เกาหลีเหนือเปิดเผยในวันพุธ (22 พ.ย.) ประสบความสำเร็จในการส่งดาวเทียมสอดแนมทางทหารดวงหนึ่งขึ้นสู่วงโคจร หลังความพยายาม 2 ครั้งก่อนหน้านี้ประสบความล้มเหลว ความเคลื่อนไหวที่เรียกเสียงประณามจากสหรัฐฯ และพันธมิตร ว่าเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติอย่างโจ่งแจ้ง
จรวดบรรทุกดวงเทียมพุ่งขึ้นจากมณฑลพย็องอันเหนือ เมื่อคืนวันอังคาร (21 พ.ย.) บินไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้และพาดาวเทียมสอดแนมมันลียง-1 (Malligyong-1) เข้าสู่วงโคจรได้อย่างแม่นยำ ตามรายงานของสำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (เคซีเอ็นเอ) สื่อมวลชนแห่งรัฐ
รายงานข่าวระบุว่า คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือร่วมเป็นสักขีพยานในการปล่อยครั้งนี้ และได้แสดงความยินดีกับพวกนักวิทยาศาสตร์และช่างเทคนิคที่อยู่เบื้องหลังภารกิจดังกล่าว
สหรัฐฯ รุดออกมาประณามการปล่อยดาวเทียมครั้งนี้อย่างรวดเร็ว โดยชี้ว่ามันเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติอย่างไร้ยางอาย และอาจบั่นทอนเสถียรภาพในภูมิภาค
เกาหลีใต้แสดงปฏิกิริยาตอบสนองเช่นกัน โดยบอกว่าพวกขเาจะกลับมาปฏิบัติการสอดแนมตามแนวชายแดนติดกับเกาหลีเหนือ ที่ถูกระงับไปในปี 2018 ส่วนหนึ่งในข้อตกลงโซล-เปียงยาง เพื่อลดความตึงเครียดด้านการทหาร ตามรายงานข่าวของยอนฮับ
ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือพยายามนำดาวเทียมสอดแนมขึ้นสู่วงโคจรมาแล้ว 2 รอบ ในเดือนพฤษภาคมและสิงหาคม แต่ประสบความล้มเหลวทั้ง 2 ครั้ง ในขณะที่โซล โตเกียว และวอชิงตัน ส่งเสียงเตือนซ้ำๆ ถึงเปียงยางว่าอย่าเดินหน้าการยิงจรวดปล่อยดาวเทียมอีกรอบ เนื่องจากมันจะเป็นการละเมิดมติของสหประชาชาติ
พวกผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า จรวดอวกาศและขีปนาวุธมีเทคโนโลยีที่คาบเกี่ยวกันอย่างมีนัยสำคัญ ต่างกันที่การบรรทุก และเปียงยางถูกห้ามภายใต้มติของสหประชาชาติ จากการทดสอบใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขีปนาวุธ
สำนักงานข่าวกรองเกาหลีใต้เปิดเผยเมื่อช่วงกลางเดือนว่า ดูเหมือนเปียงยางจะได้รับคำแนะนำทางเทคโนโลยีจากรัสเซีย แลกเปลี่ยนกับการส่งมอบอาวุธให้แก่มอสโกอย่างน้อย 10 เที่ยว สำหรับนำไปใช้ทำสงครามในยูเครน
เคซีเอ็นเอ็น รายงานหลังจากภารกิจเสร็จสิ้นว่า การปล่อยดาวเทียมสอดแนมเป็นสิ่งที่ชอบธรรมตามกฎหมายของเกาหลีเหนือ สำหรับการเสริมความเข้มแข็งแก่แสนยานุภาพในการป้องกันตนเอง ในขณะที่ประเทศของพวกเขาต้องเผชิญหน้าในสิ่งที่เรียกว่าภัยคุกคามจากเกาหลีใต้และสหรัฐฯ
สำนักข่าวยอนฮับเชื่อว่า เกาหลีเหนือจะปล่อยดาวเทียมเพิ่มเติมอีกเร็วๆ นี้ เพื่อยกระดับการสอดแนมเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตาม ในการปล่อยหนล่าสุดนี้ ทางเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ เผยว่า พวกเขาอยู่ระหว่างการวิเคราะห์และไม่ยืนยันว่าในข้อเท็จจริงแล้ว ดาวเทียมได้เข้าสู่วงโคจรจริงหรือไม่
"การปล่อยดาวเทียมทางทหารของเกาหลีเหนือ เข้าองค์ประกอบพฤติกรรมแห่งการยั่วยุที่ละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งห้ามใช้เทคโนโลยีขีปนาวุธ เช่นเดียวกับความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี" เสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้เปิดเผยกับพวกผู้สื่อข่าว
โซล บอกมานานหลายสัปดาห์แล้วว่า เปียงยาง อยู่ในขั้นสุดท้ายของการเตรียมการปล่อยดาวเทียมสอดแนมอีกรอบ พร้อมเตือนว่าพวกเขาจะใช้มาตรการที่จำเป็นหากมีการเดินหน้า
ความพยายามหนแรกของเกาหลีเหนือเมื่อเดือนพฤษภาคม ประสบความล้มเหลว สืบเนื่องจากความผิกปกติในการสตาร์ทเครื่องยนต์ขั้นที่ 2 ส่วนในความพยายามครั้งที่ 2 ในเดือนสิงกาคม ประสบความล้มเหลวเช่นกัน สืบเนื่องจากเหตุขัดข้องในระบบปะทุระเบิดฉุกเฉิน ระหว่างการบินขั้นที่ 3 อ้างอิงจากรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ ณ เวลานั้น
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย บ่งชี้ในเดือนกันยายน หลังพบปะกับ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ว่า ประเทศของเขาจะช่วย เปียงยางในการสร้างดาวเทียม
ต่อมา โซลและวอชิงตัน อ้างว่า เปียงยาง ส่งมอบอาวุธแก่รัสเซีย ในขณะที่ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เตือนในเดือนนี้ว่า ความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซียกำลังเติบโตและเป็นอันตราย
พวกผู้เชี่ยวชาญมองว่าความสำเร็จในการนำดาวเทียมสอดแนมขึ้้นสู่วงโคจร จะยกระดับศักยภาพรวบรวมข่าวกรองของเกาหลีเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหนือเกาหลีใต้ และมอบข้อมูลอันสำคัญยิ่งในความขัดแย้งทางทหารใดๆ
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากในปีนี้ เกาหลีเหนือทำการทดสอบอาวุธต่างๆ มากมายหลายครั้ง สูงสุดเท่าที่เคยมีมา
ส่วน โซล วอชิงตัน และโตเกียว ได้ยกระดับความร่วมมือด้านการทหารเป็นการตอบโต้ และในวันอังคาร (21 พ.ย.) เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน ได้เดินทางเข้าเทียบท่าที่ฐานทัพเรือปูซานของเกาหลีใต้
(ที่มา : เอเอฟพี)