ราคาน้ำมันร่วงลงมากกว่า 2% ในวันพฤหัสบดี(10ก.ค.) และทองคำปรับขึ้น กังวลมาตการรีดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตามวอลล์สตรีทปิดบวก แรงหนุนจากการคาดการณ์ผลประกอบการของสายการบินเดลต้า แอร์ไลน์ส
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 1.81 ดอลลาร์ ปิดที่ 66.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.55 ดอลลาร์ ปิดที่ 68.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ในวันพุธ(9ก.ค.) ทรัมป์ขู่เล่นงานบราซิล ชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในละตินอเมริกา ด้วยมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าสู่สหรัฐฯ 50% กดดันให้ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ของบราซิล ยุติการดำเนินคดีกับอดีตประธานาบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู ตามข้อหาวางแผนรัฐประหาร เพื่อสกัด ลูลา จากการเข้ารับตำแหน่งในปี 2023
นอกจากนี้แล้ว ทรัมป์ ยังแถลงแผนรีดภาษีทองแดง เซมิคอนดัคเตอร์และยา ขณะเดียวกันรัฐบาลของเขาได้ส่งหนังสือถึงฟิลิปปินส์, อิรักและอื่นๆ เพิ่มเติมจากที่ส่งไปแล้วมากกว่า 10 ชาติในสัปดาห์นี้ แจ้งเกี่ยวกับอัตราเพดานภาษีที่จะทำการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศเหล่านั้น ในนั้นรวมถึงซัพพลายเออร์เจ้าใหญ่ของอเมริกา อย่างเช่นเกาหลีใต้และญี่ปุ่น
ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ จากมาตรการรีดภาษีล่าสุดของทรัมป์ ผลักให้นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ แต่ทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี(10ก.ค.) ถูกฉุดรั้งจากดอลลาร์แข็งค่า โดยราคาทองคำโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 4.70 ดอลลาร์ หรือ 0.10 % ปิดที่ 3,325.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อย่างไรก็ตามในส่วนของตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกในวันพฤหัสบดี(10ก.ค.) นักลงทุนเมินความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการรีดภาษีล่าสุดของประธานาธิบดีทรัมป์ หลังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ผลประกอบการที่เป็นไปในแง่ดีจากสายการบินเดลตา แอร์ไลน์ส
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 192.34 จุด (0.43 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 44,650.64 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 17.20 จุด (0.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,280.46 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 19.33 จุด (0.09 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 20,630.66 จุด
หุ้นของเดลตาดีดตัวขึ้น หลังจากสายการบินแห่งนี้คาดการณ์มีกำไรไตรมาส 3 และตลอดทั้งปี เหนือกว่าที่วอลล์สตรีทประเมินไว้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวก่อแรงคึกคักไปทั่วกลุ่มอุตสาหกรรมการบิน โดยยูไนเต็ดแอร์ไลน์ส และ อเมริกันแอร์ไลน์ส ก็ดีดตัวขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้แล้ววอลล์สตรีทยังได้แรงหนุนจาก เอ็นวิเดีย บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ มีมูลค่าการตลาดแตะระดับ 4 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน
(ที่มา:รอยเตอร์)
