วอลล์ไทยขย่มคู่แข่ง เปิดตัว ไอศกรีม วอลล์ ไลท์ ไขมันต่ำ ที่แรกในโลก วางตลาดเดือนหน้า ยึดตลาดทุกเซ็กเม้นท์ ทั้งเด็ก วัยรุ่น และเทคโฮม เบ็ดเสร็จ กินแชร์รวมกว่า 66% ในตลาดระดับกลางกว่า 5,300 ล้านบาท
นายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ - ธุรกิจอาหารและไอศกรีม บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ในเดือนหน้าบริษัทฯจะวางตลาดไอศกรีมวอลล์ใหม่ชื่อว่า "วอลล์ ไลท์" ( Wall Light) ซึ่งเป็นไอศกรีมไขมันต่ำ สำหรับผู้บริโภคที่ห่วงใยเรื่องสุขภาพ ถือเป็นการพัฒนาและผลิตในประเทศไทยเองโดยประเทศไทยจะเป็นตลาดแรกของวอลล์ทั่วโลกและยี่ห้อแรกที่วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไอศกรีมไขมันต่ำนี้ และถ้าหากสำเร็จก็จะขยายสู่ประเทศอื่นต่อไป
สำหรับ วอลล์ ไลท์ นี้ จะมีสินค้าที่เจาะกลุ่มผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมายทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และทุกรูปแบบทั้งถ้วย โคน และซื้อกลับบ้าน มีราคาจำหน่ายตั้งแต่ 10-25 บาท วางจำหน่ายตามช่องทางจำหน่ายทั่วไปที่มีอยู่แล้ว คาดว่าจะได้รับความนิยม เนื่องจากกระแสรักสุขภาพที่มาแรงในเวลานี้ รวมทั้ง การที่เด็กนักเรียนเปลี่ยนพฤติกรรมจากสแน็กมาทานไอศกรีมมากขึ้นจากกรณีที่ก่อนหน้านี้ตลาดาสแน็กถูกต่อต้านว่าไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายเท่าใด
จากการวิจัยของบริษัทฯพบว่า ผู้บริโภคที่ทานไอศกรีมมี 2 แบบคือ แบบทานประจำอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง กับแบบที่ทานบ้างไม่ทานบ้าง ซึ่งถ้าตัวใหม่วางตลาดเมื่อใดคาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้กลุ่มที่ทานอยู่ทานมากขึ้น ส่วนกลุ่มที่ทานบ้างไม่ทานบ้างจะมีการทานถี่ขึ้น เพราะไอศกรีมใหม่นี้มีไขมันต่ำ ทำให้ผู้บริโภคไม่ต้องกังวลกับการทาน
นายญนน์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมการแข่งขันธุรกิจไอศกรีม โดยเฉพาะในตลาดระดับกลางที่มีวอลล์รวมอยู่ด้วยซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 5,300 ล้านบาท ถือเป็นตลาดที่ใหญ่ แต่ตลาดรวมโตน้อยมาก โดยปีที่แล้วโตเพียง 1-2% แต่คาดว่าปีนี้จะโต 4-5% เพราะกลยุทธ์การทำตลาดเชิงรุกของผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งตัวเลขของเอซีนีลสันระบุว่า ส่วนแบ่งการตลาดของ 4 รายใหญ่ในตลาด คือ วอลล์ มีส่วนแบ่ง 65.9% ตามด้วยเนสท์เล่ 16% ครีโม 9.5% และยูไนเต็ดแม็กโนเลีย 8.7% โดยในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาวอลล์เติบโตถึง 22% ซึ่งสัดส่วนการขายของตลาดไอศกรีมนั้นจะแบ่งเป็น ครึ่งปีแรก 55% และครึ่งปีหลัง 45%
ทั้งนี้หากแยกตลาดในระดับกลางออกเป็นเซ็กเม้นท์คือ กลุ่มเด็ก กลุ่มวัยรุ่น และแบบเทคโฮม จะพบว่าช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2547 ในกลุ่มเด็กนั้น วอลล์มีแบรนด์แพดเดิลป๊อป และเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งกว่า 87% ซึ่งมีอัตราการเติบโต 22% ตามมาด้วยแบรนด์เอสกิโมของเนสท์เล่มี 6% อันดับที่สี่แบรนด์ก๊อทช่าของแมกโนเลีย และอันดับที่สี่คือ แบรนด์ แมทคูของเนสท์เล่มี 3%
ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นนั้น เช่นเดียวกัน แบรนด์คอร์นเนตโต ของวอลล์ครองตลาดสูงสุดประมาณ 84% มีอัตราการเติบโตมากถึง 40% มียอดจำหน่ายประมาณ 5 ล้านโคนต่อเดือน ตามมาด้วยอันดับที่สองคือ แบรนด์ดรัมสติ๊กของเนสท์เล่มีแชร์ 14% และแบรนด์แมกโนเลียมีส่วนแบ่ง 2%
ส่วนกลุ่มเทคโฮมนั้น วอลล์ครองตลาดมากที่สุดด้วยส่วนแบ่ง 79.9% ซึ่งในตลาดนี้วอลล์มียี่ห้อซีเล็คชั่นแบบดั้งเดิมกับแบบใหม่คือ ครีเอชั่น ซึ่งเริ่มแนะนำเข้าตลาดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตามด้วยเนสท์เล่ ส่วนแบ่ง 10% และครีโม ส่วนแบ่ง 5.2% อันดับที่สี่คือ แมกโนเลีย 4.8%
นายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ - ธุรกิจอาหารและไอศกรีม บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ในเดือนหน้าบริษัทฯจะวางตลาดไอศกรีมวอลล์ใหม่ชื่อว่า "วอลล์ ไลท์" ( Wall Light) ซึ่งเป็นไอศกรีมไขมันต่ำ สำหรับผู้บริโภคที่ห่วงใยเรื่องสุขภาพ ถือเป็นการพัฒนาและผลิตในประเทศไทยเองโดยประเทศไทยจะเป็นตลาดแรกของวอลล์ทั่วโลกและยี่ห้อแรกที่วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไอศกรีมไขมันต่ำนี้ และถ้าหากสำเร็จก็จะขยายสู่ประเทศอื่นต่อไป
สำหรับ วอลล์ ไลท์ นี้ จะมีสินค้าที่เจาะกลุ่มผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมายทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และทุกรูปแบบทั้งถ้วย โคน และซื้อกลับบ้าน มีราคาจำหน่ายตั้งแต่ 10-25 บาท วางจำหน่ายตามช่องทางจำหน่ายทั่วไปที่มีอยู่แล้ว คาดว่าจะได้รับความนิยม เนื่องจากกระแสรักสุขภาพที่มาแรงในเวลานี้ รวมทั้ง การที่เด็กนักเรียนเปลี่ยนพฤติกรรมจากสแน็กมาทานไอศกรีมมากขึ้นจากกรณีที่ก่อนหน้านี้ตลาดาสแน็กถูกต่อต้านว่าไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายเท่าใด
จากการวิจัยของบริษัทฯพบว่า ผู้บริโภคที่ทานไอศกรีมมี 2 แบบคือ แบบทานประจำอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง กับแบบที่ทานบ้างไม่ทานบ้าง ซึ่งถ้าตัวใหม่วางตลาดเมื่อใดคาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้กลุ่มที่ทานอยู่ทานมากขึ้น ส่วนกลุ่มที่ทานบ้างไม่ทานบ้างจะมีการทานถี่ขึ้น เพราะไอศกรีมใหม่นี้มีไขมันต่ำ ทำให้ผู้บริโภคไม่ต้องกังวลกับการทาน
นายญนน์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมการแข่งขันธุรกิจไอศกรีม โดยเฉพาะในตลาดระดับกลางที่มีวอลล์รวมอยู่ด้วยซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 5,300 ล้านบาท ถือเป็นตลาดที่ใหญ่ แต่ตลาดรวมโตน้อยมาก โดยปีที่แล้วโตเพียง 1-2% แต่คาดว่าปีนี้จะโต 4-5% เพราะกลยุทธ์การทำตลาดเชิงรุกของผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งตัวเลขของเอซีนีลสันระบุว่า ส่วนแบ่งการตลาดของ 4 รายใหญ่ในตลาด คือ วอลล์ มีส่วนแบ่ง 65.9% ตามด้วยเนสท์เล่ 16% ครีโม 9.5% และยูไนเต็ดแม็กโนเลีย 8.7% โดยในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาวอลล์เติบโตถึง 22% ซึ่งสัดส่วนการขายของตลาดไอศกรีมนั้นจะแบ่งเป็น ครึ่งปีแรก 55% และครึ่งปีหลัง 45%
ทั้งนี้หากแยกตลาดในระดับกลางออกเป็นเซ็กเม้นท์คือ กลุ่มเด็ก กลุ่มวัยรุ่น และแบบเทคโฮม จะพบว่าช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2547 ในกลุ่มเด็กนั้น วอลล์มีแบรนด์แพดเดิลป๊อป และเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งกว่า 87% ซึ่งมีอัตราการเติบโต 22% ตามมาด้วยแบรนด์เอสกิโมของเนสท์เล่มี 6% อันดับที่สี่แบรนด์ก๊อทช่าของแมกโนเลีย และอันดับที่สี่คือ แบรนด์ แมทคูของเนสท์เล่มี 3%
ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นนั้น เช่นเดียวกัน แบรนด์คอร์นเนตโต ของวอลล์ครองตลาดสูงสุดประมาณ 84% มีอัตราการเติบโตมากถึง 40% มียอดจำหน่ายประมาณ 5 ล้านโคนต่อเดือน ตามมาด้วยอันดับที่สองคือ แบรนด์ดรัมสติ๊กของเนสท์เล่มีแชร์ 14% และแบรนด์แมกโนเลียมีส่วนแบ่ง 2%
ส่วนกลุ่มเทคโฮมนั้น วอลล์ครองตลาดมากที่สุดด้วยส่วนแบ่ง 79.9% ซึ่งในตลาดนี้วอลล์มียี่ห้อซีเล็คชั่นแบบดั้งเดิมกับแบบใหม่คือ ครีเอชั่น ซึ่งเริ่มแนะนำเข้าตลาดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตามด้วยเนสท์เล่ ส่วนแบ่ง 10% และครีโม ส่วนแบ่ง 5.2% อันดับที่สี่คือ แมกโนเลีย 4.8%