อิสราเอลคุยสามารถถอนรากถอนโคนโครงสร้างทางทหารของกลุ่มฮามาส ในบริเวณตอนเหนือของฉนวนกาซาเสร็จสิ้นแล้ว และจะโฟกัสที่ตอนกลางและตอนใต้ต่อไปตลอดปีนี้ พร้อมทั้งคำรามใส่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์กำลังลากเลบานอนเข้าสู่สงครามโดยไม่จำเป็น ด้านอเมริกาและอียูส่งนักการทูตระดับสูงเยือนตะวันออกกลางหวังหาทางป้องกันไม่ให้สถานการณ์บานปลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างอิสราเอลกับเลบานอน
กองทัพอิสราเอลแถลงเมื่อคืนวันเสาร์ (6 ม.ค.) ว่า เสร็จสิ้นการทำลายโครงสร้างทางทหารของฮามาสทางตอนเหนือของกาซาแล้ว และจะโฟกัสที่ตอนกลางและตอนใต้ของดินแดนแห่งนี้ต่อไป โดยการสู้รบจะดำเนินต่อเนื่องตลอดปีนี้ และอิสราเอลกำลังวางแผนเพื่อบรรลุเป้าหมายในการกวาดล้างฮามาส
เวลาเดียวกัน แนวโน้มที่สงครามอาจลุกลามออกนอกฉนวนกาซา ได้รับการตอกย้ำอีกครั้งจากคำแถลงของ แดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล ที่เตือนว่า กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน กำลังลากเลบานอนเข้าสู่สงครามโดยไม่จำเป็น
เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันเสาร์ ฮิซบอลเลาะห์ยิงจรวดโจมตีฐานทัพอิสราเอลกว่า 60 ลูกเพื่อตอบโต้ที่ซาเลห์ อัล-อารูรี รองผู้นำฮามาสถูกสังหารด้วยโดรนในกรุงเบรุตของเลบานอนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่เชื่อกันว่าเป็นฝีมือของรัฐยิว
นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ยังประกาศว่าจะยังคงปฏิบัติการทางทหารในกาซาต่อไปเพื่อกำจัดฮามาส พาตัวประกันกลับบ้าน และทำให้แน่ใจว่า กาซาจะไม่เป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอลอีกต่อไป
สงครามกาซาเริ่มต้นขึ้นหลังจากฮามาสจู่โจมข้ามพรมแดนเข้าไปสังหารผู้คนในอิสราเอลราว 1,140 คน และจับตัวประกันราว 250 คนกลับกาซาเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และอิสราเอลตอบโต้ด้วยการระดมโจมตีทางอากาศและบุกภาคพื้นดินเข้าสู่กาซา ซึ่งได้สังหารผู้คนไปอย่างน้อย 22,835 คน และบาดเจ็บ 58,416 คน ตามตัวเลขอัปเดตล่าสุดจนถึงวันอาทิตย์ (7 ม.ค.)
เอเอฟพียังรายงานว่า อิสราเอลโจมตีเมืองราฟาห์ และเมืองข่านยูนิสทางใต้ของกาซาเมื่อวันเสาร์ รวมทั้งยังบุกโจมตีเมืองเจนิน ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์เมื่อเช้าวันอาทิตย์ (7 ) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 คน หลังจากก่อนหน้านั้นรถของตำรวจชายแดนอิสราเอลถูกระเบิดระหว่างปฏิบัติการในเจนิน เป็นเหตุให้ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง
ขณะเดียวกัน นักการทูตระดับสูงของตะวันตกยกขบวนไปยังตะวันออกกลางในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อฟื้นความพยายามในการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพิ่มเข้าสู่กาซา รวมทั้งหาทางป้องกันไม่ให้สงครามบานปลายอย่างที่หลายฝ่ายกำลังวิตก
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางถึงจอร์แดนเมื่อคืนวันเสาร์ โดยมีกำหนดเข้าพบกษัตริย์อับดุลเลาะห์ที่ 2 ในวันอาทิตย์ ก่อนเดินทางต่อไปยังกาตาร์และอาบูดาบีในวันเดียวกัน รวมทั้งจะเดินทางไปยังอิสราเอลและเวสต์แบงก์ในสัปดาห์นี้
ขณะที่ อัยมาน ซาฟาดี รัฐมนตรีต่างประเทศจอร์แดน ย้ำถึงความจำเป็นในการยุติการรุกรานของอิสราเอลทันที รวมถึงปกป้องพลเรือนในฉนวนกาซา และจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการแพทย์อย่างเหมาะสมและยั่งยืนให้แก่ประชาชนทั่วทั้งกาซา
ทางด้านบลิงเคนให้สัมภาษณ์ที่กรีซก่อนหน้านี้ว่า หนึ่งในข้อกังวลอย่างแท้จริงขณะนี้คือพรมแดนระหว่างอิสราเอลกับเลบานอน ซึ่งอเมริกาต้องการทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้แน่ใจว่าสถานการณ์จะไม่ลุกลาม
เขายังเรียกร้องให้ประเทศที่เกี่ยวข้องใช้สายสัมพันธ์และอิทธิพลที่มีเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม และสำทับว่า ตุรกีมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า ระหว่างพบกับประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน เมื่อวันเสาร์ บลิงเคนได้ย้ำความจำเป็นในการป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งในกาซาบานปลาย
ขณะเดียวกัน โจเซฟ บอร์เรลล์ ประธานฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) เดินทางถึงเบรุตเมื่อวันเสาร์ และได้พบกับเจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ อันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามป้องกันไม่ให้เลบานอนถูกดึงเข้าสู่สงคราม
สื่อเลบานอนรายงานว่า บอร์เรลล์ยังได้หารือกับโมฮัมหมัด ราอัด ผู้นำในรัฐสภาของฮิซบอลเลาะห์
นอกจากนี้ บอร์เรลล์ยังมีแผนเดินทางไปซาอุดีอาระเบียเพื่อหารือใน “โครงการริเริ่มอียู-อาหรับ” เพื่อสันติภาพ
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)