น้ำมันขึ้นจากความตึงเครียดใน ตอ.กลาง ทองคำลง-หุ้นสหรัฐฯ ปิดแดนลบ

ราคาน้ำมันขยับขึ้นเล็กน้อยในวันจันทร์ (5 ก.พ.) จากความกังวลสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบ หลังประธานเฟดปฏิเสธอย่างหนักแน่นเกี่ยวกับข่าวลือว่าใกล้ปรับลดดอกเบี้ยแล้ว ส่วนทองคำแกว่งตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ ปิดที่ 72.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ ปิดที่ 77.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

พวกนักลงทุนจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด หลังกระบวนการการเจรจาข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮามาสดูเหมือนจะเป็นไปอย่างยากลำบาก บ่งชี้ว่าสภานการณ์ความตึงเคียดในภูมิภาคผลิตน้ำมันแห่งนี้น่าจะยืดเยื้อต่อไป

ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ยังคงเดินหน้ายุทธการถล่มพวกฮูตีในเยเมน ตอบโต้กรณีที่โจมตีเรือสินค้า ก่อความวุ่นวายแก่เส้นทางลำเลียงน้ำมันโลก ความเคลื่อนไหวที่ซ้ำเติมความกังวลทางอุปทาน

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดในแดนลบในวันจันทร์ (5ิก.พ.) หลังจาก เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อข่าวลือที่ว่าจวนจะมีการปรับลดอันตราดอกเบี้ยแล้ว ในขณะที่นักลงทุนประเมินรายงานผลประกอบการที่ผสมผสานของบรรดาบริษัทจดทะเบียนทั้งหลายแหล่

ดาวโจนส์ ลดลง 274.30 จุด (0.71 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 38,380.12 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 15.80 จุด (0.32 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,942.81 จุด แนสแดค ลดลง 31.28 จุด (0.20 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,597.68 จุด

ระหว่างให้สัมภาษณ์ในวันอาทิตย์ (4 ก.พ.) พาวเวล ระบุว่าพบเห็นหลักฐานเพิ่มเติมว่าแนวโน้มขาลงของเงินเฟ้อจำเป็นต้องยั่งยืนกว่านี้ ถึงจะสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่วน นีล คาสช์คาริ ประธานเฟดสาขามินนีอาโปลิส กล่างในวันจันทร์ (5 ก.พ.) ว่าเศรษฐกิจที่มีความยืดหยุ่นอาจทำให้ต้องเลื่อนการปรับลดดอกเบี้ยออกไปอีกสักพักหนึ่ง

ข้อมูลใหม่ของสถาบันจัดการอุปทาน แสดงให้เห็นว่าการเติบโตในภาคบริภารของสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นในเดือนมกราคม ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาดไว้

ส่วนราคาทองคำในวันจันทร์ (5 ก.พ.) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 10.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,042.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์

(ที่มา : รอยเตอร์)