เจ้าหน้าที่อาวุโสรัสเซียเรียงหน้าออกมาตั้งข้อกังขาวอชิงตัน โฆษกเครมลินระบุ การที่อเมริกายืนกรานยูเครนไม่เกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีคอนเสิร์ตในมอสโก ทั้งที่รัสเซียยังสอบสวนไม่เสร็จ เป็นเรื่องออกจะแปลกพิกลและบ่งชี้ว่าวอชิงตันกำลังพยายามเบี่ยงเบนความสนใจไปจากบางอย่าง ขณะที่โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซียสำทับ ยากจะเชื่อกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) มีศักยภาพโจมตีขนาดนี้
เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดเหตุโจมตีคอนเสิร์ตฮอลล์ ที่ โครคัส ซิตี้ฮอลล์ ชานกรุงมอสโกเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (22 มี.ค.) ซึ่งตัวเลขอัปเดตล่าสุดระบุมีผู้เสียชีวิตไป 143 คน ทั้งอเมริกาและสหภาพยุโรป ออกมายืนยันว่า ยูเครนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ แต่เป็นกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส หรือเรียกกันด้วยอักษรย่อของชื่อเดิมว่า ไอซิส) ที่ลงมือทำเพียงลำพัง
เมื่อวันพุธ (27 มี.ค.) ดมิตรี เปสคอฟ โฆษกของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กล่าววิจารณ์ระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่น “อิซเวสติยา” ว่า ออกจะประหลาดที่อเมริกากล้าป่าวประกาศมุมมองของตัวเองฝ่ายเดียว ซึ่งบ่งชี้ว่า อย่างน้อยที่สุดอเมริกากำลังพยายามเบี่ยงเบนความสนใจไปจากบางสิ่งบางอย่าง
โฆษกทำเนียบเครมลินผู้นี้ยังตั้งข้อสังเกตว่า ข้อกล่าวอ้างเหล่านี้เกิดขึ้นก่อนที่มอสโกจะแถลงอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวเสียอีก
ทั้งนี้ หน่วยงานความมั่นคงของรัสเซีย (เอฟเอสบี) ระบุในวันเสาร์ (23) ว่า สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุ 4 คนที่เป็นชายชาวทาจิกิสถาน ได้เมื่อเช้าวันเดียวกัน ระหว่างพยายามหนีเข้ายูเครน
นอกจากเปสคอฟแล้ว วันเดียวกันนั้น มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ก็แถลงย้ำว่าวอชิงตันมีจุดยืนประหลาดๆ ในการยืนกรานว่าไอเอสเป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งเธอบอกว่า ยากที่จะเชื่อได้ว่า กลุ่มก่อการร้ายดังกล่าวมีศักยภาพในการโจมตีในรัสเซียถึงระดับนี้
ทั้งนี้ กลุ่มไอเอสอ้างความรับผิดชอบในการสังหารหมู่ในมอสโก และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อ้างว่า ได้รับข้อมูลข่าวกรองว่า กลุ่มรัฐอิสลาม โคราซาน ซึ่งเป็นเครือข่ายของไอเอสในอัฟกานิสถาน เป็นผู้ลงมือ
ซาคาโรวายังบอกว่า อเมริกามีความเอนเอียงอย่างชัดเจนและพยายามปกป้องยูเครน และสำทับว่า ถ้าเคียฟบริสุทธิ์จริง อเมริกาน่าจะเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างเต็มรูปแบบ แต่กลับกลายเป็นว่า ทั้งทำเนียบขาวและกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แค่ประกาศกำปั้นทุบดินว่า ยูเครนไม่เกี่ยวข้องกับการโจมตีในมอสโก
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียบอกว่า ต้องการรู้ว่าคำประกาศของอเมริกาอิงกับข้อมูลใด และสรุปว่าสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคืออเมริการีบหาข้ออ้างให้เคียฟและตัวเอง เพราะทุกคนเข้าใจดีว่าไม่มียูเครนที่เป็นอิสระโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินและการทหาร
เมื่อวันจันทร์ (25) ที่ผ่านมา ปูติน ได้ออกมาแถลงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ โดยแม้เขายอมรับว่า หน่วยงานข่าวกรองแดนหมีขาวประเมินว่าผู้ต้องหาเหล่านั้นเป็นกลุ่มอิสลามิสต์หัวรุนแรง แต่ก็บอกว่ายังมีคำถามมากมายที่ยังไม่มีคำตอบ และตั้งข้อสังเกตว่า การโจมตีดังกล่าวซึ่งเขาเรียกว่าเป็นการก่อการร้ายในมอสโกนั้น เป็นประโยชน์กับยูเครน รวมทั้งสอดคล้องกับรูปแบบที่เหล่าผู้สนับสนุนยูเครนใช้ในการโจมตีรัสเซีย
ทั้งนี้ที่ผ่านมา สื่อรัสเซียเสนอข่าวจากรายงานของสื่ออเมริกัน ซึ่งอ้างอิงข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯว่า หน่วยงานสายลับของยูเครนที่ได้รับการฝึกจากสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารพลเรือนรัสเซียซึ่งทำตัวเป็นปรปักษ์กับยูเครนมาแล้วหลายครั้ง แม้เคียฟออกมาปฏิเสธเรื่องนี้อย่างเป็นทางการก็ตาม
ระหว่างออกมาพูดเมื่อวันจันทร์ (25) ปูตินกล่าวหาด้วยว่า เคียฟมีการเตรียมการเพื่อเปิดช่องทางให้คนร้ายทั้ง 4 หลบหนีข้ามแดนไปยังยูเครน แต่พวกเขาถูกรัสเซียจับเสียก่อน
วันเดียวกันนั้น ผู้อำนวยการเอฟเอสบีของรัสเซียบอกว่า ยูเครน รวมทั้งอเมริกาและอังกฤษ น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการโจมตีในมอสโก
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันอังคาร (26 มี.ค.) ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโกของเบลารุส ซึ่งเป็นพันธมิตรสนิทของปูติน กลับพูดไปในอีกทางหนึ่ง โดยกล่าวว่า แรกทีเดียวกลุ่มมือปืนพยายามข้ามแดนเข้าไปในเบลารุส แต่เปลี่ยนเปลี่ยนแผนหนีเข้ายูเครนแทนหลังพบว่า จุดผ่านแดนเข้าเบลารุสปิด
นอกจากนั้น เดวิด คาเมรอน รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ก็ตอบโต้ผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า ข้อกล่าวอ้างของรัสเซียเหลวไหล
(ที่มา: อาร์ที, เอเอฟพี, รอยเตอร์)