ราคาน้ำมันขยับขึ้นกว่า 1% ในวันอังคาร (18 มิ.ย.) สืบเนื่องจากสถานการณ์ที่ลุกลามในยุโรปและตะวันออกกลาง ที่เสี่ยงคุกคามอุปทานโลก ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกได้แรงหนุนจากเอ็นวิเดีย ขณะที่ทองคำก็ปรับขึ้นเช่นกัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 1.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 81.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 1.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 85.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดน้ำมันดีดตัวขึ้น หลังจากโดรนลำหนึ่งของยูเครนก่อให้เกิดไฟลุกไหมที่ถังเชื้อเพลิงแห่งหนึ่ง ณ สถานีน้ำมันในเมืองอาซอฟ ทางใต้ของรัสเซีย เมืองท่าแห่งนี้มีสถานีผลิตน้ำมันอยู่ 2 แห่ง ซึ่งบริหารจัดการเชื้อเพลิงรวมราว 220,000 ตัน สำหรับการส่งออกระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม
ขณะเดียวกัน อิสราเอล คาทซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล เตือนว่าการตัดสินใจเปิดสงครามเต็มรูปแบบกับฮิซบอลเลาะห์อาจเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ แม้สหรัฐฯ พยายามหาทางหลีกเลี่ยงสงครามระหว่างอิสราเอลกับขบวนการเคลื่อนไหวฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันอังคาร (18 มิ.ย.) โดยเอสแอนด์พี500 แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ ในวันเดียวกันที่ เอ็นวิเดีย แซงหน้าไมโครซอฟท์ กลายเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดในโลก
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 56.76 จุด (0.15 ปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 38,834.86 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 13.80 จุด (0.25 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,487.03 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 5.21 จุด (0.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,862.23 จุด
เอ็นวิเดีย บริษัทผู้ผลิตชิป ทะยานขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 18 เดือนหลังสุด ท่ามกลางความกระตือรือร้นต่อปัญญาประดิษฐ์ และด้วยที่ปิดบวก 3.5% ในวันอังคาร (18 มิ.ย.) ทำให้ เอ็นวิเดีย มีมูลค่าตามราคาตลาดราว 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ แซงหน้าไมโครซอฟท์ และแอปเปิลขึ้นไปเล็กน้อย
ท่ามกลางความคึกคักของเอ็นวิเดีย พบเห็นบริษัทผู้ผลิตชิปรายอื่นๆ ดีดตัวขึ้นเช่นกันในวันอังคาร (18 มิ.ย.) ในนั้นรวมถึงควอลคอมม์และไมครอน ซึ่งปิดบวก 2.2% และ 3.8% ตามลำดับ
ส่วนราคาทองคำปิดบวกพอสมควรในวันอังคาร (18 มิ.ย.) หลังตัวเลขค้าปลีกที่อ่อนแอเกินคาดหมายของสหรัฐฯ เพิ่มความหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 17.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,346.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)