พระมู้ดสมานฉันท์อันสุดแสนจะเป็นปึกแผ่นของพระราชวงศ์อังกฤษ ได้ทะยานเสียดฟ้า ภายในห้วงแห่งเทศกาลชื่นมื่นคริสต์มาสที่ผ่านมา โดยปรากฏโดดเด่นหลังจากที่พระราชสำนักสามารถสยบการกระหน่ำโจมตีหมิ่นพระเกียรติยศจาก 2-3 วีไอพีที่จัดทำหนังสือ Endgame ทั้งนี้นี่เป็นสมานฉันท์ขั้นสุด ระดับที่เรียกได้ว่า ปิดยุคคู่ไฝว้สายบู๊ระดับตำนาน เมื่อเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงยอมเดินเคียงข้างกับควีนคามิลลายาวไกล 370 เมตร จากพระตำหนักแซนดริงแฮมสู่โบสถ์เซนต์มารี มักดาลีนนอกจากนั้น เจ้าฟ้าหญิงผู้ทรงเป็นที่เลื่องลือว่าพระโอษฐ์กับพระหทัยตรงกัน ทรงตรัสในคลิปออกสื่อ ยอมรับว่าควีนคามิลลาทรงมีคุณูปการต่อคิงชาร์ลส์อย่างแท้จริงและเนิ่นนานเกินกว่าครึ่งศตวรรษ
พร้อมกันนั้น ในด้านของดัชเชสเฟอร์กี อดีตพระชายาแห่งปรินซ์แอนดรูว์ ผู้เคยสร้างมลทินอื้อฉาวแปดเปื้อนพระราชตระกูลวินด์เซอร์ ก็ได้กลับสู่แวดวงพระราชสำนักชั้นนิวเคลียส หลังจากหลายๆ ปีมานี้ที่
อย่างไรก็ตาม ในซีกของพระตำหนักแคลิฟอร์เนีย ปรินซ์แฮร์รีกับพระชายาเมแกนยังทรงนัวอย่างยิ่งยวด และยังไม่ชัดเจนพระทัยว่า จะไปต่อ หรือพอแค่นี้
กล่าวคือ ขณะที่ทรงต้องยอมสยบ ไม่ส่งคลื่นป่วนรบกวนสมาชิกพระราชสำนัก โดยยอมรับความจริงว่า การดำเนินการทั้งปวงนั้น ไม่มีทางจะได้รับผลตามเป้าหมาย แต่ภาระที่ทรงสร้างไว้ก็มหาศาล และหนักหนามากหากจะแบกรับต่อไป กระนั้นก็ตาม ถ้าจะพอแค่นี้และหวนคืนวังเคนซิงตันไปรับสิทธิต่างๆ ในฐานะพระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ (ซึ่งจะช่วยผ่อนภาระไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยวิ่งหาเงินปีละหลายล้านไปสนับสนุนพระไลฟ์สไตล์หรูหราแพงระยับ) ทั้งสองพระองค์ก็ต้องเปิดพระโอษฐ์ ขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งเป็นเงื่อนไขปวดร้าวพระทัยเหลือเกินสำหรับคนเจ้าทิฐิมานะระดับที่ว่า “ฆ่าก็ไม่ให้-หยามก็ไม่ยอม”
พระราชสำนักทรงสยบกระแสโจมตีจากพระตำหนักมอนเตซิโต โดยพระชายาเมแกนส่งสัญญาณขอสงบศึก
พระราชตระกูลวินด์เซอร์แห่งสหราชอาณาจักรทรงมีความสมานฉันท์ ราบรื่นเป็นปึกแผ่น หลังผ่านการถูกกระหน่ำโจมตีจากสองสามวีไอพีที่จัดทำหนังสือ Endgame เมื่อห้วงเดือนพฤศจิกายน 2023 โดยบรรยากาศดีงามปรากฏให้พสกนิกรเมืองผู้ดีได้ปลื้มปริ่มชื่นใจกันทั่วหน้าในระหว่างช่วงแห่งการเฉลิมฉลองวันคริสต์มาส อันเป็นวันสำคัญของพระครอบครัว ณ โบสถ์เซนต์มารี มักดาลีน ที่แซนดริงแฮม เคาน์ตีนอร์ฟอล์ก ซึ่งจะเห็นได้ว่าเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงไม่ฟาดใส่พระพี่สะใภ้อย่างควีนคามิลลาแล้ว และทรงยอมสมานฉันท์ สนทนารื่นรมย์ระหว่างการเสด็จพระดำเนินเคียงกันชื่นมื่นในวันคริสต์มาสอีฟ 24 ธันวาคม 2023
ภาพแห่งสัมพันธ์อบอุ่นอย่างนี้เป็นที่ปลาบปลื้มของพสกนิกรและผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเฝ้ามองผลกระทบจากความพยายามบ่อนทำลายพระเกียรติยศของพระราชสำนัก ที่แผลงฤทธิ์ตลอดเดือนพฤศจิกายน แล้วถูกสยบลงราบคาบนับตั้งแต่สัปดาห์แรกของเดือนธันวาคมนี้ โดยที่ว่านอกจากจะไม่สามารถดิสเครดิตกษัตริย์ชาร์ลส์ได้แล้ว สมาชิกแห่งพระราชวงศ์ก็ยิ่งทวีความแน่นแฟ้นในระหว่างกัน
“ความขัดแย้งภายในพระราชวงศ์อังกฤษซึ่งพสกนิกรได้เห็นกันมาตลอด ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงแล้วนะครับ ในวันคริสต์มาสปีนี้บรรดาสมาชิกของพระราชวงศ์ต่างพร้อมเพรียงเข้าร่วมการเฉลิมฉลอง ในเวลาเดียวกัน บรรดาพระนามของพระราชวงศ์ผู้ใหญ่ที่ทรงงานถวายแด่สถาบันกษัตริย์นั้น คิงชาร์ลส์ก็ทรงให้เกียรติ เอ่ยถึงไว้ในพระราชดำรัสคริสต์มาส ดังนั้น ในตอนนี้จึงดูเหมือนว่าแต่ละพระองค์ทรงรวมพระทัยเข้าด้วยกัน ขณะที่ความฝันของ ‘คนแคลิฟอร์เนีย’ มีแต่จะแตกสลาย คุณแอนเจลามีความเห็นอย่างไรครับ”
พิธีกรข่าวสถานีจีบีนิวส์ชงประเด็นไว้อย่างนั้น เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์ แอนเจลา เลเวิน วิเคราะห์ถึงการที่ทรงผนึกกำลังกันสร้างแนวต้านทานการโจมตีขยี้ยับจากดัชเชสเมแกน x เจ้าชายแฮร์รี
“นี่เป็นเรื่องของแนวคิดน่ะค่ะ คือถึงเวลาจะต้องก้าวข้ามประเด็นเก่าๆ กันเสียทีเพราะได้พยายามอย่างที่สุดแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยนะคะว่าพระราชวงศ์ต่างพยายามอย่างที่สุดกับเจ้าชายแฮร์รีและพระชายาเมแกน ดังนั้นถ้ายังปราศจากความคิดที่จะประนีประนอมหรือปฏิบัติต่อกันดีๆ ก็ย่อมจะต้องก้าวข้ามสองพระองค์นี้กันเสียทีค่ะ” กล่าวโดย แอนเจลา ผู้เขียนหนังสือเล่มโด่งดังแห่งปี 2018 เรื่อง Harry: Conversations with the Prince หรือก็คือ เจ้าชายแฮร์รี: บทสนทนากับปรินซ์
โดยแอนเจลา เลเวิน อิงอยู่กับสถานการณ์โจมตีสมาชิกพระราชตระกูลวินด์เซอร์ซีรีส์ใหญ่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 ในสถานการณ์อื้อฉาวดังกล่าวพระราชโอรสแฮร์รีและพระราชสุณิสาเมแกนทรงแพ็กคู่กันส่งคลื่นรบกวนจากลอสแอนเจลิสไปป่วนพระราชเบิร์ธเดย์ของกษัตริย์ชาร์ลส์หลายรอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างภาพว่าคิงชาร์ลส์ทรงเป็นพระราชบิดาใจร้าย ไม่เชิญทั้งสองพระองค์เข้าร่วมพระราชปาร์ตีเบิร์ธเดย์ แต่ที่แท้นั้นน่าจะเป็นการกดดันเพื่อให้ได้รับโอกาสเข้าถึงกษัตริย์ชาร์ลส์แบบส่วนพระองค์เป็นเซสชันยาวๆ แล้วจะได้กราบบังคมทูลขอสิ่งต่างๆ แต่คิงทรงรู้ทันและไม่อนุโลมตาม
ในห้วงเดียวกัน หนังสือ Endgame: Inside the Royal Family and the Monarchy’s Fight for Survival ของ โอมิด สโคบี นักเขียนคนดังซี้สนิทของดัชเชสเมแกน ถูกใช้เป็นเครื่องมือกดดันชิ้นสำคัญที่ถูกผลิตมาเพื่อปรักปรำโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์อังกฤษอย่างอุกอาจ โดยนำข้อกล่าวหาเก่าๆ ของดัชเชสและดยุกแห่งซัสเซกซ์มาทำการรีเมก ก่อนที่จะปล่อยสถานการณ์ “หลุด” พระนามของคิงไว้ในหนังสือ Endgame ฉบับแปลเป็นภาษาดัตช์ ว่าทรงเป็นผู้ที่ดัชเชสเมแกนกล่าวหาว่า ใช้วาจาเหยียดผิวนิโกรของเธอและพระโอรสอาร์ชี ด้วยการตรัสแสดงความกังวลว่า ‘ผิวของพระโอรสอาร์ชีจะดำเพียงใด’
ด้านบุคคลใกล้ชิดคิงชาร์ลส์เปิดเผยกับสื่อหัวสีเจ้ายักษ์อย่างเดอะซัน ว่าคิงชาร์ลส์ทรงยืนยันพระองค์จะไม่ยอมถูกพระราชโอรส “แบล็กเมล์ในทางอารมณ์” โดยในรายงานข่าวที่นำเสนอเมื่อ 8 ธันวาคม แหล่งข่าวรายนี้ระบุคำกล่าวของคิงชาร์ลส์ด้วยว่า พระองค์ทรงไม่สนพระทัยเลยที่พระนามของพระองค์ไปปรากฏในหนังสือ Endgame ฉบับแปลเป็นภาษาดัตช์ และขณะนี้พระองค์ยังทรงเต็มเปี่ยมด้วยพลัง
ทั้งนี้ นอกจากที่ปรินซ์แฮร์รีจะเร่งรัดแบบอ้อมๆ ให้คิงชาร์ลส์ทรงเชิญพระองค์และพระชายาเมแกนให้เข้าร่วมการเสวยพระกระยาหารฉลองพระราชเบิร์ธเดย์แล้ว ยังเรียกร้องให้พระราชบิดาเชิญเข้าร่วมการฉลองวันคริสต์มาสที่แซนดริงแฮมในนอร์ฟอล์กอีกด้วย
การเรียกร้องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องปกติวิสัยของปรินซ์แฮร์รี ดังเห็นได้ว่าในคราวที่ปรินซ์แฮร์รีทรงได้รับเชิญเข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น ปรินซ์ทรงแสดงความรู้สึกไม่พึงพอพระทัยตลอดเวลา และเมื่อพระราชพิธีเสร็จสิ้น ก็ทรงแอบแวะเข้าไปในพระราชวังบัคกิงแฮม แล้วไปปรากฏพระองค์ที่สนามบินด้วยสีพระพักตร์สดใสเปี่ยมสุขสไตล์สามล้อถูกหวย ก่อนจะขึ้นเครื่องบินเดินทางกลับสหรัฐฯ โดยเร็ว
ดังนั้น ผู้เขี่ยวชาญหลายสถาบันชี้ว่าสาเหตุที่ปรินซ์ทรงเปลี่ยนท่าทีมาเป็นความร้อนรนที่จะได้มีเซสชันส่วนพระองค์ยาวๆ ในคราวนี้ (ขณะที่พระราชบิดาก็ทรงมิได้อนุโลมตาม) น่าจะมีสาเหตุจากความเดือดร้อนหนักหนาซึ่งอาจเกี่ยวเนื่องกับรายงานข่าวเมื่อธันวาคม 2022 ที่นำเสนอกัน ดังนี้
เคยมีอยู่คราวหนึ่งในปี 2021 ที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ (พระอิสริยยศขณะนั้น) ทรงถูกควีนเอลิซาเบธตรัสถามว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์ที่ปรินซ์แฮร์รีติดต่อมาหา แล้วคำตอบของเจ้าฟ้าชายที่กราบบังคมทูลสมเด็จพระมารดาเจ้า มีอยู่ว่า “ผมไม่ใช่แบงก์ครับ”
ความพยายามของชาวคณะแห่งค่ายซัสเซกซ์ที่จะคุกคามพระเกียรติยศของพระราชตระกูลวินด์เซอร์ ได้มาถึงจุดยุติอย่างสมบูรณ์ เมื่อสื่อค่ายใหญ่ยักษ์ทั้งปวงของอังกฤษพากันอ้างแหล่งข่าววงในพระราชสำนัก มารายงานต่อท่านผู้ชมในวันที่ 1 ธันวาคม 2023 ว่า สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะทรงหารือกับคณะที่ปรึกษาระดับสูง ซึ่งรวมถึงเจ้าฟ้าชายวิลเลียม เพื่อไล่เรียงดูทุกแนวทางดำเนินการ รวมถึงการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อหนังสือ Endgame หลังจากที่พระนามของพระองค์ถูกเขียนกล่าวหาไว้ในหนังสือ Endgame ฉบับแปลเป็นภาษาดัตช์ว่าทรงเป็นพวกเหยียดผิว
สื่อทั้งปวงรายงานด้วยว่าสำนักพระราชวังจะมุ่งในประเด็นว่าผู้ใดเป็นผู้ปล่อยจดหมายระหว่างคิงชาร์ลส์กับดัชเชสเมแกน ให้เป็นที่ล่วงรู้ของโอมิด สโคบี ผู้ซึ่งนำไปเขียนบ่อนทำลายพระเกียรติยศในหนังสือ Endgame
ทั้งนี้ โอกาสที่นักเขียนหนุ่มนาม สโคบี จะได้เห็นจากสำนักพระราชวังนั้น เป็นไปไม่ได้เลย แต่โอกาสที่สโคบี จะได้เห็นจากการอำนวยการของดัชเชสเมแกน คือ สูงลิ่ว เพราะทั้งสองมีความสนิทสนมกันมาก ระดับที่วงการสื่อมวลชนมอบฉายาแก่สโคบีว่า Cheerleader-in-Chief of Meghan หรือก็คือ ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งคณะเชียร์ลีดเดอร์ของดัชเชสเมแกน
ในการนี้ หากการดำเนินคดีเกิดขึ้น แนวโน้มที่น่าจะปรากฏต่อมาคือ ดัชเชสเมแกนจะถูกตัดสินว่ามีความผิดอาญาในข้อหาหมิ่นประมาท พยายามสร้างความเสื่อมเสียแก่กษัตริย์ชาร์ลส์และสมาชิกพระราชวงศ์ ซึ่งจะมีบทลงโทษทั้งโทษปรับเงินและโทษจำคุก
ปฏิกิริยาดิ้นรนแก้ตัวจึงผุดออกมาอย่างครึกโครม โดยชาวคณะซัสเซกซ์รีบออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับการที่ สโคบี ได้เห็นจดหมายโต้ตอบระหว่างดัชเชสเมแกนกับคิงชาร์ลส์ อันได้แก่ การที่แหล่งข่าวของเดอะเทเลกราฟซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดดัชเชสเมแกน ได้กดโทรศัพท์ไปออกตัวกับเดอะเทเลกราฟในวันที่ 1 ธันวาคมเลยว่า ดัชเชสเมแกนและบุคลากรในทีมซัสเซกซ์มิได้มอบจดหมายที่มีการกล่าวหาระบุพระนามคิงชาร์ลส์ ไปให้แก่ โอมิด สโคบี
แต่เหนืออื่นใดคือ ปฏิกิริยาดิ้นรนให้พ้นความผิด ที่ดัชเชสเมแกนแสดงออกด้วยตนเอง
โดยสื่อใหญ่สายจี๊ดจ๊าดแห่งเมืองผู้ดีนามว่า เพจซิกส์ รายงานก่อนหลายสื่อค่ายยักษ์อื่นๆ ว่าดัชเชสเมแกนนำของรับขวัญเมื่อปี 2018 จากกษัตริย์ชาร์ลส์ ผู้เป็นพระสสุระ ได้แก่ สร้อยข้อมือเพชรมูลค่า 4,900 ดอลลาร์ มาสวมขณะออกนอกพระตำหนักไปทำธุระในซานตา บาร์บารา เมื่อวันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม 2023 โดยมีผู้พบเห็นและถ่ายภาพเธอขณะเดินขึ้นรถ หลังจากที่เธอเก็บตัวเงียบในพระตำหนักอยู่เป็นนาน
นานปีกว่าแล้วที่ดัชเชสเมแกนมิได้สวมสร้อยข้อมือเพชรแบรนด์หรู เบนท์ลีย์-สกินเนอร์ ซึ่งประกอบด้วยเพชร 92 เม็ด รวม 2.6 กะรัต ออกจากพระตำหนัก โดยครั้งสุดท้ายที่สร้อยเส้นนี้ปรากฏบนข้อมือของเธอ คือ ในมหกรรมการแข่งขันกีฬาระหว่างทหารนานาชาติ อินวิคตัสเกมส์ ปี 2022 ทั้งนี้ก่อนเกิดความร้าวฉานต่างๆ นานานั้น ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์สวมสร้อยข้อมือเพชรออกงานหลายครั้ง โดยครั้งแรกที่เป็นการเปิดตัวสายสร้อยเพชรข้อมือนี้ คือ ในค่ำคืนก่อนพระราชพิธีเสกสมรสกับปรินซ์แฮร์รี
เพจซิกส์และสื่อใหญ่ยักษ์ต่างๆ พากันตีความว่าพระชายาของเจ้าชายแฮร์รีส่งสัญญาณง้อและขอพระราชวงศ์มิให้ดำเนินคดีหมิ่นประมาทหนังสือ Endgame ซึ่งเธอน่าจะถูกลากเข้าไปร่วมรับผิดด้วย
ปรากฏการณ์ตลอดเดือนธันวาคมนี้มีอยู่ว่า กระแสโจมตีพระราชวงศ์อังกฤษได้โรยราเงียบกริบเป็นหนังคนละม้วนกับข่าวอื้อฉาวว้าวุ่นมากมายในเดือนพฤศจิกายน
ในเวลาเดียวกัน พสกนิกรต่างได้เห็นบรรยากาศชื่นมื่นด้วยรอยยิ้มในระหว่างสมาชิกพระราชวงศ์วินด์เซอร์ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญอย่างแอนเจลา เลเวิน กล่าวว่าการโจมตีพระราชวงศ์พร้อมกับเปิดพระนามของคิงชาร์ลส์ในหนังสือ Endgame เป็นปัจจัยกระชับให้สมาขิกพระราชวงศ์ทุกพระองค์ผนึกสัมพันธ์เข้าด้วยกัน
“ดิฉันได้เห็นว่าคุณซาราและคุณมีอากับคุณลีนา มีพระโมเมนต์แนบแน่นน่ารักกับพระโอรสพระธิดาของปรินซ์วิลเลียมและปรินเซสแคเธอริน คุณมีอาจูงมือกับปรินซ์หลุยส์ คุยเล่นเพลิดเพลินกับปรินเซสชาร์ลอตต์ นี่เป็นบรรยากาศครอบครัวที่แน่นแฟ้นกันมากๆ เลยนะคะ
“ดิฉันน่ะเห็นด้วย 100 เปอร์เซ็นต์ว่าในตอนนี้ พระราชวงศ์ทรงเป็นปึกแผ่นอย่างยิ่งค่ะ” แอนเจลา เลเวิน ลงความเห็นไว้อย่างนั้น
ปิดยุคศึกไฝว้ เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ vs ควีนคามิลลา หลังจบข่าวลือสุดท้ายเมื่อ พ.ค. ที่ตรัสใส่พระพักตร์ควีนว่า “เธอไม่ใช่สมเด็จพระราชินีนาถ เธอเป็นแค่พระราชินีมเหสี”
ในวันที่ 24 และ 25 ธันวาคม แห่งการรวมพระญาติเฉลิมฉลองคริสต์มาส ณ แซนดริงแฮมในเคาน์ตีนอร์ฟอล์ก ได้ปรากฏมากมายไปด้วยรอยแย้มพระสรวลและบรรยากาศสมานฉันท์อันเกินกว่าปกติอย่างยิ่ง ความเปลี่ยนแปลงในทางที่น่าอนุโมทนาอุบัติขึ้นหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านของมิตรภาพระหว่างเจ้าฟ้าหญิงแอนน์กับควีนคามิลลา ซึ่งเคยขมเปรี้ยวมากบ้างน้อยบ้างมาตลอดหลายสิบปี
ในสัมภาษณ์ที่ผู้เชี่ยวชาญแอนเจลา เลเวิน สนทนาข่าวทางโทรทัศน์จีบีนิวส์ เธอกล่าวถึงบรรยากาศสมานฉันท์อย่างตรงๆ ว่า “หลายๆ ปีที่ผ่านมา เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงไม่ยอมรับควีนคามิลลา”
ทั้งนี้ ตั้งแต่ที่ควีนคอนสอร์ตคามิลลา ยังทรงเป็นคุณคามิลลา จดจนพระฐานะทะยานขึ้นฟ้าได้เป็น ดัชเชสคามิลลา ในปี 2005 เจ้าฟ้าหญิงแอนน์มักที่จะมีท่าทีเย็นชา และบางคราจะทำให้ดัชเชสรู้สึกว่าหลุดออกจากวงสนทนาได้ง่ายๆ ดิเอ็กซ์เพรซรายงานอย่างนั้น
แต่ด้วยความที่ดัชเชสคามิลลาทรงพิสูจน์พระองค์เองว่าเต็มพระทัยที่จะปฏิบัติตามพระราชประเพณีต่างๆ และทรงเต็มที่กับการช่วยเหลือพระภารกิจของสำนักพระราชวังทุกสิ่ง พร้อมกันนั้น หลังการจดทะเบียนสมรสกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ในปี 2005 ดัชเชสทรงแสดงความจริงใจด้วยการสละสิทธิ์ไม่ใช้พระอิสริยยศเจ้าหญิงแห่งเวลส์ เพื่อถนอมน้ำใจของประชาชนที่ยังผูกพันมั่นคงอยู่กับดวงวิญญาณเจ้าหญิงไดอานา
ดังนั้น ท่าทีของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ต่อดัชเชสจึงลดแรงเสียดทานลงบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นับแต่ปี 2007 ในลักษณะที่ดิเอ็กซ์เพรสรายงานว่า เป็นการละลายความเย็นชาแบบค่อยๆ ลดลงทีละน้อย แต่ก็จะมีความเหวี่ยงไปมาดีๆ ร้ายๆ ด้วย
“งานไหนๆ กิจกรรมใดๆ ที่มีดัชเชสคามิลลาเข้าร่วม ปรินเซสแอนน์มักจะไม่เสด็จค่ะ แต่มาถึงตอนนี้ ปรินเซสแอนน์ทรงยอมรับแล้วว่าควีนคามิลลาทรงสนับสนุนค้ำจุนคิงชาร์ลส์อย่างแท้จริงด้วยความจริงใจ เราเห็นได้ชัดเลยค่ะ คิงชาร์ลส์ทรงมีความสุขมากขึ้น มีความเชื่อมั่นมากขึ้น และปรินเซสแอนน์ทรงตรัสด้วยว่าคิงชาร์ลส์ทรงแตกต่างกว่าเดิมอย่างดียิ่ง” แอนเจลา เลเวิน ผู้เขียนหนังสือเรื่อง Camilla: Duchess Camilla From Outcast to Queen Consort อธิบายความเคลื่อนไหวในพระราชสำนักวินด์เซอร์ไว้อย่างนั้น
อันที่จริง เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงเป็นหนึ่งในผู้คนจำนวนมหาศาลที่ไม่ยอมรับคุณคามิลลา ดัชเชสคามิลลา และควีนคามิลลา เพราะเป็นธรรมดาที่ความคาดหวังของประชาชนต่อรัตนสตรีผู้จะก้าวขึ้นเป็นพระราชินีเคียงข้างพระราชบัลลังก์ จะเรียกร้องคุณสมบัติพื้นฐานของสาวชนชั้นสูงที่ร่ำรวยและใกล้ชิดพระราชวงศ์อย่างเลดีไดอานา ซึ่งอยู่ในแวดวงหลานๆ ของข้าราชบริพารซึ่งใกล้ชิดควีนเอลิซาเบธที่ 2 ระดับที่เรียกพระองค์ว่าสมเด็จป้าลิลิเบธ
ทั้งนี้ คุณคามิลลามีจุดบกพร่องหลักคือ มีความหรูสง่าเลอเลิศไม่เพียงพอ แม้จะมีฐานะทางสังคมสูงระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ร่ำรวยมหาศาล อีกทั้งยังหรูหราดูดีไม่เพียงพอจะเป็น ว่าที่พระราชินี ดังนั้น แม้คุณคามิลลาจะมีวาสนาสูงล้นที่ได้เป็นขวัญยี่หวาของปรินซ์ออฟเวลส์ แต่ก็ยังไม่ได้ดั่งใจท่านผู้ชม ยิ่งกว่านั้น ชีวิตส่วนตัวของคุณคามิลลาในห้วงก่อนที่จะไปเป็นพระคู่รักของปรินซ์ชาร์ลส์ผู้ทรงเป็นปรินซ์ออฟเวลส์ ยังมีภาพลักษณ์ของหญิงสาวที่ไม่ใช่กุลสตรี
พระญาติผู้ใหญ่ที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์แห่งเวลส์ทรงรักและนับถืออย่างยิ่ง เคยกล่าวถึงคุณคามิลลาว่า เธอมีภูมิหลังที่ดุเดือดอื้อฉาวเกินกว่าที่สำนักพระราชวังจะยอมรับเข้าเป็นสะใภ้หลวง (อ่านละเอียดที่: เปิดปูมมหากาพย์รักแซ่บ “51 ปี คามิลลา-ชาร์ลส์”: จากเมียน้อยผู้เติมเต็ม สู่ว่าที่ ‘ราชินี ราชชายา’)
นอกจากนั้น เมื่อคุณคามิลลามีโอกาสที่จะได้แต่งงานเป็นทางการกับนายทหารรูปหล่อ อนาคตไกล แห่งครอบครัวขุนนางชั้นสูง เธอก็ได้ตัดสินใจตัดขาดจากความเป็นพระคู่รักระดับแฟนซุกแฟนซ่อนของปรินซ์ออฟเวลส์ในปี 1973 เพื่อไปเข้าพิธีสมรสกับว่าที่ร้อยเอกแอนดรูว์ พาร์กเกอร์ โบลส์ ผู้ชายที่ทอดทิ้งเธอไปหลายปีเพื่อไปเป็นพระคู่รักชั่วคราวของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ ซึ่งเป็นครั้งที่ร้อยกับแปดที่นายร้อยเจ้าเสน่ห์ “เท” เธอ แล้วพุ่งตัวสู่ความสัมพันธ์กับรักใหม่ๆ
จนกระทั่งเมื่อชีวิตครอบครัวของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ตลอดจนชีวิตครอบครัวของตัวเธอล้มเหลว ความสัมพันธ์โรมานซ์แห่งรักทรหด “ชาร์ลส์-คามิลลา” จึงปะทุกลับขึ้นมาใหม่ อร่อยเร้าใจกว่าเดิม ซึ่งทำให้เกิดภาพลักษณ์ของการคบชู้กลายๆ
ผู้คนจำนวนมากวิเคราะห์ว่าเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงมีอคติต่อคุณคามิลลา เพราะประเด็นหวงแฟนเก่า แต่หลากหลายผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเมื่อเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงยุติความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแอนดรูว์ พาร์กเกอร์ โบลส์ และทรงไปปลูกต้นรักใหม่กับว่าที่ร้อยเอกมาร์ก ฟิลลิปส์ ซึ่งเป็นความรักจริงจังไปถึงขั้นเสกสมรสกันในปี 1973 แล้วพระองค์ก็มิได้ทรงลังเลกับสัมพันธ์เดิมๆ
และที่สำคัญคือ พระองค์ทรงทราบอยู่ว่าในช่วงที่พระองค์เริ่มมีโรแมนซ์กับว่าที่ผู้กองแอนดรูว์นั้น เขาคบหาเป็นคู่รักกับคุณคามิลลา และได้ทอดทิ้งคุณคามิลลาเพื่อมาพัฒนาความสัมพันธ์กับพระองค์ จนกระทั่งว่าเมื่อถูกพระองค์บอกเลิก เขาจึงกลับไปหาคุณคามิลลาและขอคุณคามิลลาแต่งงานเยียวยาจิตใจบอบช้ำของตนเอง
ดังนั้น ประเด็นหลักที่เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงไม่ยอมรับคุณคามิลลา เป็นประเด็นที่ทรงมองว่าภูมิหลังของคุณคามิลลา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเป็นแม่ม่ายหย่าร้าง ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะก้าวขึ้นเป็นพระราชินีมเหสี เพราะจะบั่นทอนความศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่จะต้องปกปักษ์พิทักษ์พระศาสนาอันได้แก่ Church of England “คริสตจักรแห่งอังกฤษ” ซึ่งถือว่าการแต่งงานกับสตรีที่หย่าร้างโดยที่ฝ่ายสามียังไม่เสียชีวิต เป็นการผิดประเวณี ผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์ชี้ไว้อย่างนั้น
ทั้งนี้ แม้กระทั่งในกรณีของเจ้าหญิงไดอานา สเปนเซอร์ พระชายาของปรินซ์ชาร์ลส์ซึ่งคบชู้สู่ชายหลายราย และดัชเชสซาราห์ เฟอร์กูสัน พระชายาของปรินซ์แอนดรูว์ซึ่งก็คบชู้สู่ชายเป็นจำนวนมากเช่นกันนั้น เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ก็ทรงไม่ยอมรับทั้งสอง
“เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ก็ทรงมีท่าทีเย็นชากับเจ้าหญิงไดอานา และกับดัชเชสซาราห์” แอนเจลา เลเวิน ระบุไว้ในตอนหนึ่งของหนังสือชีวประวัติดัชเชสคามิลลา เรื่อง คามิลลา ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์: จากคนนอกพระราชวงศ์ สู่พระราชินีมเหสี
ส่วนสำหรับมิตรภาพระหว่างเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ กับ แอนดรูว์ พาร์กเกอร์ โบลส์ ที่ยืนยาวมาถึงปัจจุบัน เป็นอานิสงส์จากความที่แอนดรูว์ โดดเด่นอย่างยิ่งในด้านความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ อีกทั้งยังได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธและพระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ในเรื่องศักยภาพการรับมือกับภัยก่อการร้าย แอนดรูว์จึงยังเป็นพระสหายคนสนิทของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์จวบจนทุกวันนี้ ตลอดจนเป็นข้าราชบริพารที่ปฏิบัติงานถวายควีนเอลิซาเบธอย่างใกล้ชิด
จุดอ่อนอีกประการหนึ่งของคุณคามิลลา เป็นประเด็นที่เกิดจากอคติของผู้คนวงเล็กๆ จำนวนหนึ่งซึ่งมีความไม่พอใจต่อ แอนดรูว์ พาร์กเกอร์ โบลส์ อดีตสามีของคุณคามิลลา และอิจฉาเกลียดชังคุณคามิลลาซึ่งครองพระหทัยของปรินซ์ออฟเวลส์ได้อย่างเหนียวแน่น ผู้คนเหล่านี้กล่าวร้ายใส่ความว่าแอนดรูว์ พาร์กเกอร์ โบลส์เป็นผู้ยุยงและวางแผน อีกทั้งสนับสนุนให้คุณคามิลลาปอกลอกหลอกเอาผลประโยชน์จากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์
ด้วยรักแท้ที่ร้อยรัดไว้แน่นหนา เมื่อคุณคามิลลาหย่าร้างเป็นอิสระจากแอนดรูว์ พาร์กเกอร์ โบลส์ ในปี 1995 และเมื่อปรินซ์ชาร์ลส์ทรงเสร็จสิ้นกระบวนการหย่าร้างจากปรินเซสไดอานาในปี 1996 เรียบร้อยแล้ว ปรินซ์ชาร์ลส์และคุณคามิลลาก็ทรงใช้ชีวิตด้วยกันอย่างเงียบๆ ที่พระตำหนักไฮโกรฟเฮาส์ในเคาน์ตีกลอสเตอร์เชอร์ใกล้ชายแดนติดกับเวลส์และห่างจากกรุงลอนดอนประมาณ 170 กิโลเมตร ซึ่งเอื้อให้ได้ห่างไกลจากกองทัพนักข่าวและบรรดาแรงกดดันตลอดจนกระแสต่อต้านเกลียดชังต่อคุณคามิลลา
สาธารณชนค่อยๆ ลืมอดีตว้าวุ่นแห่งรักเจ้าปัญหาระหว่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าหญิงไดอานา และคุณคามิลลา และต่อมาในปี 2002 มีการเปลี่ยนกฎแห่งพระคริสตจักรแห่งอังกฤษ (Church of England) ที่เปิดทางให้องค์รัชทายาทแห่งพระราชบัลลังก์สามารถแต่งงานกับสตรีหย่าร้างได้ จากกฎเดิมที่ห้ามไว้อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีที่สามีเดิมยังมีลมหายใจ เพราะถือว่าเป็นการผิดประเวณี และหากจะเดินหน้าแต่งงานตามความปรารถนา องค์รัชทายาทก็จะเสียสิทธิในพระราชบัลลังก์ กฎเหล็กข้อนี้เคยทำให้กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 8 ทรงต้องสละราชบัลลังก์ เพื่อจะได้สมรสกับแม่ม่ายอเมริกัน นางวิลลิส ซิมป์สัน
หลังจากนั้นหนึ่งปี เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และคุณคามิลลาทรงย้ายเข้าประทับในพระตำหนักแคลเรนซ์เฮาส์ กรุงลอนดอน และเมื่ออคติอันรุนแรงที่สาธารณชนมีต่อคุณคามิลลาทยอยอ่อนแรงลง พร้อมกับมีกระแสใหม่แห่งการยอมรับว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กับคุณคามิลลาทรงรักใคร่ผูกพันกันอย่างแท้จริง ตลอดจนการยอมรับกันว่าปรินซ์ทรงมีความสุขมากขึ้นอย่างผิดหูผิดตาจากเมื่อทศวรรษ 1990
ในที่สุด เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงจัดให้มีการแต่งงานแบบที่รอมชอมและให้เกียรติแก่พระศาสนจักรอย่างที่สุด โดยงดเว้นพระราชพิธีมิสซารับศีลอภิเษกสมรสในโบสถ์ แล้วทดแทนด้วย 2 พิธี คือ ในส่วนแรกเป็นการจดทะเบียนสมรสแบบเดียวกับประชาชนทั้งปวง ณ ที่ทำการของรัฐซึ่งอยู่นอกพระราชฐานวินด์เซอร์ ในวันที่ 9 เมษายน 2005 ในการนี้ สมเด็จพระราชมารดา ผู้ทรงมีฐานะผู้พิทักษ์คริสตจักรแห่งอังกฤษ ไม่เสด็จเข้าร่วมในส่วนนี้ หลังจากนั้น ในส่วนที่สอง คือ การเข้าพิธีมิสซาถวายพระพรพระคู่สมรสในวิหารเซนต์จอร์จ ณ พระราชวังวินด์เซอร์ ซึ่งก็เป็นการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ยั่งยืน 35 ปีไปในตัว
ทั้งนี้ อาจนับได้ว่าการจดทะเบียนสมรส ซึ่งเป็นการรับรองสถานภาพทางกฎหมายให้แก่คุณคามิลลา (พร้อมกับมอบพระอิสริยยศดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ไปด้วยโดยทันที) ก็คือรางวัลตอบแทน “รักแท้” และ “ความผูกพันอันซื่อสัตย์ภักดี” ที่คุณคามิลลาถวายแด่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ โดยคุณคามิลลาได้ถวายความจงรักภักดีทั้งหมดทั้งมวลแด่ปรินซ์ ไม่ต่อต้าน ไม่เป็นปฏิปักษ์ และยอมตามพระองค์ทุกสิ่งอย่าง
ในการนี้ เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงแสดงสปิริตใจกว้างอย่างยิ่ง โดยทรงเข้าร่วมงานทั้งช่วงการจดทะเบียน และช่วงพระราชพิธีมิสซาถวายพระพร แม้ความรู้สึกไม่ยอมรับยังคงอยู่ในพระทัยก็ตาม ซึ่งความรู้สึกของพระองค์สอดคล้องกับกระแสสังคมที่ไม่ต่อต้านเรื่องการจดทะเบียนสมรส แต่ก็ไม่ต้องการเห็นดัชเชสคามิลลาก้าวขึ้นเป็นพระราชินีอังกฤษในอนาคต
ประเด็นขัดแย้งรุนแรงนี้ปะทุขึ้นมาซีรีส์หนึ่งในช่วงเดือนตุลาคม 2021 โดยแหล่งข่าววงในพระราชสำนักหลายรายเผยกับสื่อต่างๆ ว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์น่าจะเบี้ยวคำสัญญาดั้งเดิมที่จะให้ดัชเชสคามิลลาครองพระอิสริยยศ Princess Consort หรือก็คือ เจ้าหญิงมเหสี เมื่อตัวพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์อังกฤษ โดยอาจจะตัดสินพระทัยดำเนินการให้ดัชเชสสุดที่รักของพระองค์ได้รับพระอิสริยยศแห่ง Queen Consort พระราชินีมเหสี
ทั้งนี้ ปมสำคัญเรื่องดัชเชสคามิลลากับตำแหน่งพระราชินีมเหสีนี้ เคยถูกย้ำในเดือนมีนาคม 2020 เมื่อพระตำหนักคลาเรนซ์เฮาส์ของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่งดังนี้
“ความตั้งพระทัยมีอยู่ว่าดัชเชสคามิลลาจะทรงเป็นที่เรียกขานกันว่า ปรินเซสคอนสอร์ต เมื่อเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงขึ้นครองราชย์ เรื่องนี้เคยประกาศกันในห้วงแห่งการอภิเษกสมรส และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ”
อย่างไรก็ตาม สื่อผู้หญิงค่ายดัง เฮาส์แอนด์โฮม นำเสนอสกู๊ปบอกว่ารายงานข่าวของหลากหลายแหล่งนำเสนอว่า ขณะนี้เจ้าฟ้าหญิงแอนน์กับดัชเชสคามิลลาทรงงัดข้อกัน เพราะมีความเป็นไปได้ว่าตำแหน่งของดัชเชสจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงเตรียมจะโปรดให้ดัชเชสได้เป็น ควีนคอนสอร์ต เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ แม้ว่าที่ผ่านมา ทรงสัญญากับพระราชตระกูลว่าจะให้ดัชเชสได้เป็นแค่ปรินเซสคอนสอร์ต
พร้อมนี้ เฮาส์แอนด์โฮมอ้างคำพูดของเพนนี จูเนอร์ นักเขียนและผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์อังกฤษว่า กระแสข่าวดัชเชสคามิลลาจะได้ขึ้นเป็นควีนคอนสอร์ต สร้างความเกรี้ยวโกรธแก่เจ้าฟ้าหญิงแอนน์อย่างหาประมาณมิได้ และพระองค์ทรงตรัสถึงความรู้สึกไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงนี้ต่อพระเชษฐาชาร์ลส์และพระชายาของพระเชษฐาไปอย่างมากมาย
“เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงกล่าวออกไปตรงๆ เลยว่าดัชเชสคามิลลาจะไม่มีวันเป็นพระราชินีที่แท้จริงในสายตาของพสกนิกรชาวอังกฤษ” เพนนี จูเนอร์ เล่าไว้อย่างนั้น พร้อมทำนายว่าหากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงฝืนเดินหน้าตามนี้ พระองค์จะต้องเผชิญกับแรงต้านมากมาย เฮาส์แอนด์โฮมรายงาน
วิกฤติเล็กๆ ถูกลืมเลือนไปภายในวันเวลาที่เคลื่อนไหล แล้วสิ่งที่เคยเป็นอะไรที่ไม่น่าปรารถนาก็คลี่คลาย รวมถึงเรื่องของเงื่อนปมแห่งพระอิสริยยศ เจ้าหญิงมเหสี กับ พระราชินีมเหสี ที่เคยถูกต่อต้านหนักหนา
ทั้งนี้ ณ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2022 ในสาส์นจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 สู่ประชาชนเนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองปีแห่งการครองราชสมบัติครบ 7 ทศวรรษ ควีนเอลิซาเบธทรงมีพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า พระองค์ทรงปรารถนาให้ดัชเชสคามิลลาแห่งคอร์นวอลล์ถูกกล่าวขานถึงในฐานะพระราชินีมเหสี เมื่อเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงก้าวขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์
เมื่อองค์กษัตริยาณีทรงตรัส ปมขัดแย้งทั้งปวงจึงเป็นอันยุติ
จนกระทั่งมาถึงวันที่ 8 กันยายน 2022 สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเสด็จสวรรคต และเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงเสด็จขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรโดยทันที เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ซึ่งเป็นที่นับถือและชื่นชมอย่างมหาศาลในหมู่ประชาชน ได้ทรงถวายความจงรักภักดีเป็นที่พอพระราชหฤทัยของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3
เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงได้รับการเชิดชูพระเกียรติยศเป็นพิเศษในหลายวโรกาสของพระราชตระกูล เช่น ในการเข้าร่วมพระราชพิธีมิสซาอีสเตอร์ซันเดย์เดือนเมษายน 2023 มีการปรับลำดับโปเจียมเล็กน้อยสำหรับลำดับการเดินจากพระราชวังวินด์เซอร์สู่วิหารเซนต์จอร์จ และการเดินเข้าสู่ด้านในของพระวิหาร โดยจัดเป็นกลุ่มเจเนอเรชัน ซึ่งกลุ่มแรกเป็นกลุ่มเจเนอเรชันรุ่นใหญ่ ประกอบด้วยกษัตริย์ชาร์ลส์และควีนคามิลลา ตลอดจนพระราชกนิษฐาพร้อมพระสวามี และพระราชอนุชาพร้อมพระชายา แล้วกลุ่มต่อมาเป็นกลุ่มเจเนอเรชันรุ่นเล็ก ประกอบด้วยพระโอรสพระธิดาพร้อมพระนัดดา
ในการนี้ เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงได้รับพระเกียรติอย่างสำคัญยิ่ง โดยทรงได้ลำดับซึ่งติดหลังคิงชาร์ลส์และเคียงข้างกับพระอนุชาแอนดรูว์ ส่วนพระสวามีเซอร์ทิโมที ลอเรนซ์ อยู่ท้ายกลุ่มเจเนอเรชันรุ่นใหญ่ โดยตามหลังพระครอบครัวของปรินซ์เอ็ดเวิร์ด และอยู่ระนาบเดียวกับพระครอบครัวของเลดีซาราห์ ชาต์โตว์ พระธิดาของเจ้าหญิงมาร์กาเรต ทั้งนี้เป็นการปรับเปลี่ยนจากเดิมที่เจ้าฟ้าหญิงแอนน์จะทรงตามหลังพระอนุชาแอนดรูว์และพระอนุชาเอ็ดเวิร์ดมาโดยตลอด
โปเจียมที่ถูกปรับเปลี่ยนดังกล่าวนี้ กระทบลำดับของพระครอบครัวปรินซ์วิลเลียม จากเดิมที่จะทรงตามติดด้านหลังของพระราชบิดา ก็ย้ายไปในกลุ่มปิดท้ายขบวน โดยมีคุณปีเตอร์ ฟิลลิปส์ พระโอรสของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ กับคุณซามูแอล ชาต์โตว์ พระโอรสของเลดีซาราห์ เดินคู่กันเป็นลำดับสุดท้าย
นอกจากนั้น พระองค์ยังได้รับบทบาทสำคัญในวโรกาสต่างๆ ของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 อย่างสมพระฐานะพระกนิษฐาเจ้าโดยตลอดหลายไตรมาสที่คิงชาร์ลส์ทรงครองพระราชบัลลังก์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การได้รับบทบาทสำคัญอย่างยิ่งและอย่างโดดเด่นในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระเชษฐา คิงชาร์ลส์ ในวันดีๆ วันที่ 6 พฤษภาคม 2023
เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงได้รับมอบให้เป็นพระราชองครักษ์ส่วนพระองค์ของคิงชาร์ลส์ ในฐานะพระราชองครักษ์ผู้ครองคทาทองคำ ในการนี้พระองค์ซึ่งอยู่ในเครื่องแบบทหารยศพลเอก ทรงประทับม้าและติดตามพิทักษ์พระราชรถทองคำ Gold State Coach ประจำตำแหน่งคิงชาร์ลส์และควีนคามิลลา มุ่งหน้าสู่พระราชวังบัคกิงแฮม พร้อมนี้ เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงนำนายทหาร 6,000 นาย ยาตราไปตามถนนสายต่างๆ ของกรุงลอนดอน นิตยสารพีเพิลรายงานอย่างนั้น
กระนั้นก็ตาม ในท่ามกลางบรรยากาศราบรื่นทั้งปวง กระแสต่อต้านพระราชินีมเหสีคามิลลา ได้อุบัติขึ้นอีกครั้งหนึ่งและเริ่มเป็นข่าวออกมาในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม 2023 เมื่อบัตรเชิญแขกผู้ใหญ่เข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้น ระบุพระอิสริยยศของพระราชินีคามิลลาว่า “ควีนคามิลลา” จากเดิมที่เป็นคำว่า “ควีนคอนสอร์ตคามิลลา”
ข่าวสะพัดเป็นไวรัลออกไปว่า เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงไม่พอพระทัยและทรงเล่นงานพระราชินีมเหสีคามิลลา ต่อหน้าสมาชิกพระราชวงศ์ทั้งปวง ในช่วงงานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำรายการหนึ่งซึ่งมีเฉพาะพระญาติ
เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงเผชิญหน้าควีนคามิลลาในเรื่องตำแหน่งควีน ในงานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำอันสุดแสนจะตึงเครียด เดอะมิร์เรอร์รายงาน
โดยเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงตรัสใส่หน้าควีนคามิลลาว่า “เธอไม่ใช่สมเด็จพระราชินีนาถ เธอเป็นแค่พระราชินีมเหสี” เดอะมิร์เรอร์รายงานอย่างนั้น
หรือก็คือ เธอไม่ใช่ ‘ควีน’ เธอเป็นแค่ ‘ควีนคอนสอร์ต’
ผู้ที่ยืนยันข่าวนี้ ได้แก่ อดีตช่างเสื้อของเจ้าหญิงไดอานาผู้ล่วงลับ นามว่า เดวิด เอ็มมานูแอล ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวนี้ไว้ในรายการสนทนาข่าวของช่องจีบีนิวส์
“ผมได้รับฟังมาว่าในช่วงงานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำรายการหนึ่ง เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงตรัสใส่พระพักตร์ควีนคามิลลาว่า ‘เธอไม่ใช่ควีน เธอเป็นควีนคอนสอร์ต’ เท่านั้น” เดวิด เอ็มมานูแอล กล่าวออกอากาศโทรทัศน์ช่องจีบีนิวส์
โดยย้ำว่าผู้ที่เล่าให้ฟังมีหลายราย พร้อมกับบอกด้วยว่าบรรยากาศในที่เกิดเหตุตึงเครียดทีเดียว เพราะมีผู้คนมากมายที่ “ไม่พึงพอใจ” ที่ควีนคามิลลาจะถูกกล่าวถึงด้วยคำว่า ควีน แทนที่จะเป็นคำว่า ควีนคอนสอร์ต
เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาในทำนองว่ามีการเบี้ยวพระราชดำรัสของควีนเอลิซาเบธที่ 2 เพราะพระองค์ทรงตรัสไว้แล้วว่า เมื่อเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์เสด็จขึ้นครองราชย์ ดัชเชสคามิลลาจะได้เป็น “ควีนคอนสอร์ต” ซึ่งเป็นพระอิสริยยศของพระคู่สมรสแห่งพระมหากษัตริย์
อย่างไรก็ตาม กระแสวิพากษ์วิจารณ์ไม่เห็นด้วยและไม่พอใจ ซึ่งถูกกระพือให้กระหึ่มขึ้นมา ก็ไม่บานปลายมากมาย เพราะเห็นได้ว่าคิงชาร์ลส์ทรงเคลียร์กับพระกนิษฐาแอนน์ได้เป็นที่เรียบร้อย นอกจากนั้น ในเมื่อไม่มีการกระซิบข้อมูลเพิ่มเติมไปยังสื่อมวลชน และในเมื่อไม่มีปฏิกิริยาจากพระราชสำนักไปต่อยอดหรือหล่อเลี้ยงกระแส ดังนั้น ด้วยกุศโลบายหลักของพระราชวงศ์ ที่จะทรงไม่โต้ตอบ-ไม่อธิบาย ดรามาอันดุเดือดในสื่อมวลชนก็โรยราโรยแรงลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงการเฉลิมฉลองเทศกาลพระคริสตสมภพในถิ่นแซนดริงแฮมในเดือนธันวาคม 2023 สถานการณ์ความสัมพันธ์ของพระราชวงศ์ได้พลิกผันไปในทางบวก จากหลังมือเป็นหน้ามือ
ด้วยปัจจัยภัยคุกคามจากปรินซ์แฮร์รีและดัชเชสเมแกนซึ่งรวมถึงพลังป่วนจากหนังสือ Endgame สมาชิกแห่งพระราชวงศ์อังกฤษได้ร่วมพระทัยกันอย่างเข้มแข็ง และภาพงดงามเอื้ออารีต่อกันในระหว่างเจ้าฟ้าหญิงแอนน์กับควีนคามิลลา จึงปรากฏให้ประชาชนได้ปลื้มใจกันโดยทั่วหน้า
โดยในเช้าสดใสของวันคริสตมาสอีฟ 24 ธันวาคม 2023 การเฉลิมฉลองเทศกาลพระคริสตสมภพของสมาชิกพระราชตระกูลวินด์เซอร์เริ่มขึ้นอย่างงดงาม เมื่อกษัตริย์ชาร์ลส์และควีนคามิลลา พร้อมด้วยเจ้าฟ้าหญิงแอนน์และพระสวามี พลเรือโท เซอร์ทิโมที ลอเรนซ์ ทรงพระดำเนินไปด้วยกันเพื่อเข้าพิธีมิสซาคริสต์มาสอีฟ และในระหว่างทางก็แวะทักทายชาวบ้านในถิ่นแซนดริงแฮมที่รอเฝ้าชมพระบารมี
ประชาชนและผู้สื่อข่าวจึงได้เห็นสัญญาณบวกแห่งความสัมพันธ์ของพระราชวงศ์ที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เห็น กล่าวคือ เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงยอมเดินเคียงคู่ควีนคามิลลาไปตามเส้นทางร่มรื่นเขียวชอุ่มยาวไกล 370 เมตร จากพระตำหนักแซนดริงแฮมสู่โบสถ์เซนต์มารี มักดาลีน พร้อมกับสนทนาเพลิดเพลิน ขณะที่เซอร์ทิโมที ลอเรนซ์ ขยับขึ้นไปเดินเคียงข้างกับคิงชาร์ลส์
เดลิเมลออนไลน์รายงานด้วยว่าคิงชาร์ลส์ทรงรื่นรมย์พระราชหฤทัยเป็นที่ยิ่ง ทรงโบกพระหัตถ์และส่งยิ้มอบอุ่นให้พสกนิกรได้ถ่ายภาพกันอย่างเต็มอิ่ม และในตอนหนึ่ง ทรงแวะสนทนากับเจ้าของสุนัขที่พากันมารอรับเสด็จด้วย
ภาพสมานฉันท์อันน่าชื่นชมดังกล่าวนี้สอดคล้องกับถ้อยคำและท่าทีเชิงบวกที่เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงตรัสถึงควีนคามิลลา ซึ่งทรงประทานสัมภาษณ์ไว้ในตอนหนึ่งของภาพยนตร์สารคดี 90 นาทีว่าด้วยเบื้องหลังการตระเตรียมพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และหนึ่งปีแรกของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 บนพระราชบังลังก์พระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักร ชื่อเรื่องว่า Charles III: The Coronation ซึ่งมีกำหนดออกอากาศทางช่อง BBC One ในค่ำวันที่ 26 ธันวาคม แต่สื่อหลายค่ายหยิบไฮไลต์เด็ดๆ มานำเสนอให้ประชาชนได้รับทราบตั้งแต่ 23 ธันวาคม
“ดิฉันรู้จักพระองค์มานานค่ะ ได้พบกันบ้าง ห่างๆ กันไปบ้าง ควีนทรงเข้าพระทัยถึงบทบาทของพระองค์ และทรงตระหนักเป็นอย่างดีว่าบทบาทของพระองค์จะสร้างผลกระทบต่อคิงชาร์ลส์ในทางดีหรือทางร้ายได้มากมายเพียงใด ซึ่งทั้งสองส่วนนี้ดำเนินมาด้วยดีอย่างเห็นได้ชัดเป็นที่ยิ่ง” นิตยสารคอสโมโพลิแทนรายงานว่าเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงกล่าวถึงควีนคามิลลาอย่างนั้น
“บทบาทนี้ไม่ใช่ว่าพระองค์จะทรงทำได้ดีโดยอัตโนมัติ แต่พระองค์ก็ทรงทำได้อย่างดีจริงๆ ค่ะ” คอสโมโพลิแทนรายงาน และบอกด้วยว่าเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงระบุว่าควีนคามิลลาทรงทันสมัยและสามารถก้าวตามพระราชสวามีได้ ทั้งในเรื่องวิสัยทัศน์ที่กว้างและไกลต่อเรื่องของพระราชวงศ์ และเรื่องของบทบาทหน้าที่ในฐานะพระมหากษัตริย์
พร้อมนี้ เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ทรงกล่าวถึงการสืบทอดพระราชบัลลังก์ในบรรยากาศที่แสดงออกถึงความภักดีและเชื่อมั่นในพระเชษฐาว่าทรงใจถึงอย่างยิ่งในการก้าวขึ้นแบกรับความรับผิดชอบอันใหญ่หลวง
“บอกตรงๆ นะคะ ดิฉันไม่แน่ใจหรอกค่ะว่าใครจะสามารถเตรียมตนเองมารับพระราชภารกิจนี้ให้ราบรื่นได้ มันไม่ง่ายเลยค่ะ แต่เมื่อความเปลี่ยนแปลงอุบัติขึ้น คุณก็ต้องลุย ‘เอาล่ะ ตอนนี้ฉันต้องเดินหน้าดำเนินพระราชภารกิจให้ลุล่วงไป’.”
จับตา ‘คุณมีอา ทินเดลล์’ พระนัดดาของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ โซ่ข้อกลางแห่งพลังสมานฉันท์พระราชวงศ์รุ่นกระเตาะ: จูงมือปรินซ์หลุยส์ ช่วยเจ้าหญิงเคทรับช่อดอกไม้จากประชาชน
ชาวบ้านในถิ่นแซนดริงแฮมประมาณหนึ่งพันรายซึ่งพากันมารอเฝ้าชมพระบารมีของสมาชิกพระราชวงศ์ ที่บริเวณเส้นทางเดินไปสู่โบสถ์เซนต์มารี มักดาลีน ได้เห็นบรรยากาศใหม่ๆ ในความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างพระราชวงศ์รุ่นกระเตาะแห่งเจเนอเรชันพระราชปนัดดา (เหลน) แห่งควีนเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งมาเข้าร่วมฉลองคริสต์มาส 5 พระองค์/ท่าน อันได้แก่
-พระราชปนัดดาในสายของคิงชาร์ลส์ x ปรินซ์ออฟเวลส์ ได้แก่ ปรินซ์จอร์จ ปรินเซสชาร์ลอตต์ กับปรินซ์หลุยส์
(ส่วนเจ้าชายเจ้าหญิงสายซัสเซกซ์ 2 พระองค์ ยังทรงพระเยาว์และประทับอยู่ในสหรัฐฯ)
-กับพระราชปนัดดาในสายของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ x คุณซารา ฟิลลิปส์ ทินเดลล์ คือ คุณมีอา ทินเดลล์ กับคุณลีนา ทินเดลล์ (ส่วนคุณลูคัส ทินเดลล์ยังเตาะแตะในวัยไม่ถึง 3 ขวบจึงไม่ได้ถูกอุ้มมาเข้าร่วม)
(ในด้านของคุณซาวานนาห์ และคุณไอลา ในสายของคุณปีเตอร์ ฟิลลิปส์ มิได้เข้าร่วมเพราะคุณปีเตอร์ไปฉลองคริสต์มาสกับครอบครัวของแฟนสาว นามว่า ลินด์เซย์ วอลเลส)
-ทั้งนี้ พระราชปนัดดาในสายของปรินซ์แอนดรูว์ รวม 3 ท่านยังอยู่ในวัยทารก ยังเจริญวัยไม่ถึง 3 ขวบ จึงไม่ได้เข้าร่วมฉลองคริสต์มาสกับพระราชตระกูล และสำหรับพระราชปนัดดาในสายของปรินซ์เอ็ดเวิร์ดนั้น ยังไม่มี
ที่ผ่านมา ประชาชนชื่นชมหลงใหลในความสนิทสนมรักใคร่น่าเอ็นดูระหว่างคุณซาวานนาห์ ฟิลลิปส์ (13 ปี พระนัดดาของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์) กับเจ้าชายจอร์จ (10 พรรษา) รัชทายาทลำดับที่ 2 แห่งพระราชบัลลังอังกฤษ โดยปรินซ์จอร์จทรงปลื้มพระญาติผู้พี่ ที่เป็นพระพี่เอื้อยของเจเนอเรชันและมีไอเดียเล่นสนุกซุกซนมากมาย
ด้านคุณมีอาผู้แจ่มใส มีน้ำใจช่างช่วยเหลือ ซึ่งจะเจริญวัยครบ 10 ปีบริบูรณ์กลางเดือนนี้ เป็นหนึ่งในขวัญใจช่างภาพลำดับต้นๆ ของกองทัพนักข่าว คุณมีอา (พระนัดดาของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์) สนิทสนมอย่างที่สุดกับเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ (8 พรรษา) และเป็นพระญาติสนิทระดับพี่สาวคนเก่งของเจ้าชายหลุยส์
คุณมีอาได้ครอบครองดวงใจประชาชนครั้งสำคัญเมื่อมีอายุได้เพียงสองขวบเศษ โดยในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา มีการถ่ายพระรูปควีนเอลิซาเบธพร้อมพระราชปนัดดา และปรากฏว่าคุณมีอาใช้มือทั้งสองยกพระกระเป๋าของควีนขึ้นมาจากพื้นข้างพระที่นั่ง และทำการชูอวดกล้องอย่างซื่อใส น่ารักน่ากอดเป็นที่สุด ทั้งนี้ นิตยสารทาวน์แอนด์คันทรีเล่าโดยอ้างแหล่งข่าวในพระราชวังว่า ช็อตฮือฮาทอล์กออฟเดอะทาวน์นี้ ผุดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิด ไม่ได้มีการจัดฉากใดๆ ทั้งสิ้น
ความรักใคร่ผูกพันสมานฉันท์ระหว่างพระญาติรุ่นจิ๋วปรากฏให้เห็นกันทั่วประเทศ ในคราวมหกรรมเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบรอบ 70 ปีของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 กษัตริยาณีอังกฤษผู้ทรงเป็นซูเปอร์ไอดอลในดวงใจพสกนิกร ซึ่งมีการจัดกิจกรรมเป็นซีรีส์ยาว 4 วัน ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 2 - วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2022 นั้น มีโอกาสแห่งการรวมพระญาติร่วมชมขบวนแห่แพลตตินัมจูบิลีอันยิ่งใหญ่อลังการ์ ที่ประชาชนจัดมาร่วมมหกรรมเฉลิมฉลอง
ทั้งนี้ ในบรรดาแถวที่นั่งบนอัฒจันทร์รอยัลบ็อกซ์เพื่อชมการแสดงริ้วขบวนแห่แพลตินัมจูบิลี ครอบครัวของปรินซ์วิลเลียมประทับนั่ง ณ แถวหน้าสุด ส่วนแถวซึ่งอยู่ด้านหลังติดๆ กัน เป็นครอบครัวของคุณซารา ทินเดลล์ โดยคุณมีอา กับคุณลีนา นั่งตรงกลางระหว่างพระมารดากับพระบิดาไมค์ ทินเดลล์ และในภายหลังจะมีคุณซาวานนาห์ย้ายจากแถวด้านหลังติดกับเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ผู้เป็นเสด็จยาย ไปนั่งพระเก้าอี้เดียวกันกับคุณลีนา โดยอุ้มคุณลีนาขึ้นนั่งตัก
สักพักหนึ่ง คุณลีนา วัย 3 ปีซึ่งมาชมขบวนแห่แบบเตรียมตัวล่วงหน้า โดยพรั่งพร้อมด้วยสรรพกำลัง ได้แก่ แท่งลูกกวาดเยอะแยะ คุณลีนานำแท่งลูกกวาดออกแจกพี่ๆ ทำเอาเสด็จแจ้ชาร์ลอตต์ทรงประหลาดพระทัยถึงกับอุทานกันเลยทีเดียว
และแล้วศึกลูกกวาดได้อุบัติขึ้นแบบเล็กๆ เมื่อปรินซ์หลุยส์ทรงพยายามจะฉวยสักห่อ แต่คุณลีนาตัวน้อยไม่ยอมปล่อยมือ แถมพูดว่า ไม่ได้นะพี่หลุยส์ พร้อมขึงตาใส่นิดหนึ่ง ทั้งนี้เพราะคุณลีนามีลำดับบุคคลที่จะแจกก่อน เช่น เสด็จพี่ปรินซ์จอร์จ เสด็จพี่ปรินเซสชาร์ลอตต์ ฯลฯ
ตลอดเวลานี้ พสกนิกรมากมายถ่ายคลิปกันรัวๆ เป็นที่ครึกครื้น เพราะเอ็นดูความมุ้งมิ้งของสมาชิกพระราชวงศ์เจเนอเรชันที่ 5 นับจากสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ผู้ทรงเป็นต้นสาย (คิงจอร์จที่ 6 - ควีนเอลิซาเบธที่ 2 - คิงชาร์ลส์ที่ 3 - ปรินซ์วิลเลียม - ปรินซ์จอร์จ)
เมื่อมาถึงวันรวมพระญาติในเทศกาลคริสต์มาส 2023 ความสมานฉันท์และพลังใจอันแนบแน่นในพระราชวงศ์รุ่นจิ๋ว ได้ปรากฏให้พสกนิกรได้ปลาบปลื้มกันอีกวาระหนึ่ง
ทั้งนี้ มีการปรับโปเจียมเล็กน้อยในการเดินจากพระตำหนักแซนดริงแฮม สู่โบสถ์เซนต์มารี มักดาลีน กล่าวคือ คุณมีอา พระนัดดาลำดับที่ 3 ของปรินเซสแอนน์ ได้ไปเดินมุ้งมิ้งจูงพระกรปรินซ์หลุยส์ และฟังปรินซ์น้อยเมาท์มองพสกนิกรสองข้างทาง พลางแย้มพระสรวลคิกคัก โดยเดลิเมลออนไลน์รายงานว่า ปรินซ์หลุยส์ทรงยิ้มซุกซนให้กับบรรดาประชาชนที่รอรับเสด็จ แล้วหันไปยิงมุขขำๆ กับพระพี่มีอา
นอกจากนั้น หลังเสร็จพิธีมิสซาและทุกพระองค์ทุกท่านทยอยออกจากโบสถ์ เตรียมกลับสู่พระตำหนักแซนดริงแฮมเฮาส์ ซึ่งจะเป็นช่วงสำคัญของการทักทายประชาชนที่รอชมพระบารมี นั้น เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงยิ้มกระหยิ่มพระทัยเข้าไปหาคุณพี่มีอาที่แสนสนิท
กลุ่มการเคลื่อนขบวนจึงปรับเปลี่ยนนิดหน่อย โดยเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงตามหลังพระมารดาแคเธอริน และมีคุณมีอาเดินเคียงข้างสนทนาเจ๊าะแจ๊ะไปด้วยกัน
ในความเป็นสาวน้อยราศีมังกรผู้ขยันช่างขวนขวาย ซึ่งได้รับอิทธิพลคนมีน้ำใจดีงามของราศีกุมภ์ คุณมีอาแสดงความเอื้ออาทรต่อผู้หลักผู้ใหญ่โดยรีบเข้าไปช่วยเสด็จน้าเคท คือ เข้าไปช่วยถือช่อดอกไม้ที่เสด็จน้าเคทได้รับจากประชาชนเต็มอ้อมพระกรและสองพระหัตถ์ ช็อตเหล่านี้ทำให้คุณมีอาได้รับเสียงเอ็นดูชื่นชมมากมายจากชาวโซเชียลมีเดีย
บรรยากาศชื่นมื่นด้วยรอยยิ้มปรากฏอยู่ในระหว่างสมาชิกพระราชสำนักทุกสาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสายของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ โดยทรงยอมรับในควีนคามิลลาอย่างเต็มพระทัยแล้ว ขณะที่คุณมีอา พระนัดดาของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ก็มีพระโมเมนต์แนบแน่นน่ารักกับพระราชโอรสพระราชธิดาของกษัตริย์ชาร์ล์ คุณมีอาจูงมือกับปรินซ์หลุยส์ คุยเล่นเพลิดเพลินกับปรินเซสชาร์ลอตต์ เหล่านี้คือบรรยากาศครอบครัวที่แน่นแฟ้น เป็นที่ปลาบปลื้มของประชาชน ล้วนชี้บ่งว่าพระราชสำนักอังกฤษทรงเป็นปึกแผ่นในระดับที่มิได้เห็นกันมาเนิ่นนานทีเดียว
ในเวลาเดียวกัน กระแสปลาบปลื้มชื่นชมในพระราชวงศ์ก็พุ่งสูง เดลิเมลออนไลน์รายงานว่าประชาชนนับพันรายพากันมาจับจองพื้นที่ริมเส้นทางระหว่างพระตำหนักกับโบสถ์กันตั้งแต่ตี 4 เพื่อรอรับเสด็จและร้องเชียร์อวยพรวันคริสต์มาส
“บรรยากาศแบบนี้แตกต่างกับในช่วงของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เป็นอย่างยิ่ง โดยมีความทันสมัยมากขึ้น มันน่าชื่นใจเหลือเกินล่ะคะ คุณดูจากคลิปแล้วจะรู้สึกได้ถึงบางสิ่งจริงๆ คือ มันมีอารมณ์ความรู้สึกปลาบปลื้มตื้นตันมากขึ้น ดิฉันคิดว่านี่เป็นเรื่องวิเศษทรงคุณค่าค่ะ” แอนเจลา เลเวิน ประเมินกระแสตอบรับที่ประชาชนมีต่อพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ของอังกฤษไว้อย่างนั้น
ดัชเชสเฟอร์กีได้คืนสู่เวทีพระราชสำนักเป็นครั้งแรกในรอบ 32ปี และปรินซ์แอนดรูว์จะได้รับพระอุปถัมภ์ในคดีกินเด็กสาว
ขณะมุ่งหน้าเข้าพิธีมิสซาคริสต์มาส โดยเดินไปบนเส้นทางจากพื้นที่พระราชฐานแซนดริงแฮมสู่โบสถ์มารี มักดาลีน ดัชเชสซาราห์ อดีตพระชายาของปรินซ์แอนดรูว์ ยิ้มปลาบปลื้มเปี่ยมสุขในแวดล้อมของเจ้าหญิงเบียทริซ และเจ้าหญิงยูเชนี ตลอดจนสมาชิกพระราชวงศ์มากมาย เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2023
นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปีที่ซาราห์ เฟอร์กูสัน ได้กลับสู่แวดวงของพระราชตระกูลวินด์เซอร์ หลังจากที่สื่อมวลชนพากันนำเสนอข่าวน่าอับอายและภาพอื้อฉาวที่เธออยู่ในชุดเปลือยอก และมีมหาเศรษฐีเงินล้านชาวเท็กซัส นามว่า จอห์น ไบรอัน ดูดนิ้วเท้าของเธอในลีลาเคลิบเคลิ้มหลงใหล
ทั้งนี้ เดอะซันรายงานว่าแม้ดัชเชสซาราห์สามารถรักษาคำนำหน้าชื่อว่าดัชเชสไว้ได้หลังจากที่เธอกับเจ้าชายแอนดรูว์เสร็จสิ้นกระบวนการหย่าร้างกันแล้ว แต่เธอถูกจัดชั้นให้เป็นบุคคลไม่น่าพึงปรารถนาของบรรดาสมาชิกชั้นผู้ใหญ่ของพระราชตระกูล โดยที่ว่าปรินซ์ฟิลิป พระบิดาของปรินซ์แอนดรูว์ทรงรังเกียจชิงชังเธออย่างที่สุด และการสั่งห้ามเธอเข้าสู่แวดวงของพระราชสำนักนั้น ก็ตั้งต้นมาจากพระองค์
การกลับคืนสู่เวทีพระราชสำนักเกิดขึ้นด้วยน้ำพระทัยกว้างขวางของกษัตริย์ชาร์ลส์
“คิงชาร์ลส์ทรงพอพระทัยที่ดัชเชสเฟอร์กีกลับมาดูแลปรินซ์แอนดรูว์ค่ะ” อินกริด สวอร์ด บรรณาธิการอำนวยการของนิตยสารแมเจสตี ให้สัมภาษณ์แก่เดอะซันอย่างนั้น พร้อมขยายความว่า
“ดิฉันคิดว่าการที่ดัชเชสได้รับเชิญเข้าร่วมฉลองคริสต์มาสกับพระราชตระกูลในครั้งนี้ เป็นการแสดงถึงความสนับสนุนและการยอมรับที่คิงชาร์ลส์ทรงประสงค์ให้ประชาชนได้รับทราบ หลังจากที่ดัชเชสหวนกลับไปดูแลประคับประคองปรินซ์แอนดรูว์ในยามทุกข์ตรมเพราะคดีความอื้อฉาว”
นอกจากนั้น ผู้เชี่ยวชาญอินกริดประเมินไว้ว่า “คิงชาร์ลส์น่าจะไม่ทรงมอบพระกรณียกิจของพระราชสำนักให้ดัชเชส พระองค์น่าจะมีพระประสงค์เพียงให้เธอได้เข้าร่วมในกิจกรรมของพระราชตระกูลที่เป็นกิจกรรมวงใน”
ด้านผู้เชี่ยวชาญโรเบิร์ต จ็อบสัน ผู้เขียนหนังสือขายดีเรื่อง Our King: Charles III: The Man And The Monarch Revealed ให้ความเห็นแก่เดอะซันในทำนองเดียวกันว่าคิงชาร์ลส์ทรงยอมรับดัชเชสซาราห์ที่ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปแล้ว การเชิญให้เธอเข้าร่วมกิจกรรมพระราชตระกูลคือการรับทราบถึงสิ่งต่างๆ ที่ธอได้สนับสนุนพระราชวงศ์
“ดัชเชสไม่ได้ทำเรื่องเสียหายร้ายแรงมาหลายปีแล้ว นี่จึงเป็นสิ่งชี้บ่งว่าคิงชาร์ลส์ทรงผ่อนปรนลงมากเลยครับ”
ด้านปัญหาหนักของปรินซ์แอนดรูว์ ที่อาจถูกดำเนินคดีอาญาสืบเนื่องจากเอกสารคำให้การต่างๆ เกี่ยวกับคดีค้ามนุษย์ และคดีอาชญากรรมทางเพศ ของพระสหายแสนสนิท นามว่า เจฟฟรีย์ เอปสไตน์ ได้พาดพิงมาถึง ปรินซ์แอนดรูว์ และนับว้นแต่จะดุเดือดมากขึ้น นั้น ปัญหานี้กลายเป็นความท้าทายต่อความตั้งพระทัยของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่จะเสริมสร้างสนับสนุนความสมานฉันท์เป็นปึกแผ่นภายในพระราชตระกูล
โดยแนวโน้มที่ยังชัดเจนในขณะนี้มีอยู่ว่า กษัตริย์ชาร์ลส์ทรงยังคงยืนยันที่จะให้ปรินซ์แอนดรูว์เป็นส่วนหนึ่งในพระราชตระกูล และให้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในฐานะสมาชิกพระราชวงศ์ แหล่งข่าวคนใกล้ชิดกษัตริย์อังกฤษเปิดเผยไว้อย่างนั้นกับ เดอะเดลีบีสต์
ในเวลาเดียวกัน พระสหายอีกหลายรายของคิงชาร์ลส์บอกเดอะเดลีบีสต์ด้วยว่า ปรินซ์แอนดรูว์จะทรงได้รับ “ความสนับสนุนช่วยเหลืออย่างเต็มที่” จากพระเชษฐา หลังจากที่มีข้อกล่าวหาต่างๆ ผุดขึ้นมายืนยันว่าปรินซ์ทรงเข้าร่วมในกิจกรรมการร่วมเพศกับเด็กสาวอายุน้อยที่ซ่องคฤหาสน์สุดหรูของเจฟฟรีย เอปสไตน์ ผู้เป็นนักการเงิน ล็อบบียิสต์ และพ่อเล้าไฮโซระหว่างประเทศ
นอกจากนั้น เดอะเดลีบีสต์ยังได้ข้อมูลจากอดีตข้าราชบริพารในสำนักพระราชวังบัคกิงแฮมว่า ปรินซ์แอนดรูว์น่าจะได้เปิดเผยข้อมูลอย่างหมดเปลือกกับคิงชาร์ลส์ไปทั้งสิ้นแล้วตั้งแต่ที่ได้พบกันในช่วงคริสต์มาส ว่าเอกสารที่พาดพิงถึงตัวปรินซ์นั้น มีประเด็นอะไรบ้าง
“สิ่งหนึ่งที่พระราชสำนักทรงไม่โปรดอย่างยิ่งคือการถูกปกปิดข้อมูล ซึ่งก็รู้สึกได้ว่าไม่มีความช็อกใดๆ เกิดขึ้น เมื่อศาลสหรัฐฯ นำเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีมาเปิดเผย น่าจะเป็นได้ว่าทีมของปรินซ์แอนดรูว์ และทีมของคิงชาร์ลส์ล้วนทราบกันแล้วว่าจะมีข้อมูลอะไรปรากฏออกมา” แหล่งข่าวรายดังกล่าวกล่าวกับเดอะเดลีบีสต์อย่างนั้น
เมื่อถูกถามว่าคิงชาร์ลส์จะทรงเดินหน้าช่วยเหลือสนับสนุนพระอนุชาต่อไปหรือไม่ อดีตข้าราชบริพารรายดังกล่าวตอบว่า
“พระองค์ทรงไม่มีทางเลือก และภาพจะออกมาย่ำแย่หนัก หากจู่ๆ ก็จะเทเจ้าชายแอนดรูว์กันอีกรอบ”
การเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นภายในพระราชตระกูลจึงยังอยู่ในโมเมนตัมดีงาม และน่าจะยั่งยืนทีเดียว ซึ่งนี่จะเป็นผลดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อังกฤษในระยะยาว
คอลัมน์ PLANET No.3
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เดลิเมลออนไลน์ จีบีนิวส์ เพจซิกส์ นิวยอร์กโพสต์ เดอะไทมส์ ซันเดย์ไทมส์ ดิเอ็กซ์เพรส เดอะซัน เดอะเทเลกราฟ พีเพิล เดอะมิร์เรอร์ ทาวน์แอนด์คันทรี เดอะเดลีบีสต์)