น้ำมันขึ้นพบอุปสงค์สหรัฐฯ แข็งแกร่ง หุ้นมะกันปิดแคบ-ทองคำขยับลง

ราคาน้ำมันขยับขึ้นต่อเนื่องในวันพฤหัสบดี (16 พ.ค.) จากสัญญาณอุปสงค์แข็งแกร่งในอเมริกา ส่วนวอลล์สตรีทแกว่งตัวลง นักลงทุนพินิจพิเคราะห์ความเป็นไปได้ของการปรับลดดอกเบี้ย ขณะที่ทองคำปิดลบเช่นกัน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ ปิดที่ 79.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ ปิดที่ 83.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนเมษายน กระตุ้นให้ตลาดการเงินคาดหมายว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ซึ่งความเคลื่อนไหวปรับลดดอกเบี้ยจะกัดเซาะการแข็งค่าของดอลลาร์ และทำให้น้ำมันมีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่นๆ

ตลาดน้ำมันยังอยู่ภายใต้แรงกดดันของข้อมูลคลังปิโตรเลียมสำรองของสหรัฐฯ หลังพบสต๊อกน้ำมันดิบ เบนซินและน้ำมั่นกลั่นต่างลดลงทั้งหมด สะท้อนถึงกิจกรรมการกลั่นและอุปสงค์เชื้อเพิ่งที่สูงขึ้น

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวเหนือ 40,000 จุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ระหว่างการซื้อขายในวันพฤหัสบดี (16 พ.ค.) ก่อนปิดลบในกรอบแคบๆ นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นต่อการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด จากตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัว เช่นเดียวกับรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของหลายบริษัท

ดาวโจนส์ ลดลง 38.62 จุด (0.10 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 39,869.38 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 11.05 จุด (0.21 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,297.10 จุด แนสแดค ลดลง 11.05 จุด (0.21 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,698.32 จุด

พวกนักลงทุนประเมินว่ามีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.50% ในปีนี้ และคาดการณ์ว่ามีโอกาส 70% ที่จะเคลื่อนไหวปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนกันยายน จากข้อมูล FedWatch Tool ของ CME

ดัชนีทั้ง 3 ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพุธ (15 พ.ค.) หลังข้อมูลเผยให้เห็นว่าราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนเมษายน บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อกลับสู่แนวโน้มในทางลบ

ข้อมูลในวันพฤหัสบดี (16 พ.ค.) ยังเผยให้เห็นว่าจำนวนชาวอเมริกาเข้ารับสวัสดิการคนว่างงานรายสัปดาห์ลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว ในขณะที่การเติบโตของการจ้างงานซบเซา

ส่วนราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (16 พ.ค.) ขยับลง ท่ามกลางการฟื้นตัวของดอลลาร์ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนลดลง 9.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,385.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์

(ที่มา : รอยเตอร์)