นักวิทยาศาสตร์จีนผู้เปิดเผยลำดับพันธุกรรมของไวรัสโควิด-19 ให้โลกรู้เป็นคนแรกเมื่อเดือน ม.ค. ปี 2020 โดยไม่ได้ขออนุญาตจากรัฐบาลจีนก่อน ถูกห้ามไม่ให้เข้าทำงานที่ห้องแล็บในจีนเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
จาง หย่งเจิน (Zhang Yongzhen 张永珍) ได้โพสต์ข้อความในสื่อสังคมออนไลน์จีนเมื่อวันจันทร์ (29 ม.ค.) ว่า เขาและลูกทีมถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปในห้องปฏิบัติการ ในความเคลื่อนไหวที่สะท้อนว่าจีนกำลังเพ่งเล็งการทำงานของนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องโคโรนาไวรัสมากขึ้น
รายงานของสำนักข่าว AP ระบุว่า ในขณะที่ จาง พยายามเข้าไปที่ห้องแล็บเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ เขาถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขัดขวาง โดยอ้างว่าห้องแล็บถูกปิด “ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย”
จาง ตัดสินใจประท้วงด้วยการนั่งตากฝนอยู่ด้านนอกอาคาร
“ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น และผมก็ไม่ลาออกด้วย ผมเพียงแต่ศึกษาวิทยาศาสตร์และพูดความจริงเท่านั้น!” เขาเขียนข้อความลงบน weibo
ข่าวการประท้วงของ จาง แพร่ไปในสื่อโซเชียลจีนอย่างรวดเร็ว จนทำให้ศูนย์สาธารณสุขเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Public Health Clinical Center) ต้องออกคำแถลงชี้แจง โดยทางศูนย์อ้างว่าห้องแล็บของ จาง “กำลังปิดปรับปรุง” และได้มีการจัดสถานที่ทำงานใหม่ให้ จาง และลูกทีมแล้ว
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ผู้นี้ได้ออกมาแย้ง โดยยืนยันว่าทางการไม่ได้หาห้องปฏิบัติการใหม่ให้เขาและลูกทีมแต่อย่างใด
จาง เริ่มสร้างปัญหาให้รัฐบาล สี จิ้นผิง ตั้งแต่ช่วงปี 2020 หลังจากที่เขาและลูกทีมทำการถอดรหัสพันธุกรรมของไวรัสโควิด-19 และออกมาเตือนให้ทางการจีนรับทราบว่าไวรัสชนิดนี้อาจติดต่อแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว
เพียง 1 วันให้หลัง ห้องปฏิบัติการของ จาง ก็เผชิญบทลงโทษจากทางการ และตัว จาง ก็ถูกกดดันเรื่อยมาตั้งแต่นั้น
นักวิทยาศาสตร์ต่างชาติหลายคนนำผลการศึกษาของ จาง ไปอ้างอิง และเรียกร้องให้รัฐบาลจีนเร่งออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส
เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ปี 2020 จาง ได้ลำดับพันธุกรรมของไวรัสโควิด-19 มาเผยแพร่ให้สาธารณชนรับรู้ โดยไม่รอการอนุมัติจากรัฐบาลจีนก่อน
ลำดับพันธุกรรมของไวรัสถือเป็นข้อมูลสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาชุดตรวจ การกำหนดมาตรการควบคุมโรค และการผลิตวัคซีน
การเสนอข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาของ จาง ทำให้ตัวเขาเองต้องได้รับความเดือดร้อนไม่น้อยตลอดหลายปีมานี้ โดยไม่เพียงถูกไล่ออกจากตำแหน่งงานในศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน (CDC) เท่านั้น แต่ยังถูกห้ามไม่ให้ทำงานร่วมกับบุคลากรหรือองค์กรที่เคยเป็นหุ้นส่วน ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการทำงานวิจัยของเขา
ที่มา : Wion
