กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ระบุ การที่รัฐบาลญี่ปุ่นไม่ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำตัดสินของศาลแดนโสมที่สั่งให้จ่ายเงินชดเชยแก่ผู้หญิง 16 คน ที่ถูกบังคับให้บำเรอกามแก่ทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้คำพิพากษานี้ยังคงมีผลบังคับ
เดือนที่แล้ว ศาลอุทธรณ์เกาหลีใต้ได้สั่งให้รัฐบาลญี่ปุ่นต้องจ่ายเงินชดเชยเยียวยาแก่อดีต “สตรีเพื่อการผ่อนคลาย” (comfort women) ชาวเกาหลีใต้จำนวน 16 คน โดยคว่ำคำตัดสินของศาลชั้นต้นที่ให้ยกฟ้องคดีนี้
รัฐบาลญี่ปุ่นมีเวลา 2 สัปดาห์ที่จะยื่นอุทธรณ์หลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวได้สิ้นสุดลงไปแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ 8 ธ.ค.
“สตรีเพื่อการผ่อนคลาย” เป็นคำที่ใช้เรียกผู้หญิงเกาหลีซึ่งถูกบังคับให้ทำงานบำเรอกามแก่ทหารจากแดนอาทิตย์อุทัย ในระหว่างที่ญี่ปุ่นยึดครองคาบสมุทรเกาหลีเมื่อช่วงปี 1910-1945 และถือเป็นบาดแผลทางประวัติศาสตร์ที่ทำให้ 2 ชาติเพื่อนบ้านต้องหมางใจกันมานานนับสิบๆ ปี
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเกาหลีใต้ภายใต้การนำของประธานาธิบดี ยุน ซุกยอล พยายามที่จะก้าวข้ามข้อพิพาทในอดีต และฟื้นฟูความสัมพันธ์กับโตเกียวเพื่อร่วมกันรับมือภัยคุกคามต่างๆ ในภูมิภาค
กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าทวงคืน “เกียรติและศักดิ์ศรี” ให้แก่สตรีเพื่อการผ่อนคลาย ควบคู่ไปกับการแสวงหาความร่วมมือกับญี่ปุ่นในอนาคต
ญี่ปุ่นยืนยันว่า ประเด็นเรื่องสตรีเพื่อการผ่อนคลายได้รับการแก้ไขจน “เป็นที่ยุติแล้ว” ภายใต้ข้อตกลงสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตสู่ระดับปกติในปี 1965 อีกทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่นยังเคยทำข้อตกลงกันในปี 2015 ว่าจะไม่รื้อฟื้นปัญหานี้ขึ้นมาอีก
โยโกะ คามิคาวะ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ระบุเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (8) ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้แจ้งให้เกาหลีใต้ทราบว่า คำตัดสินของศาลอุทธรณ์โสมขาวเป็นสิ่งที่ “รับไม่ได้” และถือว่าละเมิดข้อตกลงที่สองชาติเคยทำร่วมกันไว้
เธอยังอธิบายด้วยว่า สาเหตุที่รัฐบาลโตเกียวไม่คิดจะยื่นอุทธรณ์ ก็เพราะว่าญี่ปุ่นไม่ได้อยู่ภายใต้เขตอำนาจศาลของเกาหลีใต้ตามกฎหมายระหว่างประเทศ
เมื่อต้นปีนี้ รัฐบาลโซลประกาศว่าบริษัทใหญ่ๆ ในเกาหลีใต้ยินดีที่จะรับภาระจ่ายเงินชดเชยเพื่อยุติข้อพิพาทเรื่องการบังคับใช้แรงงานในช่วงที่ญี่ปุ่นยึดครองคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งถือเป็นความพยายามตัดจบปัญหาคาราคาซังที่บั่นทอนความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการต่อต้านจีนและเกาหลีเหนือ
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ออกมาชื่นชมมาตรการดังกล่าวของเกาหลีใต้ว่าเป็น “สิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน” (groundbreaking)
ที่มา : รอยเตอร์