xs
xsm
sm
md
lg

รบ.ทรัมป์สั่งพนักงาน 1,300 คนของ VOA หยุดทำงาน สื่ออื่นที่รับเงินภาครัฐมะกันอย่าง ‘วิทยุเอเชียเสรี’ โดนด้วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สภาพของอาคารที่ทำการ วอยซ์ ออฟ อเมริกา (VOA) ในกรุงวอชิงตันเมื่อวันอาทิตย์ (16 มี.ค.) หนึ่งวันหลังจากลูกจ้างพนักงานกว่า 1,300 คนของสื่อภาครัฐของสหรัฐฯ ซึ่งกระจายเสียงและแพร่ภาพ ตลอดจนทำเว็บไซต์ข่าวเป็นภาษาต่างๆ เกือบ 50 ภาษาแห่งนี้ ถูกรัฐบาลสหรัฐฯสั่งพักงาน
ลูกจ้างพนักงานกว่า 1,300 คนของ “วอยซ์ ออฟ อเมริกา” หรือ “เสียงอเมริกา” ในชื่อภาษาไทย ซึ่งเป็นสื่อวิทยุกระจายและแพร่ภาพตลอดจนเว็บไซต์ข่าวที่ได้รับความสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกสั่งพักงานแล้วเมื่อวันเสาร์ (15 มี.ค.) นอกจากนั้นบริการข่าวในทำนองเดียวกันของทางการสหรัฐฯ อีก 2 แห่ง ก็ถูกตัดงบประมาณแล้วเช่นกัน หนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งให้หั่นลดหน่วยงานซึ่งเป็นต้นสังกัดของสื่อเหล่านี้ ด้วยเหตุผลว่าสร้างภาระแก่ผู้เสียภาษีอเมริกันและเน่าเฟะจนแก้ไขไม่ไหวแล้ว

ไมเคิล อับราโมวิตซ์ ผู้อำนวยการของวอยซ์ ออฟ อเมริกา (วีโอเอ) โพสต์บนแพลตฟอร์มลิงก์อินว่า นักข่าวนักหนังสือพิมพ์ โปรดิวเซอร์ และผู้ช่วย ที่มีอยู่ราว 1,300 คน เกือบทั้งหมดถูกสั่งพักงาน และแสดงความเสียใจสุดซึ้งว่า นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 83 ปีที่วีโอเอซึ่งให้บริการเป็นภาษาต่างๆ เกือบ 50 ภาษา และเขาเห็นว่ามีบทบาทสำคัญในการต่อสู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตยทั่วโลกได้ถูกปิดปาก

ขณะที่องค์การของสหรัฐเพื่อสื่อทั่วโลก (ยู.เอส. เอเจนซี ฟอร์ โกลบัล มีเดีย หรือ ยูเอสเอจีเอ็ม) ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของวีโอเอ ยังยุติการให้เงินสนับสนุนแก่เรดิโอ ฟรี ยุโรป/เรดิโอ ลิเบอร์ตี้ ที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไปยังพวกประเทศยุโรปตะวันออก รวมถึงรัสเซียและยูเครน และแก่เรดิโอ ฟรี เอเชีย ที่รู้จักกันในชื่อภาษาไทยว่า “วิทยุเอเชียเสรี” ซึ่งมุ่งเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไปยังประเทศแถบเอเชียที่มีนโยบายไม่ค่อยเป็นมิตรกับสหรัฐฯ ทั้งจีนและเกาหลีเหนือ ตลอดจน พม่า เวียดนาม ลาว และกัมพูชา เป็นต้น

คำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ฉบับนี้ ถูกฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยวิพากษ์วิจารณ์ว่า กำลังกลายเป็นการทำลายองค์การซึ่งทำหน้าที่เป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารที่น่าเชื่อถือและหาได้ยากในพวกประเทศเผด็จการ

วีโอเอนั้น ก่อตั้งขึ้นในปี 1942 เพื่อต่อต้านโฆษณาชวนเชื่อของนาซีเยอรมนี ปัจจุบันเข้าถึงประชาชนสัปดาห์ละ 360 ล้านคน ขณะที่ยูเอสเอจีเอ็มว่าจ้างพนักงานราว 3,500 คน โดยมีงบประมาณในปีที่ผ่านมา 886 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ จากรายงานล่าสุดที่ยื่นเสนอต่อรัฐสภาสหรัฐฯ

แครี เลค อดีตผู้ดำเนินรายการข่าว ซึ่งเป็นผู้ที่จงรักภักดีต่อทรัมป์ และได้รับการเสนอชื่อให้รับตำแหน่งผู้อำนวยการวีโอเอคนต่อไป ออกคำแถลงระบุว่า สิ่งเน่าเฟะขนาดยักษ์อย่างยูเอสเอจีเอ็ม เป็นภาระหนักของผู้จ่ายภาษีชาวอเมริกัน รวมทั้งกลายเป็นองค์กรที่ไม่สามารถกอบกู้ให้กลับดีขึ้นมาได้แล้ว

เลคที่เรียกตำแหน่งของตนเองว่าเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของยูเอสเอจีเอ็ม สำทับว่า จะลดขนาดหน่วยงานนี้ให้มีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่กฎหมายอนุญาต

ทางด้านเรดิโอ ฟรี ยุโรป/เรดิโอ ลิเบอร์ตี้ ตั้งข้อสังเกตบนเว็บไซต์ว่า ตนเองถูกรัฐบาลรัสเซียประกาศเป็นองค์กรที่ไม่พึงปรารถนา และเตือนผู้อ่านในรัสเซียและดินแดนบางส่วนของยูเครนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซียว่า อาจถูกปรับหรือจำคุกหากกดถูกใจหรือแชร์เนื้อหาขององค์กร

ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากทรัมป์ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันศุกร์ (14) ให้ยูเอสเอจีเอ็มและหน่วยงานอีก 6 แห่งที่ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ลดขนาดปฏิบัติการเหลือระดับต่ำที่สุดเท่าที่กฎหมายกำหนด และย้ำความจำเป็นในการลดขนาดหน่วยงานรัฐบาลทั้งหลาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของภาครัฐ

ทางด้าน ไมค์ บัลซาโม ประธานของสโมสรเนชันแนล เพรสส์ คลับ ที่เป็นองค์การด้านวิชาชีพของนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน ออกคำแถลงระบุว่า การปลดพนักงานวีโอเอบ่อนทำลายความมุ่งมั่นของอเมริกาในการเป็นดินแดนแห่งสื่อเสรี

เช่นเดียวกับกลุ่มนักข่าวไร้พรมแดน ซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงปารีส ก็ประณามความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของอเมริกาว่า คุกคามเสรีภาพสื่อทั่วโลกและล้มล้างประวัติศาสตร์ 80 ปีของอเมริกาในการสนับสนุนการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอย่างเสรี

เบย์ แฟง ประธาน เรดิโอ ฟรี เอเชีย กล่าวว่า การยกเลิกการให้ทุนสนับสนุนเป็นการให้รางวัลแก่เผด็จการและผู้กดขี่ ซึ่งรวมถึงพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ชอบใจที่สุดที่เห็นว่า อิทธิพลของตนไม่ถูกตรวจสอบ

ที่ผ่านมา มีนักการเมืองซึ่งเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกันจำนวนหนึ่ง กล่าวหาวีโอเอและสื่ออื่นๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯว่า มีอคติกับแนวทางอนุรักษนิยม และเรียกร้องให้ยุบหน่วยงานเหล่านี้ โดยถือเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามลดขนาดรัฐบาลของอีลอน มัสก์ และกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (โดช)

(ที่มา : รอยเตอร์/MGRonline)
กำลังโหลดความคิดเห็น