บีวายดี ผู้ผลิตรถไฟฟ้ายักษ์ใหญ่สัญชาติจีนพบเห็นกำไรลดลงอย่างมากในช่วงไตรมาสแรก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากอุปสงค์รถอีวีที่ชะลอตัวลง และสงครามราคาในตลาดรถยนต์ใหญ่ที่สุดของโลก
ทางบริษัทเปิดเผยว่าพวกเขามีกำไร 630 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้านี้มากกว่า 47%
ทั้งนี้ บีวายดี แข่งขันกับ เทสลา ของอีลอน มัสก์ ในการแย่งชิงกันเป็นผู้จำหน่ายรถอีวีรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยที่ผู้ผลิตสัญชาติสหรัฐฯ กลับมาทวงบัลลังก์ดังกล่าวได้อีกรอบในเดือนนี้ หลังจากสูญเสียตำแหน่งไปให้แก่คู่แข่งสัญชาติจีนในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา
ผู้ผลิตสัญชาติจีนแห่งนี้เปิดเผยว่าพวกเขาขายรถไฟฟ้าล้วนได้เพียง 300,000 คันในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ ลดลงจากระดับ 526,000 คัน ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2023
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการทางการเงินล่าสุดของบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเซินเจิ้นแห่งนี้ บ่งชี้ว่าบางทีพวกเขาอาจกำลังทำได้ดีกว่าเทสลา คู่แข่งสัญชาติสหรัฐฯ ที่รายงานมีรายได้รายไตรมาสลดลงเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่โควิด-19 ก่อความปั่นป่วนด้านการผลิตและยอดขายในปี 2020
บีวายดี และบรรดาคู่แข่งทั้งหลายกำลังอีรุงตุงนังอยู่ในสงครามราคาในจีน ตลาดรถยนต์ใหญ่ที่สุดของโลก โดยพวกเขากำลังแข่งขันแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจเติบโตชะลอตัว
ทางบริษัทได้ปรับลดราคารถไฟฟ้ารุ่นล่าสุดบางส่วนไปแล้วหลายรอบ ในความพยายามดึงดูดลูกค้าที่มีความระมัดระวังการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น ยามที่ต้องการซื้อสินค้าขนาดใหญ่อย่างเช่นรถยนต์
นอกเหนือจากการทำสงครามราคาแล้ว เพื่อรับมือกับอุปสงค์ที่อ่อนแอลงในจีน ทางบีวายดียังกำลังมองหาขยายฐานไปสู่ตลาดใหม่ๆด้วย
ผู้ผลิตรถอีวีแห่งนี้ส่งออกรถยนต์กว่า 240,000 คันในปี 2023 และพวกเขาตั้งเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนการส่งออกขึ้นอีกมากในปีนี้
อย่างไรก็ตาม แผนเดินหน้ารุกเข้าสู่ตลาดในต่างแดนของพวกเขาต้องเผชิญกับกระแสตีกลับในสหรัฐฯ แลยุโรป ดินแดนที่รัฐบาลทั้งหลายกำลังหาทางปกป้องบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศ
นอกเหนือจากความพยายามเพิ่มการส่งออกแล้ว บีวายดียังพยายามเพิ่มความหลากหลายในผลิตภัณฑ์ของบริษัท โดยล่าสุดเพิ่งเปิดตัวรถไฟฟ้าหรูไปหมาดๆ
(ที่มา : บีบีซี)