คณะลูกขุนศาลรัฐมิชิแกนของสหรัฐฯ ตัดสินให้แม่ของเด็กวัยรุ่นที่ยิงเพื่อนร่วมชั้นเรียนตาย 4 ศพ ในโรงเรียนไฮสกูลใกล้เมืองดีทรอยต์มีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา (manslaughter) วานนี้ (6 ก.พ.) พร้อมนัดอ่านคำพิพากษาลงโทษ 9 เม.ย. หลังอัยการลงความเห็นว่าเธอมีส่วนต้องรับผิดชอบการกระทำของบุตรชาย เนื่องจากทั้งเธอ และสามีเป็นคนให้ปืนกับลูก และยังละเลยสัญญาณอันตรายหลายอย่าง
เจนนิเฟอร์ ครัมบลีย์ (Jennifer Crumbly) วัย 45 ปี ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดในคดีซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ผู้ปกครองโดนข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาจากการที่ปล่อยให้ลูกไปก่อเหตุกราดยิงในโรงเรียน
เธอถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่เจตนารวม 4 กระทง ตามจำนวนเด็กนักเรียนที่ถูกสังหารที่โรงเรียนอ็อกซ์ฟอร์ดไฮสกูล (Oxford High School) เมื่อปี 2021 และศาลตัดสินว่ามีความผิดจริงในทุกกระทง
ความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนามีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปีตามกฎหมายสหรัฐฯ โดยศาลนัดอ่านคำพิพากษาลงโทษในวันที่ 9 เม.ย.
ในส่วนของ เจมส์ ครัมบลีย์ (James Crumbly) วัย 47 ปี ซึ่งเป็นสามีของเจนนิเฟอร์ ศาลจะเริ่มไต่สวนความผิดข้อหาเดียวกันตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.เป็นต้นไป
อีธาน ครัมบลีย์ (Ethan Crumbly) อายุเพียง 15 ปี ในขณะที่นำปืนพกกึ่งอัตโนมัติเข้าไปกราดยิงเพื่อนร่วมชั้นเรียน เขายอมรับผิดข้อหาฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน (first-degree murder) รวม 4 กระทง และข้อหาอื่นๆ เมื่อปี 2022 และเพิ่งจะถูกศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีสิทธิขอทำทัณฑ์บนเมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว
อัยการเทศมณฑลโอ๊คแลนด์ระบุว่า แม้ เจนนิเฟอร์ ครัมบลีย์ จะไม่ได้เป็นคนลั่นไกสังหารด้วยตนเอง แต่เธอเก็บปืนและกระสุนอย่างไม่ระมัดระวัง จึงสมควรต้องมีส่วนรับผิดชอบกับการตายของนักเรียนทั้ง 4 คน นอกจากนี้ เธอและสามีก็รู้ดีว่า อีธาน มีสภาพจิตใจที่เรียกว่าอยู่ใน“เกลียวอารมณ์เชิงลบ” (downward spiral) จนอาจเป็นอันตรายต่อผู้อื่น ทว่ายังคงให้เขาหยิบจับปืน ซึ่งรวมถึงปืนพก 9 มม.ที่พวกเขาซื้อให้ลูกชายเป็นของขวัญวันคริสต์มาส และถูก อีธาน นำไปใช้ก่อเหตุกราดยิงในที่สุด
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่เผชิญปัญหาความรุนแรงจากอาวุธปืนชนิดเรื้อรังแก้ไม่ตก และเกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นฝีมือนักเรียนปัจจุบัน หรือไม่ก็ศิษย์เก่า
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยอาวุธปืนหลายคนคาดหวังว่า คำตัดสินในคดีนี้คงจะช่วยกระตุ้นเตือนพ่อแม่ที่มีปืนให้เก็บรักษาอาวุธปืนให้ห่างไกลจากมือลูกหลาน พร้อมอ้างผลการศึกษาของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่พบว่า 3 ใน 4 ของผู้ที่กราดยิงโรงเรียนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาใช้ปืนซึ่งมีอยู่ในบ้านตัวเอง
ที่มา : รอยเตอร์
