เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - แกนนำพรรครีพับลิกันโต้ทรัมป์ นโยบายจ้างงานหลากหลายเพศ-เชื้อชาติ DEI ไม่ใช่สาเหตุโกลาหลทางอากาศ ฮ.แบล็กฮอว์กชนเครื่องสายอเมริกันแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน 5342 ตกเสียชีวิตรวม 67 ศพ หลังทรัมป์บริหารไม่ถึงเดือนทำป่วนทั้งประเทศไล่ผู้นำองค์กรมือฉมังออกทั้งหมดรวม อดีต ผอ. FAA ประสบการณ์ 30 ปี ไมเคิล วิทาเกอร์ (Michael Whitaker) เกาเหลาเพื่อนรักทรัมป์ อีลอน มัสก์ โดนบีบต้องลาออกวันพิธีสาบานตนจนเกิดเหตุสลด ล่าสุด จรวด Starship ความฝันไปดาวอังคารของมัสก์เกิดระเบิดระหว่างบินทดสอบเดือนที่แล้วโดน FAA เชือดสั่งห้ามบิน
โพลิติโกของสหรัฐฯ รายงานวันศุกร์ (31 ม.ค.) ว่า ส.ส. แซม เกรฟส์ (Sam Graves) ประธานคณะกรรมาธิการคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานประจำสภาล่างสหรัฐฯ แถลงวันศุกร์ (31 ม.ค.) โต้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่า นโยบายการจ้างงานหลากหลายเพศ-เชื้อชาติ DEI ไม่ใช่ปัญหาต้นตอเหตุโศกนาฏกรรมเฮลิคอปเตอร์ทหารแบล็กฮอว์กชนสนั่นกลางอากาศที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. วันพุธ (29 ม.ค.) ส่งผลทำให้เกิดตกลงในแม่น้ำโปโตแมค (Potomac River) กลายเป็นฝันร้ายโศกนาฏกรรมทางอากาศสหรัฐฯ ในรอบเกือบ 24 ปี อ้างอิงจาก CNN ของสหรัฐฯ
“ผมไม่คิดว่ามันเกี่ยวข้องกับสิ่งใดในอุบัติเหตุครั้งนี้”
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่า “ผมมีความวิตกเกี่ยวกับนโยบายผลักดัน DEI ภายใน FAA และเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้สำหรับหน่วยงานภายในคมนาคมทั้งหมด แต่ผมมีความวิตกนั้นมาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาหลายปี”
ประธานคณะกรรมาธิการด้านคมนาคมประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยังแสดงความเห็นต่อว่า เขาไม่เชื่อว่าบันทึกความเข้าใจที่ออกโดยรัฐบาลประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์เมื่อไม่นานมานี้สั่งให้หยุดการว่าจ้างคนในหน่วยรัฐบาลบาลกลางสหรัฐฯ ชั่วคราวโดยมีข้อยกเว้นบางประการ (รวมถึงด้านความปลอดภัยสาธารณะ) นั้นจะมีผลบังคับใช้กับผู้ควบคุมการจราจรทางอากาศ
ซึ่งโพลิติโกชี้ว่า ผู้ช่วยของเกรพส์ออกมายืนยันว่า คำสั่งไม่ครอบคลุมไปถึงผู้ควบคุมการจราจรทางอากาศ
เกิดขึ้น 1 วัน เป็นการออกมาโต้ผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ที่แถลงวันพฤหัสบดี (30 ม.ค.) จากห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว ว่าการผลักดันเพื่อความหลากหลาย DEI ของรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน “เป็นต้นเหตุเกิดโศกนาฏกรรม ฮ.แบล็กฮอว์กชนเครื่องบินสายการบินอเมริกัน อีเกิล (American Eagle) เที่ยวบิน 5342 วันพุธ (29 ม.ค.)” โดยที่ไม่แสดงหลักฐานประกอบ CNN รายงาน
สายการบินอเมริกัน อีเกิล เป็นบริษัทในเครือสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ส AA
ทรัมป์ที่อ้างว่าการจ้างงานแบบหลากหลายเพศ-เชื้อชาติเป็นสาเหตุนั้นเขากล่าวต่อว่า โศกนาฏกรรมมาจาก “การไร้ประสิทธิภาพ” ที่เหมือนจะบอกไปกลายๆ ว่า การว่าจ้างชนกลุ่มน้อยทั้งแอฟริกันอเมริกัน ละตินอเมริกัน เอเชีย เพศหญิง และเพศที่ 3 นั้นเป็นพวกด้อยประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจดี.แวนซ์ ที่แต่งงานกับอเมริกันเชื้อสายอินเดียและมีภาพการแต่งงานแบบอินเดียปรากฏได้ออกมาแสดงการต่อต้านนโยบาย DEI เช่นกัน เขาได้อ้างโดยปราศจากหลักฐานว่า มีร่วมหลายร้อยคนได้ฟ้องร้องทางกฎหมายต่อรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นเพราะคนเหล่านี้ต้องการทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศแต่ถูกปฏิเสธเป็นเพราะสีผิวของตัวเอง
CNN อธิบายว่า DEI นั้นมาจากคำว่า Diversity Equity Inclusion หรือความแตกต่าง ความเท่าเทียม การอยู่ร่วมกัน ใช้มาหลายสิบปีตั้งแต่ยุค 60 เมื่อครั้ง สาธุคุณมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ นำแอฟริกันอเมริกันเรียกร้องเพื่อสิทธิทางพลเมืองเพื่อเท่ากับอเมริกันผิวขาวหลังจากที่ได้รับอิสรภาพหลังสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ เมื่อปี 1865
DEI สร้างมาเพื่อชุมชนชายขอบที่เปราะบางในอเมริกาที่มักไม่มีโอกาสเท่าเทียมสำหรับการจ้างงาน หรือการเข้าศึกษาต่อระดับสูงสถาบันชั้นนำที่ทั้งสองถือเป็นบันไดทางสังคมเพื่อยกระดับฐานะของตัวเอง หรือความรู้สึกของการเข้าอยู่ในโลกการทำงานบริษัทที่มีอเมริกันผิวขาวเป็นส่วนใหญ่
ชุมชนที่ว่ามีทั้งเชื้อชาติชนกลุ่มน้อยผิวดำ ละตินอเมริกัน เอเชีย และรวมไปถึงเพศทั้งหญิงและเพศที่ 3
ซึ่งนับตั้งแต่ทรัมป์ขึ้นมาเขามีนโยบายกีดกันสีผิวและเพศ ที่นอกจาก DEI แล้วยังยกเลิกสิทธิพลเมืองเกิดในดินแดนอเมริกาได้สัญชาติซึ่งได้รับการปกป้องตามกฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ เพื่อลูกทาสที่ไม่มีใบเกิดจะได้รับการรับรองเป็นพลเมืองสหรัฐฯ
เขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่ถึงเดือนแต่ทำให้ทั่วโลกป่วนตั้งแต่ขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ประเทศต่างๆ ข่มขู่จะยึดเกาะกรีนแลนด์ แคนาดา และคลองปานามา ภายในประเทศยังสั่งปลดเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ออกตั้งแต่ผู้ตรวจหน่วยงานอิสระ CNN รายงานว่า ในสำนักงาน FBI มีระดับหัวหน้าไม่ต่ำกว่า 6 คนได้รับคำสั่งให้เกษียณอายุ ลาออก หรือไล่ออก
เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันพฤหัสบดี (30 ม.ค.) ว่า ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ FAA (Federal Aviation Administration) ประสบการณ์ 30 ปี ไมเคิล วิทาเกอร์ (Michael Whitaker) โดนบีบต้องลาออกจากตำแหน่งในวันจันทร์ (20 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันพิธีสาบานตนของทรัมป์ หลังเขารับตำแหน่งเพิ่งได้ไม่นานที่มีสมัยดำรงตำแหน่ง 5 ปี
สื่ออังกฤษชี้ว่าเกิดขึ้นหลังเพื่อนมหาเศรษฐีทรัมป์ เจ้าของบริษัทสเปซเอ็กซ์ “อีลอน มัสก์” บีบ ส่งผลทำให้ FAA ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. มาจนถึงปัจจุบันยังไม่มีหัวหน้าควบคุมเป็นทางการ มีเพียง คริส รอเชโล (Chris Rocheleau) ขึ้นเป็นผู้อำนวยการรักษาการ
สื่ออังกฤษชี้ว่า โศกนาฏกรรม ฮ.กองทัพชนกับเครื่องบินพาณิชย์ที่ ดี.ซี.ส่งผลทำให้ในวันพฤหัสบดี (30) ปัญหาเกาหลาระหว่างอดีต ผอ. FAA และเพื่อนมหาเศรษฐีของทรัมป์กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง
ความโกรธของมัสก์เพิ่มขึ้นจากผลประโยชน์ทางการค้ารวมถึงการแข่งระหว่างโบอิ้งเพื่อให้ได้สัญญาว่าจ้างจากรัฐบาลสหรัฐฯ
และในปี 2022 FAA สั่งปรับบริษัทอินเทอร์เน็ตดาวเทียม สตาร์ลิงค์ของมัสก์เพราะละเมิดมาตรการความปลอดภัย
มัสก์เคยออกมาแสดงความเห็นว่า FAA จำเป็นต้องได้รับการปฏิรูปตั้งแต่ฐานรากใหม่หมด พร้อมบ่นว่า FAA รังควานสเปซเอ็กซ์ เดอะการ์เดียนรายงาน
และเมื่อกันยายนปีที่แล้ว วิทาเกอร์ได้เสนอปรับบริษัทสเปซเอ็กซ์กว่า 600,000 ดอลลาร์ต่อการละเมิดใบอนุญาตรัฐบาลในการปล่อยจรวด 2 ครั้ง
อีลอน มัสก์ รวย 400 พันล้านดอลลาร์และใช้เงินช่วยให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้งสหรัฐฯ เคยออกมาพูดว่า “วิทาเกอร์ต้องลาออก”
บีบีซีของอังกฤษได้รายงานเมื่อวันที่ 18 ม.ค.ล่าสุดว่า จรวด Starship ของสเปซเอ็กซ์ซึ่งถือเป็นจรวดที่ใหญ่ที่สุด มีพลังอานุภาพมากที่สุดตั้งแต่เคยสร้างและเป็นความฝันของอีลอน มัสก์ไปยังดาวอังคาร
แต่เกิดระเบิดระหว่างการปล่อยทดสอบเหนือทะเลแคริบเบียน ส่งผลทำให้ FAA ออกคำสั่งห้ามจรวด Starship ขึ้นบิน
พร้อมยืนยันต่อว่า ชิ้นส่วนจากการระเบิดของจรวดกระทบต่อเครื่องบินพาณิชย์นอกโซนทำให้ล่าช้า และชิ้นส่วนจรวดตกลงสู่เกาะด้านล่าง มีรายงานทรัพย์สินเสียหายแต่ไม่มีรายงานการได้รับบาดเจ็บ