ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เทสลา เริ่มเรียกคืนรถยนต์กว่า 2 ล้านคันในสหรัฐฯ สืบเนื่องจากความเสี่ยงต่างๆที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ออโตไพลอต จากการเปิดเผยของหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบด้านความปลอดภัยของอเมริกาในวันพุธ(13ธ.ค.)
ความเคลื่อนไหวเรียกคืนรถยนต์ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาของเทสลาหนนี้ ดูเหมือนจะครอบคลุมรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลาเกือบทุกคันที่แล่นอยู่บนท้องถนนในสหรัฐฯ เพื่อรับประกันว่าบรรดาผู้ขับขี่จะให้ความใส่ใจมากกว่าเดิมตอนที่ใช้ระบบนี้
ในเอกสารเรียกคืนของเทสลา ระบุว่าระบบซอฟต์แวร์ออโตไพลอต "อาจไม่เพียงพอที่จะป้องกันผู้ขับขี่จากการใช้งานผิดๆและอาจเพิ่มความเสี่ยงของอุบัติเหตุ" ทั้งนี้การปรับปรุงระบบซอฟต์แวร์ในรถยนต์ จะเพิ่มระบบควบคุมและแจ้งเตือนผู้ขับขี่เพื่อให้มีการขับรถยนต์ด้วยความรับผิดชอบ รวมถึงระบบแจ้งเตือนเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นให้พวกผู้ขับขี่วางมือบนพวงมาลัยอยู่ตลอด
สำนักงานความปลอดภัยด้านการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐฯ (NHTSA) ระบุว่า ผลการสอบสวนพบว่า ระบบออโตไพลอตมีความบกพร่องในการตรวจจับการมีสมาธิในการขับรถของผู้ขับขี่ ทำให้ผู้ขับบางรายมีการใช้ระบบดังกล่าวในทางที่ผิด ซึ่งในการทดสอบพบว่า ระบบออโตไพลอตไม่มีการแจ้งเตือน แม้ว่าคนขับอยู่ในอาการเมาสุรา หรือนั่งในเบาะหลังของรถยนต์
ประกาศจาก NHTSA ระบุว่าในกรณีต่างๆ ที่ผู้ขับขี่ใช้งานโปรแกรมช่วยขับในทางที่ผิด หรือไม่ตระหนักยามที่ระบบทำงานไม่ราบรื่น "บางทีมันอาจเพิ่มความเสี่ยงของอุบัติเหตุชนกัน"
การเรียกคืนครั้งนี้ครอบคลุมรถยนต์ทุกรุ่นของเทสลา "แม้จะไม่เห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของหน่วยงานเรา แต่เทสลาตกลงสมัครใจเรียกคืน เพื่อแก้ไขประเด็นปัญหานี้" NHTSA กล่าว
ความเคลื่อนไหวเรียกคืนมีขึ้น หลังจากที่ NHTSA ได้ทำการสอบสวนเป็นเวลานาน 2 ปีต่อกรณีการเกิดอุบัติเหตุขณะที่ผู้ขับขี่รถยนต์เทสลาเปิดระบบออโตไพลอตซึ่งทำให้รถยนต์เข้าสู่โหมดขับขี่อัตโนมัติ โดยบางกรณีทำให้มีผู้เสียชีวิต
ทั้งนี้ NHTSA ได้ทำการสอบสวนอุบัติเหตุของรถยนต์เทสลาจำนวน 35 ครั้งที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ปี 2016 โดยคาดว่าอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่มีการเปิดระบบออโตไพลอตและทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 ราย
ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญได้เรียกร้องให้มีการกำหนดกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นสำหรับระบบตรวจจับสมาธิคนขับที่ใช้ออโตไพลอต ซึ่งปัจจุบันตรวจจับแต่เพียงว่ามือของคนขับอยู่บนพวงมาลัยหรือไม่ โดยผู้เชี่ยวชาญต้องการให้มีการติดตั้งกล้องเพื่อสร้างความมั่นใจว่าคนขับมีสมาธิในการขับขี่รถยนต์ แม้อยู่ในโหมดออโตไพลอต
อีลอน มัสก์ ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของเทสลา แสดงความมั่นใจมานานหลายปีเกี่ยวกับศักยภาพของรถยนต์ในการไปถึงระดับขับเองโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตามในคำแนะนำอย่างเป็นทางการของทางบริษัท ได้แนะนำว่าผู้ขับขี่ยังต้องอยู่กับพวงมาลัยโดยตลอด แม้ในตอนใช้ระบบออโตไพลอตก็ตาม
หลังการสืบสวนมานาน 2 ปี ทาง NHTSA พบว่าระบบออโตไพลอต อาจทำให้ผู้ขับขี่ขาดความใส่ใจและทำให้ผู้ขับบางรายอาจใช้ระบบดังกล่าวในทางที่ผิด " NHTSA จะยังไม่ปิดการสืบสวน ระหว่างที่เราจับตาประสิทธิภาพการเยียวยาแก้ไขของเทสลา" โฆษกระบุ "เทคโนโลยีอัตโนมัติช่วยยกระดับความปลอดภัยอย่างยอดเยี่้ยม แต่เฉพาะเมื่อมันถูกใช้งานด้วยความรับผิดชอบ ความเคลื่อนไหวในวันนี้คือตัวอย่างของการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในลำดับต้นๆ ด้วยการปรับปรุงระบบอัตโนมัติ"
มิชาเอล บรูกส์ ซีอีโอของเซ็นเตอร์ออฟออโต้เซฟตี กลุ่มเอ็นจีโอ บอกว่าถ้อยแถลงเรียกคืนครั้งนี้อาจช่วยลดอุบัติเหตุ แต่เขาตำหนิ NHTSA ที่ไม่ได้จัดการลักษณะความบกพร่องของระบบออโตไพลอตในการตรวจจับรถฉุกเฉิน โดยแม้ NHTSA จะตรวจสอบในประเด็นนี้ ตามหลังเกิดอุบัติเหตุต่างๆนานา แต่ไม่ได้พาดพิงในเอกสารล่าสุด
การเรียกคืนครั้งนี้ครอบคลุมรถยนต์ของเทสลา 2.03 ล้านคัน ในนั้นรวมถึงโมเดลต่างๆ ทั้ง S, X, Y และ 3
บนเว็บไซต์ของเทสลา ระบุว่าระบบออโตไพลอต ควรถูกใช้งานภายใต้ความใส่ใจของผู้ขับอย่างเต็มที่ และมือของพวกผู้ขับขี่ควรวางอยู่บนพวงมาลัยโดยตลอด
อย่างไรก็ตามชื่อของโปรแกรมถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามันชี้นำในทางที่ผิด และโพสต์ต่างๆที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ พบเห็นอย่างกว้างขวางว่าพวกผู้ขับขี่ใช้ฟีเจอร์นี้ในทางที่ผิด เพิกเฉยต่อคำแนะนำอย่างเป็นทางการของทางบริษัท
(ที่มา:เอเอฟพี/รอยเตอร์/เอเจนซี)