาท บางที่อาจจะขายแพงถึง 40 กว่าบาท ซึ่งตรงนี้ถ้าเป็นผู้บริโภคกลุ่มล่างก็อาจจะรู้สึกว่าแพง ในขณะที่แฮง 1 ขวด (75 มล.) 25 บาท ดูเหมือนจะครอบ คลุม ตลาดได้กว้างกว่า ซึ่งเวคกี้เองก็ตระหนักดีในเรื่อง นี้และเตรียมแก้มือหลังการออกเวคกี้สูตรน้ำที่มีปริมาตร 80 มล. โดยมีแผนที่จะจำหน่ายในราคาต่ำกว่า 25 บาท
ในแง่ของช่องทางจำหน่ายดูเหมือนแฮงจะมีความได้เปรียบเพราะรูปแบบ Multi-Channel ของโอสถสภาที่ครอบคลุมช่องทางจำหน่ายทั่วประเทศทั้งในโมเดิร์นเทรด ร้านยา ร้านค้า และร้านเซเว่นอีเลฟเว่น แต่เวคกี้เองก็ถือว่าไม่น้อย หน้าเพราะช่องทางต่างๆทั้งโมเดิร์นเทรด ร้านค้า ร้านยาก็เข้าถึงหมด แถมยังดูเหมือนมีเครดิตดีกว่าตรงจุดขายตามสถานบันเทิงที่มีทีมพริตตี้ เกิร์ลออกตระเวนขายมากกว่าแฮง ทั้งนี้การขนสินค้าที่เป็นขวดตระเวนขายก็ไม่ง่ายเหมือนเวคกี้ที่เป็นซอง ขนส่งตระเวนขายได้มากกว่า สะดวกกว่า
แต่แฮง ก็ยังคงมีการทำกิจกรรมการตลาด ด้วยการให้บริการตรวจเช็กระดับแอลกอฮอล์โดยมีทีมสาวแฮงการ์ด เป็นผู้แจกสินค้าตัวอย่างให้ลูกค้าทดลองดื่มจำนวน 200,000 ขวด ตามจุดที่มีแหล่งลูกค้าเป้าหมายอยู่ เช่น อาคารสำนักงาน สถานที่ราชการ ร้านอาหาร ผับ บาร์ กว่า 100 แห่งทั่วประเทศ และในช่วงแรกของการ ทำตลาดจะมีการทำโปรโมชั่นราคาพิเศษขวดละ 20 บาท
นอกจากนี้แฮงยังวางแผนที่จะทำกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นยอดขาย ล่าสุดมีการประกวด Hang : Sexy & Smart Lady 2004 เพื่อคัดเลือกสุภาพสตรีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในการทำกิจกรรมต่างๆของแฮงซึ่งจะมีทั้งมิวสิกมาร์เก็ตติ้งและสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งตาม แต่ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มต่างๆ
ปีที่แล้วเวคกี้สามารถสร้างยอดขายได้ 80 ล้านบาท ส่วนในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะทำได้ 140 ล้านบาท ในขณะที่แฮงซึ่งทำตลาดปีแรกก็ตั้งเป้าไว้สูงถึง 200 ล้านบาท คงต้องดูหมัด 2 ที่เป็นสูตร น้ำของเวคกี้ว่าจะออกมารูปร่างอย่างไร แล้วแฮง จะสวนกลับอย่างไร ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีมูลค่ากว่า 80,000 ล้านบาทแต่ยาแก้เมาค้างยังมีไม่ถึง 1% ของตลาดแอลกอฮอล์ ดังนั้นจึงมีโอกาสเติบโตอีกไม่น้อย จะหอมหวนชวนให้มีผู้เล่นรายใหม่กระโดดเข้ามาชิงชัยมากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องที่เราต้องติดตามกันต่อไป และอาจจะมีกลยุทธ์เด็ดๆให้เราได้ใช้เป็นกรณีศึกษา เหมือนตลาดเครื่องดื่มชูกำลังก็เป็นได้
สำหรับเวคกี้เองก็เล็งที่จะทำยาแก้เมาสูตรน้ำออกมาในช่วงเดือนกันยายนนี้โดยชูรสชาติที่ไม่สะดุดคอและยังใช้ผสมกับเครื่องดื่มอื่นๆเป็นมิกซ์เซอร์ได้ด้วย ถ้าวางตลาดเมื่อไรเราคงได้เป็นกลยุทธ์เด็ดๆ จากค่ายโอสถสภาสวนกลับมาเป็นแน่ ทั้งนี้เวคกี้เตรียมควักงบการตลาด 10 ล้านบาท เพื่อจัดคาราวานโรดโชว์ตาม สถานบันเทิงต่างๆ สร้างการรับรู้ให้แก่ลูกค้ากลุ่ม เป้าหมาย
นอกจากรูปลักษณ์และวิธีการบริโภคที่แตก ต่างกันแล้วเรื่องราคาก็ยังต่างอีกด้วย เวคกี้ 1 ซองมี 2 แคปซูลจำหน่ายราคา 35 บาท บางที่อาจจะขายแพงถึง 40 กว่าบาท ซึ่งตรงนี้ถ้าเป็นผู้บริโภคกลุ่มล่างก็อาจจะรู้สึกว่าแพง ในขณะที่แฮง 1 ขวด (75 มล.) 25 บาท ดูเหมือนจะครอบ คลุม ตลาดได้กว้างกว่า ซึ่งเวคกี้เองก็ตระหนักดีในเรื่อง นี้และเตรียมแก้มือหลังการออกเวคกี้สูตรน้ำที่มีปริมาตร 80 มล. โดยมีแผนที่จะจำหน่ายในราคาต่ำกว่า 25 บาท
ในแง่ของช่องทางจำหน่ายดูเหมือนแฮงจะมีความได้เปรียบเพราะรูปแบบ Multi-Channel ของโอสถสภาที่ครอบคลุมช่องทางจำหน่ายทั่วประเทศทั้งในโมเดิร์นเทรด ร้านยา ร้านค้า และร้านเซเว่นอีเลฟเว่น แต่เวคกี้เองก็ถือว่าไม่น้อย หน้าเพราะช่องทางต่างๆทั้งโมเดิร์นเทรด ร้านค้า ร้านยาก็เข้าถึงหมด แถมยังดูเหมือนมีเครดิตดีกว่าตรงจุดขายตามสถานบันเทิงที่มีทีมพริตตี้ เกิร์ลออกตระเวนขายมากกว่าแฮง ทั้งนี้การขนสินค้าที่เป็นขวดตระเวนขายก็ไม่ง่ายเหมือนเวคกี้ที่เป็นซอง ขนส่งตระเวนขายได้มากกว่า สะดวกกว่า
แต่แฮง ก็ยังคงมีการทำกิจกรรมการตลาด ด้วยการให้บริการตรวจเช็กระดับแอลกอฮอล์โดยมีทีมสาวแฮงการ์ด เป็นผู้แจกสินค้าตัวอย่างให้ลูกค้าทดลองดื่มจำนวน 200,000 ขวด ตามจุดที่มีแหล่งลูกค้าเป้าหมายอยู่ เช่น อาคารสำนักงาน สถานที่ราชการ ร้านอาหาร ผับ บาร์ กว่า 100 แห่งทั่วประเทศ และในช่วงแรกของการ ทำตลาดจะมีการทำโปรโมชั่นราคาพิเศษขวดละ 20 บาท
นอกจากนี้แฮงยังวางแผนที่จะทำกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นยอดขาย ล่าสุดมีการประกวด Hang : Sexy & Smart Lady 2004 เพื่อคัดเลือกสุภาพสตรีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในการทำกิจกรรมต่างๆของแฮงซึ่งจะมีทั้งมิวสิกมาร์เก็ตติ้งและสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งตาม แต่ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มต่างๆ
ปีที่แล้วเวคกี้สามารถสร้างยอดขายได้ 80 ล้านบาท ส่วนในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะทำได้ 140 ล้านบาท ในขณะที่แฮงซึ่งทำตลาดปีแรกก็ตั้งเป้าไว้สูงถึง 200 ล้านบาท คงต้องดูหมัด 2 ที่เป็นสูตร น้ำของเวคกี้ว่าจะออกมารูปร่างอย่างไร แล้วแฮง จะสวนกลับอย่างไร ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีมูลค่ากว่า 80,000 ล้านบาทแต่ยาแก้เมาค้างยังมีไม่ถึง 1% ของตลาดแอลกอฮอล์ ดังนั้นจึงมีโอกาสเติบโตอีกไม่น้อย จะหอมหวนชวนให้มีผู้เล่นรายใหม่กระโดดเข้ามาชิงชัยมากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องที่เราต้องติดตามกันต่อไป และอาจจะมีกลยุทธ์เด็ดๆให้เราได้ใช้เป็นกรณีศึกษา เหมือนตลาดเครื่องดื่มชูกำลังก็เป็นได้