เอพี/เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี วันอังคาร (9 ก.ค.) สวมกอดประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ในกรุงมอสโกเรียกผู้นำรัสเซีย “เพื่อนที่รักมากที่สุดของผม” ท่ามกลางวิกฤตยูเครนโลกประณามโรงพยาบาลเด็กยูเครนโดนโจมตีดับไม่ต่ำกว่า 42 คนทั่วประเทศ ผู้นำแดนภารตะพยายามถ่วงดุลเอาใจสหรัฐฯ บอกปูติน “สังหารเด็กๆ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถทนได้”
เอพีรายงานวันนี้ (10 ก.ค.) ว่า ในวันอังคาร (9) นิวเดลีและมอสโกกำลังกระชับความสัมพันธ์ให้หยั่งรากลึกมากขึ้นเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่สหรัฐฯ และชาติสมาชิกนาโตกำลังรวมตัวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.เพื่อหารือในขณะที่รัสเซียยิงมิสไซล์โจมตีโรงพยาบาลเด็กโอคห์มัตดิต (Okhmatdyt children’s hospital) ซึ่งถือเป็นโรงพยาบาลเด็กที่ใหญ่ที่สุดในยูเครน
ในวันจันทร์ (8) ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้ต้อนรับนายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี ที่บ้านพักของเขาใกล้กรุงมอสโก และผู้นำทั้งสองได้จับมือและสวมกอดอย่างยินดี
ไม่มีสิ่งใดที่น่าต้อนรับอย่างอบอุ่นหลังการโจมตีในกรุงเคียฟ ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แถลงบนแพลตฟอร์ม X ระบุว่า “มันเป็นสิ่งที่น่าผิดหวังมากและถือเป็นการซัลโวต่อความพยายามสันติภาพที่ได้เห็นผู้นำประเทศประชาธิปไตยใหญ่ที่สุดของโลกกำลังสวมกอดอาชญากรเลวร้ายมากที่สุดของโลกในกรุงมอสโกในวันเช่นนั่น”
ทั้งนี้ โมดีกำลังถูกจับจ้องอย่างแหลมคมโดยพันธมิตรโลกตะวันตกของเขาโดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ในเวลานี้ “อินเดีย” กำลังถูกมองว่าเป็นทางเลือกใหม่ของบริษัทข้ามชาติในการลงทุนหลังย้ายฐานออกไปจากจีนระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนกำลังตึงเครียด ส่งผลทำให้นายกรัฐมนตรีอินเดียยิ่งต้องถ่วงดุลในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย
เป็นการเดินทางเยือนกรุงมอสโกครั้งแรกนับตั้งแต่ยูเครนโดนรัสเซียรุกราน และยังเป็นการเดินทางต่างประเทศครั้งแรกของเขานับตั้งแต่สาบานตนรับตำแหน่งในสมัยที่ 3 เมื่อเดือนที่ผ่านมา
เอพีชี้ว่า ผู้นำอินเดียในวันอังคาร (9) ได้หยิบยการโจมตีโรงพยาบาลเด็กยูเครนขึ้นหารือร่วมกับประธานาธิบดีปูติน ซึ่งการหารือระดับทวิภาคีใช้ระยะเวลา 4 ชม.
“เมื่อเหล่าเด็กทั้งหลายโดยสังหาร เมื่อพวกเราได้เห็นเด็กผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ดังนั้นแล้วหัวใจรู้สึกเจ็บปวด และเป็นความเจ็บปวดที่รุนแรงมาก”
นายกรัฐมนตรีโมดีกล่าวต่อว่า ทั้งตัวเขาและปูตินได้แลกเปลี่ยนทัศนคติระหว่างกันด้วยหัวใจที่เปิดกว้างและต่อรายละเอียด
ผู้นำอินเดียชี้ว่า “ทางออกไม่ได้อยู่ในสนามรบ ซึ่งระหว่างลูกระเบิด ปืนและกระสุน ทางออกและการเจรจาสันติภาพไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้ และพวกเราต้องใช้เส้นทางสันติภาพผ่านการเจรจาเท่านั้น”
บีบีซีของอังกฤษรายงานว่า ถึงแม้นิวเดลีจะหันมาจัดซื้ออาวุธจากชาติตะวันตกทั้ง สหรัฐฯ ฝรั่งเศส และอิสราเอลมากขึ้นในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา แต่ทว่าอินเดียยังคงพึ่งพาอาวุธยุทโธปกรณ์มหาศาลจากรัสเซียและวิตกว่า สงครามยูเครนอาจส่งกระทบต่อการส่งออกอาวุธของตัวเอง
เจ้าหน้าที่ในกรุงนิวเดลีพยายามที่จะไม่ให้ความสำคัญต่อคำถามช่วงเวลาการเยือนกรุงมอสโกของโมดี และการประชุมนาโตใหญ่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยปัดว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน
แต่ทว่าการออกมาแสดงท่าทีของนิวเดลีนี้ต้องพบกับการจับจ้องอย่างไม่พอใจจากวอชิงตัน โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ แมทธิว มิลเลอร์ (Matthew Miller) เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดร ย้ำต่อความถูกต้องทางดินแดนของยูเครนในระหว่างการหารือของเขาที่กรุงมอสโก
บีบีซีรายงานว่า ฝ่ายอินเดียอ้างว่า นิวเดลีตระหนักดีถึงความจำเป็นจากทั้งสหรัฐฯ และรัสเซียเพื่อต่อต้าน “จีน” ซึ่งเป็นศัตรูของตัวเอง ดังนั้นแล้วอินเดียจึงจำเป็นต้องอยู่ระหว่างความสมดุลไม่ให้ฝ่ายใดเกิดความขุ่นเคือง
เอพีชี้ว่า ในการแสดงวามเห็นทางโทรทัศน์ ปูตินกล่าวว่า “ทุกปัญหาได้มีการหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีโมดี”
ในระหว่างการเยือนกรุงมอสโกรอบนี้ผู้นำอินเดียได้กล่าวถึงประเด็นพลเรือนอินเดียที่ถูกล่อลวงเพื่อส่งเข้าไปรบในยูเครนภายใต้สังกัดกองทัพรัสเซีย โมดีร้องขอให้คนเหล่านั้นถูกปลดประจำการเร็วกว่ากำหนด
เดอะฮินดูสื่ออินเดียรายงานวานนี้ (9) ว่า มอสโกได้ประกาศเยียวยาให้พลเมืองอินเดียที่สู้รบและเสียชีวิตในยูเครนด้วยการมอบเงินและให้สัญชาติรัสเซียแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต
ทั้งนี้ สื่ออินเดียเคยรายงานเมื่อวันที่ 20 ก.พ.ก่อนหน้าว่า มีพลเมืองอินเดียเดินทางเข้ารัสเซียด้วยวีซ่าท่องเที่ยวได้รับข้อเสนองานด้านรักษาความปลอดภัยแต่กลับถูกส่งไปรบในยูเครนแทน
ทั้งนี้ มานกูคิยา (Mangukiya) เดินทางไปรัสเซียเพื่อรับศพลูกชายเมื่อมีนาคม และเขาได้รับแจ้งว่าครอบครัวสามารถรับเงินเยียวยาว ₹1.3 crore หรือราว 357,240 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับมอบสัญชาติรัสเซีย และเงินเบี้ยเลี้ยงประจำเดือนอีกราว 18,000 รูปี หรือ 215 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับผู้เยาว์จนกว่าจะอายุครบ 18 ปี เดอะฮินดูรายงาน