xs
xsm
sm
md
lg

'ทิพ'คลอดน้ำมันปาล์มชนมรกตเตรียมปรับราคา-ขยายไลน์สแน็ก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - "น้ำมันพืชทิพ" ฟื้นคืนชีพหลังเงียบนานกว่า 20 ปี รุกขยายไลน์สินค้า ผุดน้ำมันปาล์มชิงแชร์"มรกต" ครึ่งปีหลัง พร้อมทุ่ม 50 ล้านบาท ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่-แยกบริษัทลุยทำตลาด วางเป้า2ปีล้มกุ๊กขึ้นแท่นอันดับสองเบ็ดเสร็จครองแชร์35% เตรียมต่อยอดขยายไลน์สแน็ก

ม.ร.ว.สุภาณี ดิศกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิพ อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันพืชตราทิพ เปิดเผยว่า บริษัทได้หยุดเคลื่อนไหวในการทำตลาดน้ำมันพืชทิพมากกว่า 20 ปี จนกระทั่งเมื่อปลายปีที่ผ่านมาได้ปรับโครงสร้างทางการเงินของบริษัทใหม่ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีหนี้ที่จะชำระ 400-500 ล้านบาทเท่านั้น ทำให้ปีนี้บริษัทเริ่มวางแผนทำตลาดในเชิงรุกมากขึ้น โดยจะขยายไลน์สินค้าใหม่ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งบริษัทจะผลิตน้ำมันปาล์มลงสู่ตลาดในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายในตลาดระดับล่าง เพราะตลาดน้ำมันปาล์มเป็นตลาดที่ใหญ่สุด โดยมีสัดส่วนถึง65% จากมูลค่าตลาดน้ำมันพืชบรรจุขวด 5,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีผู้นำตลาด คือ มรกต

ในส่วนของน้ำมันถั่วเหลืองทิพ จะเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับกลางเป็นหลัก ในปีนี้บริษัทได้ทุ่มงบกว่า 50 ล้านบาท ปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยเปลี่ยนแพกเกจจิ้งใหม่ในโทนสีแดง และออกภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่นำคู่สามีภรรยายุคใหม่เจี๊ยบ -โสภิตนภา และเบียร์-ธิตินันท์ ชุ่มภาณี มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสร้างการรับรู้และขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 25 ปีขึ้นไป เพราะที่ผ่านมาตราสินค้าทิพจะมีกลุ่มผู้สูงอายุ 45 ปี ขึ้นไปเท่านั้นที่รู้จักทิพดี

ทั้งนี้บริษัทยังมีแผนที่จะรุกตลาดน้ำมันพรีเมี่ยมมากขึ้น หลังจากได้นำ 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันข้าวโพด น้ำมันทานตะวัน วางตลาดมากกว่า 3-4 ปี เนื่องจากผู้บริโภคกำลังให้การตอบรับกระสุขภาพที่กำลังมาแรง ส่งผลให้ตลาดน้ำมันพรีเมียมเป็นตลาดที่มีขยายตัวสูงคือประมาณ 10 % จากมูลค่าตลาด 200 ล้านบาท หรือมีสัดส่วน 4 % จากตลาดรวม

ม.ร.ว.สุภาณี กล่าวอีกว่า บริษัทยังได้ปรับโครงสร้างเพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยแยกให้บริษัทอุตสาหกรรมวิวัตน์ จำกัด ให้เป็นผู้ผลิตอย่างเดียว จากเดิมจะเป็นผู้ทำตลาดและเป็นผู้ผลิต ซึ่งขณะนี้บริษัทจะให้บริษัททิพ อินเตอร์เทรด เป็นผู้ทำตลาดและการขาย โดยในปีนี้ช่องทางการจำหน่ายบริษัทจะให้ความสำคัญในช่องทางร้านค้าปลีกรายย่อยมากขึ้น ซึ่งจะปรับสัดส่วนจาก 40 % มาเป็น 50 % ขณะที่ช่องทางโมเดิร์นเทรดจะเท่าเดิมคือ 50 %

ในส่วนการจัดกิจกรรมการตลาดปีนี้บริษัทจะเข้าร่วมกับผู้บริโภคตามเทศกาลสำคัญของแต่ละภูมิภาค รวมทั้งการจัดโรดโชว์สินค้า ซึ่งคาดว่าภายในอีก 2 ปี บริษัทจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มจาก 20 % เป็น 35 % โดยขึ้นมาเป็นอันดับสองของตลาดน้ำมันถั่วเหลืองอย่างเบ็ดเสร็จ จากปัจจุบันทิพจะมีส่วนแบ่งไล่เลี่ยกับน้ำมันพืชกุ๊กคือประมาณ20% ขณะที่อันดับหนึ่งเป็นองุ่นมีส่วนแบ่งกว่า50%

ม.ร.ว.สุภาณี กล่าวอีกว่า หลังจากที่น้ำมันพืชทิพมีความแข็งแกร่ง บริษัทวางแผนที่จะปรับราคาน้ำมันทิพขึ้น 5 % จากปัจจุบันราคา 36 บาท รวมทั้งวางแผนจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัววัตถุดิบ โดยจะนำมาเป็นส่วนประกอบการผลิตขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพที่มีโปรตีนสูงลงสู่ตลาด ทั้งนี้เพื่อขยายไลน์ธุรกิจให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
อย่างไรก็ตามบริษัทจะนำขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพโดยนำเข้ามาจากต่างประเทศเข้ามาทดลองตลาดก่อน สำหรับผลประกอบการปีนี้ บริษัทตั้งเป้ามีรายได้เติบโต 20 % จากรายได้รวม 600 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น