ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ คุยโวแบบผิดๆ อวดอ้างว่าเขาช่วยหยุดสงครามระหว่าง 2 ประเทศ ที่ไม่เคยสู้รบกันและอยู่ห่างกันกว่า 4,150 ไมล์(ราว 6,600 กิโลเมตร)
ผู้นำสหรัฐฯพูดซ้ำๆว่าเขามีความเหมาะสมคู่ควรกับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพมากแค่ไหน ต่อกรณีช่วยหยุดความขัดแย้งต่างๆนานา 7 ความขัดแย้งทั่วโลก แม้ในข้อเท็จจริงมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับจำนวนความขัดแย้งและความเกี่ยวข้องของประธานาธิบดีอเมริการายนี้
อย่างไรก็ตามระหว่างงานเลี้ยงดินเนอร์ของพวกผู้ก่อตั้งสถาบันอเมริกา คอร์เนอร์สโตน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อมวลชนหลายแห่งระบุว่า ทรัมป์ ถึงขั้นกุเรื่องสงครามหนึ่งๆขึ้นมาและกล่าวอ้างว่าเขาเป็นคนช่วยคลี่คลาย
ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าความขัดแย้งเทียมดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งความสับสนที่เกิดขึ้นกับทรัมป์ วัย 79 ปี หรือเป็นความพยายามโปรโมทตนเอง แต่กลับพูดผิด
ในถ้อยแถลงแปลกๆและเป็นไปอย่างสะเปะสะปะ ระหว่างนั้น ทรัมป์ ได้หยิบยกรายชื่อสงครามต่างๆนานาที่เขาอวดอ้างว่าเป็นคนหยุดมัน ก่อนล่องลอยเข้าสู่ดินแดนแห่งจินตนาการในความขัดแย้งที่ไม่มีอยู่จริง "กัมพูชาและอาร์เมเนีย" ประธานาธิบดีสหรัฐระบุ "แค่เริ่มต้น และมันก็เป็นสงครามที่เลวร้ายแล้ว"
ความเป็นจริงคือ ไม่มีความขัดแย้งระหว่างกัมพูชาและอาร์เมเนียให้ใครต้องคลี่คลาย ในขณะที่เมืองหลวงของทั้ง 2 ประเทศ กรุงพนมเปญและกรุงเยเรวาน อยู่ห่างกันราวๆ 4,150 ไมล์
ทั้งนี้ความจริงแล้ว กัมพูชามีความขัดแย้งกับไทย ส่วน อาร์เมเนีย สู้รบกันมาช้านานกับอาเซอร์ไบจาน เกี่ยวกับภูมิภาคากอร์โน-คาราบัค
เมื่อเดือนสิงหาคม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เข้าร่วมกับผู้นำปากีสถานและอิสราเอล เสนอชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ สำหรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ โดยให้เครดิตกับการทูตที่มีวิสัยทัศน์และเชิงนวัตกรรมของประธานธิบดีสหรัฐฯ ในขณะที่ ทรัมป์ ช่วยหยุดการปะทะตามแนวชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทย
การเสนอชื่อ ทรัมป์ ขึ้นตามหลังการปะทะกันนาน 5 วันในช่วงปลายเดือนกรกฏาคม ที่ปลิดชีพผู้คนอย่างน้อย 43 รายและอีกกว่า 300,000 รายต้องไร้ถิ่นฐาน การหยุดยิงเริ่มต้นขึ้นหลัง ทรัมป์ ต่อสายโทรศัพท์หาผู้นำทั้ง 2 ชาติและมี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีเป็นคนกลาง ซึ่งเปิดทางสำหรับข้อตกลงหยุดยิงตามมาในวันที่ 28 กรฏาคม
ความผิดพลาดของทรัมป์ในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องแปลกประหลาด เนื่องจากไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น เขาเพิ่งเล่ากับพวกผู้ฟังไปไม่นาน เกี่ยวกับวิธีการที่เขาช่วยหยุดการสู้รบระหว่างอาร์เมเนียกับอาเซอร์ไบจาน ครั้งที่ผู้นำทั้ง 2 ชาติเดินทางมาเยือนห้องทำงานรูปไข่เมื่อเดือนสิงหาคม
เป็นเรื่องจริงที่ ทรัมป์ เปิดทำเนียบขาวต้อนรับพวกผู้นำอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจาน และมีการแถลงคำประกาศสันติภาพ แต่ยังต้องรอดูว่ามันจะก่อสันติภาพที่ยั่งยืนแค่ไหน
(ที่มา:เอเจนซี)