เจ้าชายแฮร์รีบินด่วนจากแคลิฟอร์เนียและเข้าเฝ้าพระราชบิดาทันทีที่เดินทางถึงลอนดอนเมื่อวันอังคาร (6 ก.พ.) ซึ่งนับเป็นการพบกันครั้งแรกในรอบ 9 เดือน ก่อนที่พระเจ้าชาร์ลส์จะเสด็จโดยเฮลิคอปเตอร์ไปประทับรักษาพระองค์ที่พระตำหนักซานดริงแฮม คฤหาสน์ชนบทในเทศมณฑลนอร์โฟล์ก ทางภาคตะวันออกของอังกฤษ ในช่วงเย็นวันเดียวกัน
สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และพระราชินีคามิลลาทรงโบกพระหัตถ์ให้เหล่าพสกนิกรขณะเสด็จออกจากพระตำหนักคลาเรนซ์เฮาส์ ในใจกลางกรุงลอนดอนด้วยรถยนต์พระที่นั่ง เมื่อเวลา 15.35 น. วันอังคาร ไปยังพระราชวังบัคกิ้งแฮม ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ซึ่งถือเป็นการปรากฏพระองค์ในที่สาธารณะครั้งแรกหลังการประกาศข่าวว่า พระเจ้าชาร์ลส์ทรงประชวรด้วยโรคมะเร็ง
รายงานระบุว่า พระเจ้าชาร์ลส์ทรงมีพระอาการปกติดีภายหลังเริ่มรับการบำบัดโรคมะเร็งในฐานะผู้ป่วยนอกในช่วงเช้าวันอังคาร
ก่อนที่ทั้งสองพระองค์จะเสด็จขึ้นเฮลิคอปเตอร์จากบัคกิ้งแฮมเพื่อไปยังพระตำหนักซานดริงแฮม ในเทศมณฑลนอร์โฟล์ก มีรายงานว่า เจ้าชายแฮร์รี พระราชโอรสองค์เล็ก เดินทางไปเข้าเฝ้าที่พระตำหนักคลาเรนซ์เฮาส์เมื่อเวลา 14.25 น. และประทับอยู่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
ทั้งนี้ ในหนังสืออัตชีวประวัติ “Spare” ที่ตีพิมพ์เมื่อต้นปีที่แล้ว เจ้าชายแฮร์รีเผยว่า พระราชบิดาทรงขอให้พระองค์และพระเชษฐาที่ผิดใจกัน “อย่าทำให้ช่วงบั้นปลายชีวิตของพ่อจมทุกข์” ซึ่งหนังสือพิมพ์เดลิเมล์ สื่อแทบลอยด์ชื่อดังฉบับหนึ่งของอังกฤษ สันนิษฐานเอาไว้ในรายงานข่าวฉบับวันพุธ (7) ของตนว่า อาจเป็นเพราะข้อความนี้ที่ทำให้เจ้าชายแฮร์รีรีบเดินทางจากพระตำหนักในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา กลับไปยังลอนดอนทันทีที่พระราชบิดาทรงโทรศัพท์หาเพื่อแจ้งข่าวการตรวจพบมะเร็ง
อย่างไรก็ดี ไม่มีรายงานว่า เจ้าชายแฮร์รีจะประทับอยู่ที่ใดในลอนดอน แต่เดลิเมล์เชื่อว่ามีแนวโน้มสูงสุดที่จะเป็นพระตำหนักฟร็อกมอร์ ในเขตพระราชฐานวินเซอร์ นอกกรุงลอนดอน ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของพระองค์และพระชายาเมแกนสมัยที่ยังอยู่ในอังกฤษ ก่อนต้องย้ายออกไปอย่างถาวรเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ภายหลังที่ทรงลาออกจากการเป็นพระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่และเสด็จไปทรงใช้ชีวิตที่แคลิฟอร์เนีย
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนพากันตั้งความหวังว่า การเดินทางของเจ้าชายแฮร์รีครั้งนี้เป็น “สัญญาณสงบศึก” กับพระเจ้าชาร์ลส์ ทว่า มีสัญญาณน้อยมากที่พระองค์จะทรงคืนดีกับมเจ้าชายวิลเลียม พระเชษฐา ซึ่งแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดเจ้าชายวิลเลียมเผยว่า ทั้งสองพระองค์ไม่มีแผนนัดพบกัน เนื่องจากโฟกัสสำคัญของเจ้าชายวิลเลียมขณะนี้คือ เจ้าหญิงเคต พระชายาที่กำลังพักฟื้นจากการผ่าตัด และพระราชบิดา
นอกจากนั้นยังมีการเปิดเผยว่า พระเจ้าชาร์ลส์และเจ้าชายวิลเลียม พระราชโอรสองค์ใหญ่ ซึ่งทรงได้รับการสถาปนาอิสริยยศเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ องค์รัชทายาทแห่งราชบัลลังก์อังกฤษนั้น ทรงมีการติดต่อกันสม่ำเสมอ
เดอะซัน แทบลอยด์ขายดีที่สุดในอังกฤษรายงานเอาไว้ว่า ช่วงหลายเดือนมานี้ พระเจ้าชาร์ลส์ทรงไปประทับค้างแรมคืนวันอาทิตย์ที่พระราชวังวินด์เซอร์บ่อยครั้ง เพื่อใช้เวลากับเจ้าชายวิลเลียม และดูเหมือนทั้งสองพระองค์ทรงใกล้ชิดกันมากขึ้น
ขณะเดียวกัน เดลิเมล์สืบทราบมาว่า พระเจ้าชาร์ลส์ทรงรับรู้การวินิจฉัยโรคมะเร็งมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่แล้ว แต่ยังทรงยืนกรานที่จะเสด็จไปโบสถ์ที่นอร์โฟล์กในวันอาทิตย์ (3 ก.พ.) ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สำนักพระราชวังบัคกิ้งแฮมเพิ่งออกคำแถลงเมื่อคืนวันจันทร์ (4 ก.พ.) ว่า พระเจ้าชาร์ลส์ได้รับการวินิจฉัยจากคณะแพทย์ว่า ประชวรด้วยโรคมะเร็งชนิดหนึ่ง และจะทรงเลื่อนพระราชกรณียกิจต่างๆ เพื่อรับการบำบัดรักษา กระนั้น พระองค์ทรงมีกำลังพระทัยดีเยี่ยม และทรงเฝ้ารอที่จะกลับไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจโดยเร็วที่สุด
คำแถลงยังระบุว่า พระเจ้าชาร์ลส์ทรงเลือกเปิดเผยเรื่องนี้เพื่อป้องกันการคาดเดาไปต่างๆ นานา รวมทั้งทรงหวังว่า จะทำให้สังคมทั่วโลกมีความเข้าใจผู้ป่วยมะเร็งมากขึ้น ทั้งนี้ พระองค์ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์มูลนิธิเกี่ยวกับโรคมะเร็งหลายแห่ง
รายงานระบุว่า คณะแพทย์ตรวจพบว่า พระเจ้าชาร์ลส์ทรงเป็นมะเร็ง ระหว่างที่พระองค์ประทับที่โรงพยาบาล 3 คืนเมื่อเดือนที่แล้วเพื่อรักษาพระอาการต่อมลูกหมากโต อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากการยืนยันว่า ไม่ใช่มะเร็งต่อมลูกหมากแล้ว สำนักพระราชวังบัคกิ้งแฮมไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมใดๆ
(ที่มา: เมล์ออนไลน์, เอเอฟพี, รอยเตอร์)