ราคาน้ำมันขยับลงมากกว่า 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันจันทร์ (29 ม.ค.) ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนแอของจีนก่อความกังวลทางอุปสงค์ ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวก ในสัปดาห์ที่บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่จะทยอยเผยแพร่รายงานผลประกอบการ ในขณะที่ทองคำปรับขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 1.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 76.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 1.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
น้ำมันดิบทั้ง 2 สัญญาปรับลดเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน นักลงทุนเบี่ยงเบนความสนใจไปที่ความกังวลทางอุปสงค์ในจีน ซึ่งกำลังเผชิญกับวิกฤตอสังหาริมทรัพย์หนักหน่วงขึ้น หลังจากศาลฮ่องกง สั่งให้เอเวอร์ แกรนด์ ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวเลิกกิจการ ขายสินทรัพย์ชำระหนี้ 325,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 11 ล้านล้านบาท) หลังล้มเหลวในการนำเสนอแผนปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทซ้ำแล้วซ้ำเล่า
วิกฤตที่หนักหน่วงขึ้นในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน ได้กัดเซาะความเชื่อมั่นของนักลงทุน ในชาติผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ของโลก หลังจากข้อมูลก่อนหน้านี้เพิ่งแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนอ่อนแอเกินคาดหมาย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของราคาทองคำปรับขึ้นในวันจันทร์ (29 ม.ค.) ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง กระตุ้นให้นักลงทุนถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 8.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,044.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันจันทร์ (29 ม.ค.) ทั้งดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ที่จะเผยแพร่ออกมาในสัปดาห์นี้ ในนั้นรวมถึงบรรดายักษ์ใหญ่ทางเทคโนโลยีทั้งหลาย เช่นเดียวกับการตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 224.02 จุด (0.59 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 38,333.45 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 36.96 จุด (0.76 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,927.93 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 172.68 จุด (1.12 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,628.04 จุด
ในสัปดาห์นี้จะมีการเผยแพร่รายงานผลประกอบการออกมาเป็นจำนวนมาก ในนั้นรวมถึงบรรดายักษ์ใหญ่ทางเทคโนโลยีทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นไมโครซอฟท์ อัลฟาเบ็ท บริษัทแม่กูเกิล แอปเปิล และเมตา บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก
ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยตามเดิม แต่นักลงทุนคาดหมายเช่นกันว่า "เฟดจะบอกว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังอยู่ในระดับเป้าหมายและตรงกับที่คาดการณ์ไว้"
(ที่มา : รอยเตอร์)