บอร์ด สปสช.หารือ 18 ธ.ค.นี้ สางปัญหาจ่ายเงิน รพ.เกิน 2.6 พันล้านบาท เร่งหางบโปะ ยันส่วนที่จ่ายเกินไปแล้วไม่ได้เอาคืน แต่ทำเป็นตัวเลขบัญชีไว้ก่อน พร้อมหาแนวทางรองรับ หลัง รพ.ดูแลผู้ป่วยในแอดมิท อาการรุนแรงมากขึ้น ทำบริการมาก หารเป็นตัวเงินได้น้อยลง
เมื่อวันที่ 30 พ.ย. นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงกรณีการเรียกคืนเงินจาก รพ. 2,600 ล้านบาท ว่า จริงๆ ไม่ได้ดึงเงินคืน แต่เป็นกติกาของเรา ซึ่งเรามีเงินก้อนหนึ่งที่ตกลงกันว่าก็ให้บริการไป ถ้าแต้มให้บริการเยอะ ตัวเงินก็หารออกมาได้น้อย แต้มบริการน้อยก็หารออกมาเป็นตัวเงินเยอะ ปีนี้ปรากฏว่าแต้มให้บริการเยอะเลยทำให้เม็ดเงินหารออกมาเหลือน้อยลง แต่ สปสช.เราก็จ่ายไปเรื่อยๆ ก่อน ปรากฏว่าจ่ายเกินไป ก็มีแนวคุยกันว่า ตัวที่จ่ายเกินไปจะดึงคืนมาได้อย่างไร ไม่ได้ว่า รพ.เป็นหนี้เรา แต่เป็นกติกา เหมือนเมื่อ 2 ปีก่อนที่มีโควิด แต้มบริการน้อยก็เหลือเงินเยอะมาก เราก็คืนเงินเขาไป นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ก็ให้นโยบายว่า เพราะความรู้สึกของผู้ที่ได้รับเงินไปแล้ว เขาจะรู้สึกไม่ดี ก็ขอกันไว้ก่อน ชะลอไว้ก่อน และตัวที่เคยตกลงราคากันไว้ที่บาทต่อน้ำหนักสัมพัทธ์ที่ 8,350 บาท พยายามคงตัวนี้ไว้ เพราะตัวนี้เป็นราคาที่ไม่น่าจะมีกำไร
"ท่านก็ให้นโยบายว่าส่วนที่เกินมาเยอะๆ ก็ไปตรวจสอบดูว่า ถ้าจริงก็ต้องหาทางจัดการ อาจบูรณาการเงินปี 2567 เข้ามาก่อนแล้วไปดูอีกทีหนึ่ง จริงๆ ไม่ได้มีอะไร ซึ่ง สปสช.อาจจะสื่อสารน้อยไปหรือไม่ หน่วยบริการเลยไม่เข้าใจ ก็คงรับนโยบายมา แต่มีบางประเด็นอาจต้องเข้าบอร์ด สปสช.เพราะมีการชะลอบางตัว และเอาส่วนของปี 2567 ที่ยังไม่ออก พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 มาที่จะมาช่วยดูแล" นพ.จเด็จกล่าว
นพ.จเด็จกล่าวว่า มีบางส่วนเสนอว่าเอางบตรงอื่นมาได้ไหม ต้องเรียนว่า งบ สปสช.เป็นงบปลายปิด เมื่อของบประมาณมาก็มีอยู่แค่นั้น เรามีอยู่แค่นั้น เราไม่สามารถดึงเงินแผ่นดินมาได้อีกเหมือนกรมบัญชีกลาง ฉะนั้น เมื่อบอกว่าเราจะเติมเงินตรงนี้ก็ต้องไปดูว่าจะเอาตรงไหนมาเติม ก็มีความยุ่งยากหน่อย แต่ไม่น่าจะยกาเกินจะดูรายละเอียดอีกที
ถามย้ำว่าหน่วยบริการที่ทำงานมากเกินเพดานวงเงินไป อย่างไรก็ต้องได้เงินค่าบริการ แต่อยู่ที่ว่า สปสช.จะไปหางบตรงไหนมาเพิ่มใช่หรือไม่ นพ.จเด็จกล่าวว่า ใช่ ที่คุยกันเบื้องต้นอาจต้องใช้เงินปี 2567 มาบูรณาการด้วย เพาะเงินปี 2567 เรายังไม่รู้ว่าจะเหลือหรือขาด ก็เอาตัวที่เราเชื่อว่าปีที่แล้วที่เรายังขาดไป ในสัดส่วนที่เราใช้ 8,350 บาท ก็เอามารวมกับปี 2567 ดู ว่าถ้าปี 2567 ใช้ทั้งปีพอก็เดินหน้าไป ถ้าไม่พอก้ต้องมาดูว่าจะมีขั้นตอนอย่างไร แล้วเรามีเงินบางส่วนในระบบเหลืออยู่ ท่านบอกให้เอามาใช้ก่อนเลย เพื่อแบ่งเบาภาระที่ รพ.อาจจะกังวล่า ต่อน้ำหนักสัมพัทธ์ได้ต่ำลงมากว่า 8,350 ก็อาจจะกังวล เราก็จะผ่านบอร์ดวันที่ 18 ธ.ค.นี้ ส่วนที่บอกว่าค้างอะไรกันไว้เราก็ต๊ะไว้ก่อน เราไม่ได้ไปเอาเงินคืนมา เป็นตัวเลขทางบัญชีไว้ก่อน
ถามต่อว่างบปี 2567 ก็ต้องทำตัวเลขรองรับบริการที่อาจจะเพิ่มมากขึ้นด้วยหรือไม่ นพ.จเด็จกล่าวว่า จริงๆ ตัวที่เพิ่มคือน้ำหนักสัมพัทธ์ แต่คนที่เข้ามา รพ.คือเท่าเดิม เช่น ปีนึงเข้ามา 6.4 ล้านคน ก็อยู่ตามเดิม เพราะประชากรไม่ได้เพิ่มขึ้น มันเท่าๆ เดิม แต่ตัวน้ำหนักสัมพัทธ์ ที่บ่งบอกความรุนแรงของโรคตรงนี้เพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้นมาก ส่วนหนึ่งอาจจะคนป่วยรุนแรงขึ้น สูงอายุขึ้น ต้องลงไปดูว่าจำนวนคนไข้แอดมิทเท่าเดิมแต่น้ำหนักสัมพันธ์มันสูงขึ้นจะมีมาตรการดูแลอย่างไรในอนาคต ซึ่งเรื่องนี้จะมีการหารือในบอร์ด สปสช. เพราะบางอันเกินอำนาจสำนักงานฯ จะเอาเงินตรงนั้นตรงนี้มาโปะ กติกาต้องยอมรับว่า การบริหารเงินเราไม่ได้ให้คนใดคนหนึ่งมีอำนาจไปโยกเงิน ต้องขอความเข้าใจด้วย สปสช.ไม่ได้ไปสั่งทำนั่นนี่ได้ ต้องให้บอร์ดช่วยดูว่า กติกาที่ออกไปเกิดปัญหาตรงนี้จะแก้ไขอย่างไร