แกนนำสภาสหรัฐฯหวั่นมะกันเจอภัยคุกคามใหม่ร้ายแรงยิ่ง ข่าวกรองชี้รัสเซียพัฒนา‘อาวุธโจมตีดาวเทียมในอวกาศ’

สหรัฐฯกำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลข่าวกรองทรงความสำคัญอย่างยิ่งเกี่ยวกับอาวุธต่อต้านดาวเทียมของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามใหม่ที่ร้ายแรงต่อความมั่นคงแห่งชาติ โดยที่มีการแจ้งข่าวกรองเหล่านี้ให้พวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลทราบในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ ทั้งนี้บุคคล 4 คนที่ได้รับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับเรื่องนี้บอกกับสำนักข่าวเอพี อย่างไรก็ดี มีการยืนยันกันว่าขณะนี้มอสโกยังไม่ได้ไปถึงขั้นติดตั้งหรือใช้อาวุธดังกล่าว

เรื่องข่าวกรองดังกล่าวกลายเป็นที่รับรู้ของสาธารณชน เมื่อ ไมค์ เทอร์เนอร์ ส.ส.พรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญข่าวกรองแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ออกมากล่าวเตือนอย่างคลุมเครือในวันพุธ (14 ก.พ.) และเรียกร้องให้คณะบริหารของไบเดนยกเลิกชั้นความลับของข้อมูลดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนทราบถึงสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงแห่งชาติที่ร้ายแรง

เทอร์เนอร์ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับภัยคุกคามนี้ ขณะที่คณะบริหารของไบเดนปฏิเสธที่จะกล่าวถึงเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ทว่า สมาชิกสภาชั้นนำหลายคนซึ่งรวมถึงไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฏร ตั้งข้อสังเกตว่า ไม่ควรตื่นตูมเกินไป

ผู้ช่วยในรัฐสภาผู้หนึ่งเผยว่า เขาเข้าใจว่าภัยคุกคามดังกล่าวคือเรื่องที่รัสเซียติดตั้งระบบอาวุธต่อต้านดาวเทียมในอวกาศ ซึ่งอาจเป็นอันตรายใหญ่หลวงต่อพวกดาวเทียมของอเมริกา ซึ่งเวลานี้ดำเนินการรับส่งข้อมูลกันชั่วโมงละหลายพันล้านไบต์ อย่างไรก็ดี ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า อาวุธดังกล่าวของรัสเซียมีสมรรถนะทางด้านนิวเคลียร์หรือไม่ ทว่าหวั่นกลัวกันว่ามันจะมี

ในกรุงมอสโก ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน พูดถึงข้ออ้างเรื่องรัสเซียมีสมรรถนะทางทหารแบบใหม่นี้ว่า เป็นกลอุบายอย่างหนึ่งซึ่งมุ่งหมายจะทำให้รัฐสภาอเมริกันยินยอมอนุมัติงบช่วยหลือยูเครน

“เห็นได้ชัดว่าวอชิงตันกำลังพยายามบังคับให้รัฐสภายอมโหวตร่างกฎหมายความช่วยเหลือฉบับนี้โดยใช้วิธีการทุกอย่างที่สามารถทำได้” เปสคอฟ กล่าวแสดงความเห็นซึ่งสำนักข่าวต่างๆ ของรัสเซียพากันรายงาน “ขอให้ติดตามกันต่อไปว่าทำเนียบขาวจะใช้กลอุบายอะไรอีก”

ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯหลายคนที่รับรู้ข่าวกรองนี้ระบุว่า ตอนนี้ทางรัสเซียยังไม่มีการติดตั้งหรือใช้งานระบบดังกล่าว คนหนึ่งกล่าวด้วยว่าพวกเจ้าหน้าที่ด้านข่าวกรองพิจารณาว่าภัยคุกคามนี้ถือว่ามีความสำคัญ แต่ไม่ควรจะมาตื่นตระหนกกัน

เทอร์เนอร์ และจิม ไฮเมส ส.ส.เดโมแครต ที่เป็นสมาชิกสำคัญในคณะกรรมาธิการข่าวกรอง ออกคำแถลงเรียกร้องให้คณะบริหารยกเลิกชั้นความลับของข้อมูลนี้ เพื่อให้อเมริกาและพันธมิตรสามารถหารือเกี่ยวกับวิธีการรับมือได้อย่างเปิดกว้าง และสำทับว่า คณะกรรมาธิการลงมติให้เผยแพร่ข้อมูลนี้ในช่องทางที่พวกสมาชิกรัฐสภาสามารถเข้าดูได้อย่างปลอดภัย จนกระทั่งถึงวันศุกร์ (16)

ตัวเทอร์เนอร์ยังส่งอีเมลถึงสมาชิกรัฐสภาเพื่อแจ้งว่า คณะกรรมาธิการของเขามองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนซึ่งเกี่ยวข้องกับการบ่อนทำลายแสนยานุภาพทางทหารของต่างชาติซึ่งผู้วางนโยบายทั้งหมดในรัฐสภาควรต้องได้รับรู้

อย่างไรก็ดี ไฮเมสออกคำแถลงแยกต่างหากย้ำว่า ข่าวกรองดังกล่าวมีความสำคัญแต่ยังไม่ควรตื่นตระหนก

ทั้งนี้ ภัยคุกคามในอวกาศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่อเมริกาจัดตั้งกองทัพอวกาศขึ้นเมื่อปี 2019 โดยที่ภัยคุกคามจำนวนมากมาจากแสนยานุภาพใหม่ๆ ของจีนและรัสเซียซึ่งสามารถแทรกแซงระบบสื่อสารผ่านดาวเทียมที่ทรงความสำคัญยิ่งของอเมริกา เช่น จีพีเอส และความสามารถในการตรวจจับได้อย่างรวดเร็วว่ามีการยิงขีปนาวุธ

ช่วงไม่กี่ปีมานี้ อเมริกาพบว่า จีนและรัสเซียมีวิธีการใหม่ๆ ในการก่อกวนสัญญาณดาวเทียม สกัดฟีดข้อมูล ทำให้อุปกรณ์ตรวจจับของดาวเทียมเสียหายเป็นการถาวร ยิงดาวเทียมร่วง และแม้แต่ใช้แขนกลดึงดาวเทียมออกจากวงโคจรที่ตั้งโปรแกรมไว้

หนึ่งในภารกิจสำคัญของกองทัพอวกาศคือ ฝึกทักษะการตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามเหล่านั้นให้กำลังพล

ในยุทธศาสตร์การป้องกันอวกาศปี 2020 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า จีนและรัสเซียเป็นภัยคุกคามทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดเนื่องจากมีการพัฒนาศักยภาพในการตอบโต้ในอวกาศอย่างก้าวร้าว และยังมีหลักนิยมทางทหารที่เรียกร้องให้ขยายความขัดแย้งสู่อวกาศ

ทั้งทำเนียบขาวและสมาชิกรัฐสภาหลายรายต่างไม่พอใจการออกคำแถลงของเทอร์เนอร์ เนื่องจากดูเหมือนทำให้คณะบริหารของไบเดนไม่ทันตั้งตัว

เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า เขาเตรียมบรรยายสรุปแบบปิดลับเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อเทอร์เนอร์และผู้นำอาวุโสของรัฐสภาในวันพฤหัสฯ (15) แต่ไม่ขอเปิดเผยหัวข้อหรือให้รายละเอียดอื่นๆ และยอมรับว่า การบรรยายสรุปดังกล่าวไม่ใช่แนวทางปฏิบัติมาตรฐานสำหรับที่ปรึกษาในความมั่นคงแห่งชาติ

ด้านจอห์นสันเผยว่า การบรรยายสรุปของซัลลิแวนเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่เขาทำจดหมายถึงทำเนียบขาวเมื่อเดือนที่แล้วเพื่อขอเข้าพบไบเดนและหารือเกี่ยวกับประเด็นความมั่นคงแห่งชาติร้ายแรงที่เป็นข้อมูลลับนี้

(ที่มา: เอพี, เอเจนซีส์)