สหภาพยุโรปยังแสดงท่าทีวาดหวังบรรลุข้อตกลงการค้ากับอเมริกา แม้ถูกทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ในอัตรา 30% ขณะเดียวกันหลายชาติสมาชิกอียูกดดันมากขึ้นให้ปรับกลยุทธ์กล้าแข็งขืนกับวอชิงตัน
มารอส เซฟโควิก กรรมาธิการการค้าของสหภาพยุโรป (อียู) กล่าวขณะเดินทางเข้าร่วมประชุมกับบรรดารัฐมนตรีการค้าอียู ในกรุงบรัสเซลส์ เมื่อวันจันทร์ (14 ก.ค.) ว่า แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้จากสินค้าอียู ในอัตรา 30% ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. แต่เขารู้สึกว่า วอชิงตันยังคงพร้อมเจรจาต่อ
เซฟโควิก ที่มีกำหนดเจรจากับทางอเมริกาช่วงเย็นวันจันทร์ เสริมว่า เป้าหมายสำคัญที่สุดของอียูยังคงเป็นการบรรลุข้อตกลง แม้ยอมรับว่า สมาชิกบางชาติที่รวมถึงมหาอำนาจฝรั่งเศส ต้องการให้บรัสเซลส์แข็งขืนมากขึ้นก็ตาม
เขายังบอกอีกว่า สถานการณ์ความไม่แน่นอนปัจจุบัน ซึ่งเกิดขึ้นจากภาษีศุลกากรที่ไม่เป็นธรรมนั้น จะไม่สามารถคงอยู่ตลอดไป ก่อนสำทับว่า อียูเตรียมพร้อมรับผลลัพธ์ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงมาตรการตอบโต้อย่างรอบคอบและสมน้ำสมเนื้อ
ก่อนหน้านี้ ทางด้าน อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของอียู ได้ประกาศชะลอมาตรการตอบโต้การขึ้นภาษีเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมของอเมริกาไปก่อนแล้วเมื่อวันอาทิตย์ (13 ก.ค.) หรือหนึ่งวันก่อนมีผลบังคับใช้ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่ดีสำหรับการเดินหน้าเจรจากันต่อไป
กระนั้น นักการทูตหลายคนระบุว่า ในที่ประชุมรัฐมนตรีการค้าของอียูในวันจันทร์ จะมีการนำเสนอมาตรการตอบโต้เพิ่มเติม ซึ่งอาจนำมาบังคับใช้หากทรัมป์รีดภาษีสินค้าอียู 30%
ทั้งนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคม อียูขู่ตอบโต้สินค้าอเมริกันจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงรถยนต์และเครื่องบิน หากการเจรจาล้มเหว และนักการทูตระบุว่า บัญชีรายชื่อขั้นสุดท้ายอาจครอบคลุมสินค้ามูลค่า 72,000 ล้านยูโร
พร้อมทำศึก
โลรองต์ แซงต์-มาร์แตง รัฐมนตรีการค้าฝรั่งเศส แสดงความเห็นว่า บรัสเซลส์ควรร่างแผนการตอบโต้โดยไม่มีข้อจำกัด และสำทับว่า การระงับมาตรการตอบโต้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเท่ากับว่า อียูไม่ได้พยายามเพิ่มอำนาจการต่อรอง ทั้งที่สถานการณ์นับจากทรัมป์ประกาศอัตราภาษีใหม่เมื่อวันเสาร์บีบให้อียูต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ก็ตาม
ลาร์ส ล็อกเก ราสมุสเซน รัฐมนตรีต่างประเทศของเดนมาร์ก ที่เป็นประธานหมุนเวียนของอียูวาระปัจจุบัน ขานรับว่า บรัสเซลส์ต้องโชว์ความแข็งแกร่ง และย้ำว่า “อียูไม่ได้ต้องการทำสงครามการค้ากับอเมริกา แต่ต้องการบรรลุข้อตกลง ทว่า ภาษิตโบราณกล่าวไว้ว่า ถ้าอยากได้สันติภาพ เราต้องเตรียมพร้อมทำสงคราม”
ขณะที่สมาชิกอียู ซึ่งบางชาติส่งออกไปยังอเมริกามากกว่าชาติอื่น ต้องการให้ทุกชาติเข้าใจตรงกันว่า ควรใช้ไม้แข็งกับวอชิงตันในระดับใดจึงจะทำให้บรรลุข้อตกลง
ในวันเสาร์ ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส เรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรป ปกป้องผลประโยชน์ของยุโรปอย่างเด็ดขาด และเสริมว่า อียูควรยกระดับการเตรียมพร้อมสำหรับมาตรการตอบโต้
ด้านนายกรัฐมนตรีฟรีดริช เมร์ซของเยอรมนี บอกว่าเห็นด้วยและเสริมว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาได้คุยกับทั้งมาครง ทรัมป์ และฟอน แดร์ ไลเอิน และจะเดินหน้าหารือต่ออย่างจริงจังเพื่อหาทางออก กระนั้น เขาก็ยอมรับกับสื่อของเยอรมนีว่า การขิ้นภาษีของทรัมป์คราวนี้ส่งผลกระทบกระเทือนอย่างแรงต่ออุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของแดนดอยช์ และจึงปรารถนาที่จะให้มีการทำความตกลงกัน
ข้อตกลงและภาษี
อียูนั้นเตรียมมาตรการเพิ่มอัตราภาษีที่จัดเก็บจากสินค้าอเมริกันมูลค่าราว 21,000 ล้านยูโร เพื่อตอบโต้ภาษีเก็บจากเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมที่ทรัมป์ประกาศเมื่อต้นปี ก่อน ตัดสินใจชะลอไว้ก่อนเพื่อเปิดโอกาสในการเจรจาข้อตกลงการค้าที่ครอบคลุมมากขึ้น และจากนั้นสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังประกาศระงับมาตรการดังกล่าวอีกครั้งจนถึงต้นเดือนหน้า
ทางด้านทรัมป์นั้น นับจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่สองเมื่อเดือนมกราคม ได้ประกาศมาตรการภาษีศุลกากรระลอกใหญ่กับทั้งกับพันธมิตรและกับชาติที่ไม่ใช่พันธมิตรแต่สั่งเลื่อนการบังคับใช้มาแล้วหลายรอบ ล่าสุดคือเลื่อนการขึ้นภาษีพื้นฐาน 10% จากเส้นตายเดิมวันที่ 9 ก.ค. เป็น 1 ส.ค. ท่ามกลางความปั่นป่วนในตลาดการเงิน และความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
(ที่มา: เอเอฟพี/MGRออนไลน์)