ทรัมป์คุยสามารถปิดดีลการค้าฉบับใหญ่ที่สุดสำเร็จ โดยสหรัฐฯตกลงจะเก็บภาษีศุลกากรจากสินค้าเข้าอียูในอัตรา 15% หรือครึ่งหนึ่งของที่ข่มขู่ไว้ ขณะที่ทางยุโรปโอเคซื้อสินค้าพลังงานจากอเมริกามูลค่า 750,000 ล้านดอลลาร์ และจะเข้าลงทุนในสหรัฐฯอีก 600,000 ล้านดอลลาร์ ในอีกด้านหนึ่ง ทีมเจรจาของวอชิงตันกำหนดคุยกับคณะของจีนที่สวีเดนในวันจันทร์ (28 ก.ค.) โดยคาดกันว่าทั้งสองฝ่ายจะเห็นชอบขยายเส้นตายของข้อตกลงสงบศึกภาษีระหว่างกัน ออกไปอีก 90 วัน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศภายหลังเสร็จสิ้นการหารือกับ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งก็คือองค์กรบริหารของอียู ที่สก็อตแลนด์ เมื่อวันอาทิตย์ (27 ) ว่า ได้บรรลุ “ข้อตกลงฉบับใหญ่ที่สุด”
ในวันจันทร์ (28) ขณะที่มีหลายชาติสมาชิกสหภาพยุโรป เป็นต้นว่า ฝรั่งเศส แสดงปฏิกิริยาโดยชี้ว่า อียูยอมอ่อนข้อให้แก่สหรัฐฯมากเกินไป แต่ทางคณะกรรมาธิการยุโรปก็พยายามตอบโต้ว่า นี่เป็นข้อตกลงดีที่สุดที่จะเจรจาได้มา และดีกว่าจะเกิดสงครามการค้าระหว่างสหภาพยุโรปกับสหรัฐฯ
ข้อตกลงนี้ ซึ่งทำกันสำเร็จก่อนถึงเส้นตายวันที่ 1 ส.ค. ช่วยให้ 27 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรปไม่ต้องเผชิญภาษีศุลกากรที่ทรัมป์กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 30%
ภายใต้ข้อตกลงนี้ อเมริกาจะเก็บภาษีศุลกากรอัตรา 15% จากสินค้าเกือบทั้งหมดของอียู ที่รวมถึงภาคยานยนต์ ยา และเซมิคอนดักเตอร์ ขณะที่บรัสเซลส์ตกลงซื้อสินค้าพลังงานมูลค่า 750,000 ล้านดอลลาร์จากอเมริกา รวมถึงลงทุนเพิ่มอีก 600,000 ล้านดอลลาร์
ฟอน แดร์ ไลเอิน แถลงว่า นี่เป็นข้อตกลงที่ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โดยจะนำมาซึ่งเสถียรภาพและสถานการณ์ที่สามารถคาดการณ์ได้ และเสริมว่า การสั่งซื้อสินค้าพลังงานของอเมริกาจะเกิดขึ้นภายในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของอียูในการลดการพึ่งพิงพลังงานจากรัสเซีย
เธอบอกอีกว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงยังตกลงยกเว้นภาษีศุลกากรให้แก่สินค้าทางยุทธศาสตร์หลายรายการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องบิน สารเคมีบางประเภท สินค้าเกษตรบางอย่าง และวัตถุดิบสำคัญ
นอกจากนี้อียูยังหวังว่า จะบรรลุข้อตกลงที่ต่างฝ่ายต่างยกเลิกภาษีศุลกากรสำหรับสุรา
ทางฝั่งทรัมป์สำทับว่า ประเทศอียูจะจัดซื้ออุปกรณ์ทางทหารจากอเมริกามูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ด้วย
ประมุขทำเนียบขาวเสริมว่า อเมริกาจะยังคงเก็บภาษีเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม จากอียูในอัตรา 50% เช่นเดิม รวมทั้งขู่ว่า อาจขึ้นภาษีในอนาคตถ้าประเทศสมาชิกอียูไม่ปฏิบัติตามสัญญาในการลงทุนในอเมริกา
เกี่ยวกับภาษีเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมนั้น ฟอน แดร์ ไลเอินระบุว่า จะเจรจากับอเมริกาต่อเพื่อให้เปลี่ยนเป็นระบบโควตาแทน
ทั้งนี้ ข้อตกลงทั้งหมดจะต้องได้รับอนุมัติจากชาติสมาชิกอียู
ด้านนายกรัฐมนตรีฟรีดริช เมร์ซของเยอรมนี ยกย่องว่า ข้อตกลงนี้ช่วยป้องกันความตึงเครียดทางการค้าโดยไม่จำเป็นระหว่างอเมริกากับยุโรป
ขณะที่เบนจามิน ฮัดดาด รัฐมนตรีกระทรวงกิจการยุโรปของฝรั่งเศส โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า ข้อตกลงกับอเมริกานี้จะช่วยให้สถานการณ์มีเสถียรภาพชั่วคราว แต่ไร้ความสมดุล
ช่วงหลายวันมานี้ อเมริกาลุยปิดดีลการค้ากับประเทศต่างๆ ซึ่งรวมถึงข้อตกลงมูลค่า 550,000 ล้านดอลลาร์กับญี่ปุ่น ก่อนถึงเส้นตายวันที่ 1 ส.ค. ที่ทรัมป์ขู่เอาไว้ว่าประเทศที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงจะต้องเสียภาษีศุลกากรสูงมาก ตัวอย่างเช่น บราซิลและอินเดียอาจถูกอเมริการีดภาษีถึง 50%
เมื่อถูกถามว่า ข้อตกลงต่อไปจะเป็นประเทศใด ทรัมป์ใบ้ว่า จะเป็นข้อตกลงใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งน่าจะหมายถึงจีน
ทั้งนี้ คณะเจรจาของจีนที่นำโดยรองนายกรัฐมนตรีเหอ ลี่เฟิง และคณะเจรจาของอเมริกาที่นำโดย สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลัง นัดหารือกันที่สต็อกโฮล์ม สวีเดน ในวันจันทร์ (28) ถึงแม้นักวิเคราะห์คาดกันว่า คงจะไม่มีความคืบหน้าสำคัญใดๆ นอกจากการตกลงขยายเส้นตายที่จะสิ้นสุดวันที่ 12 ส.ค. ออกไปอีก 90 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามภาษี ตลอดจนมีการหารือเตรียมการจัดประชุมระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในช่วงปลายเดือนตุลาคมหรือต้นเดือนพฤศจิกายนที่จะถึง
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนเมษายน สองประเทศนี้ประกาศเก็บภาษีตอบโต้กันในอัตราเลขสามหลัก แต่หลังการเจรจาที่เจนีวาในเดือนพฤษภาคม อเมริกาตกลงลดภาษีศุลกากรจีนเหลือ 30% และปักกิ่งลดภาษีศุลกากรสินค้าอเมริกันอยู่ที่ 10%
ทางด้านโฆษกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานของเซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ของฮ่องกงที่อ้างอิงแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อว่า วอชิงตันและปักกิ่งอาจขยายเวลาการระงับภาษีตอบโต้อีก 90 วัน
นอกจากนั้นในวันจันทร์ ไฟแนนเชียล ไทมส์ของอังกฤษยังรายงานโดยอ้างอิงการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ทั้งอดีตและปัจจุบันของอเมริกาว่า สำนักงานอุตสาหกรรมและความมั่นคงของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ที่กำกับดูแลการควบคุมการส่งออก ได้รับแจ้งให้ระงับมาตรการจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีให้จีน เพื่อป้องกันไม่ให้การเจรจาที่สต็อกโฮล์มติดขัด และเพื่อสนับสนุนความพยายามของทรัมป์ในการนัดพบกับสี
ที่ปักกิ่งวันเดียวกัน กัว เจียคุน โฆษกกระทรวงต่างประเทศ กล่าวว่า จีนต้องการส่งเสริมฉันทามติผ่านการหารือและการสื่อสาร ลดความเข้าใจผิด กระชับความร่วมมือ และสนับสนุนการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-อเมริกาที่มั่นคง แข็งแกร่ง และยั่งยืน
(ที่มา: เอเอฟพี/รอยเตอร์)