ทรัมป์ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารผ่อนคลายกฎระเบียบกำกับดูแลการปล่อยจรวดเชิงพาณิชย์ เล็งผลักดันอเมริกาเป็นผู้นำเทคโนโลยีอวกาศ ขณะที่หลายฝ่ายมองว่า ความเคลื่อนไหวนี้น่าจะส่งผลดีอย่างมากต่อสเปซเอ็กซ์ของมัสก์ รวมทั้งบริษัทเทคโนโลยีอวกาศอื่นๆ
ทำเนียบขาวแถลงว่า คำสั่งฝ่ายบริหารที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามเมื่อวันพุธ (13 ส.ค.) ครอบคลุมการสั่งการให้ฌอน ดัฟฟี รัฐมนตรีคมนาคมและรักษาการผู้อำนวยการองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ยกเลิกหรือเร่งรัดการตรวจสอบด้านสภาพแวดล้อมสำหรับการให้อนุญาตปล่อยจรวดของสำนักงานบริหารการบินของสหรัฐฯ (เอฟเอเอ)
นอกจากนั้นคำสั่งนี้ยังเรียกร้องให้ดัฟฟียกเลิกกฎที่ล้าสมัย ซ้ำซ้อน หรือเข้มงวดมากเกินไปสำหรับการปล่อยและการกลับสู่พื้นโลกของจรวดและยานอวกาศ
คำสั่งของทรัมป์ระบุว่า เป้าหมายของการดำเนินการนี้คือ เพื่อเพิ่มจำนวนการปล่อยจรวดในอเมริกา และสำทับว่า กระบวนการออกใบอนุญาตที่ไร้ประสิทธิภาพเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนและนวัตกรรม ตัดโอกาสบริษัทอเมริกันในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดเทคโนโลยีอวกาศ
“นโยบายของอเมริกาคือส่งเสริมความยิ่งใหญ่ของอเมริกาในอวกาศภายในปี 2030 ด้วยการสนับสนุนการแข่งขันในตลาดการปล่อยยานอวกาศและจรวด”
นับจากกลับเข้าทำเนียบขาวเมื่อเดือนมกราคม ทรัมป์พร่ำพูดถึงภารกิจอวกาศหลายครั้ง ซึ่งรวมถึงการส่งมนุษย์ไปยังดวงจันทร์และดาวอังคาร โดยมีแผนใช้จรวดสตาร์ชิปของสเปซเอ็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาจรวดและยานอวกาศที่ใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นธุรกิจของอีลอน มัสก์ อดีตพันธมิตรคนสนิทของทรัมป์
ต้นเดือนตุลาคม เอฟเอเออนุมัติเพิ่มการปล่อยจรวดสตาร์ชิปจากปีละ 5 ครั้ง เป็น 25 ครั้ง โดยระบุว่า การดำเนินการนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตาม สตาร์ชิปประสบปัญหาหลายครั้ง โดยการทดสอบปกติครั้งล่าสุด ทำให้เกิดระเบิดรุนแรงเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ศูนย์เพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นองค์การไม่หวังผลกำไรในอเมริกา โจมตีว่า คำสั่งใหม่ของทรัมป์จะเปิดทางให้มีการทำลายล้างสัตว์ป่าและพืชพรรณคุ้มครองครั้งใหญ่
ขณะเดียวกัน แม้ทรัมป์ และมัสก์ ผิดใจกันอย่างรุนแรงเมื่อหลายเดือนก่อน แต่เป็นที่คาดว่า สเปซเอ็กซ์จะได้ประโยชน์จากความเคลื่อนไหวนี้มากที่สุด เนื่องจากที่ผ่านมา สถานที่ปล่อยจรวดของบริษัทมักถูกวิจารณ์ว่า สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สเปซเอ็กซ์ถือเป็นผู้นำการปล่อยยานอวกาศของโลก เฉพาะปีที่ผ่านมาได้ปล่อยจรวดขนาดต่างๆ ถึงกว่า 130 ครั้ง และคาดว่า คำสั่งใหม่ของทรัมป์จะยิ่งทำให้ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
ความฝันของมัสก์ในการยึดครองดาวอังคารขึ้นอยู่กับความสำเร็จของยานสตาร์ชิปเท่านั้น ขณะที่สเปซเอ็กซ์เดิมพันว่า คำขวัญ “ล้มเร็ว ลุกไว” ของบริษัทจะเป็นจริงในที่สุด
อย่างไรก็ตาม บลู ออริจิน บริษัทจรวดของเจฟฟ์ เบโซส เจ้าของอะเมซอน มีแนวโน้มได้ประโยชน์จากคำสั่งใหม่ของทรัมป์เช่นเดียวกัน
(ที่มา: เอเอฟพี/รอยเตอร์)