เรือดำน้ำชั้นโอไฮโอ พลังงานนิวเคลียร์ลำหนึ่งของสหรัฐฯ เวลานี้อยู่ในตะวันออกกลาง เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้สงครามอิสราเอล-ฮามาส ลุกลามบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งในวงกว้าง จากการเปิดเผยของเพนตากอนในวันจันทร์ (6 พ.ย.) ในความเคลื่อนไหวล่าสุดของกองทัพอเมริกา ที่เสริมสินทรัพย์ทางทหารเข้ามายังภูมิภาคแถบนี้อย่างต่อเนื่อง
กองบัญชาการกลางสหรัฐฯ โพสต์ภาพถ่ายเรือดำน้ำลำดังกล่าวบนแฟลตฟอร์มเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) หนึ่งวันก่อนหน้านี้ ที่ดูเหมือนว่าเป็นภาพที่มันกำลังล่องผ่านคลองสุเอซของอียิปต์
"เวลานี้มันอยู่ในพื้นที่ปฏิบัติการของกองเรือที่ 5" พลจัตวาแพท ไรเดอร์ โฆษกเพนตากอนบอกกับผู้สื่อข่าว อ้างถึงพื้นที่หนึ่ง ซึ่งรวมถึงอ่าวอาหรับ ทะเลแดง และบางส่วนของมหาสมุทรอินเดีย "สิ่งนี้คือการมอบการสนับสนุนเพิ่มเติมต่อความพยายามป้องปรามของเราในภูมิภาค" เขากล่าว โดยไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม
เรือดำน้ำชั้นโอไฮโอบางส่วนติดอาวุธขีปนาวุธแบบทิ้งตัวที่มีศักยภาพติดหัวรบนิวเคลียร์ ขณะที่บางส่วนถูกออกแบบให้สามารถบรรทุกขีปนาวุธร่อนโทมาฮอว์กมากกว่า 150 ลูก
ไรเดอร์ ไม่ได้เจาะจงว่าเรือดำน้ำลำใดที่เวลานี้อยู่ในตะวันออกกลาง แต่ขีปนาวุธร่อนสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างทันทีทันใดมากกว่าในกรณีที่เกิดสถานการณ์ลุกลามบานปลายในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ซึ่งเริ่มต้นเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม ครั้งที่พวกนักรบปาเลสไตน์จู่โจมจากฉนวนกาซาข้ามชายแดนอย่างไม่คาดคิด เล่นงานอิสราเอล สังหารผู้คนไป 1,400 ราย
อิสราเอลตอบโต้เหตุโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ด้วยการเปิดปฏิบัติการทางทหาร โจมตีทั้งทางอากาศ ทางบก และทางทะเล ถล่มฉนวนกาซา และจนถึงวันจันทร์ (6 พ.ย.) ทางกระทรวงสาธารณสุขของฉนวนแห่งนี้เผยว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 10,000 รายแล้ว
หลังความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฮามาสปะทุขึ้น สหรัฐฯ ได้เสริมกำลังเข้าไปยังภูมิภาคแถบนี้ โดยอ้างว่าเพื่อกันไม่ให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลายกลายเป็นสงครามในวงกว้าง ในนั้นรวมถึงประจำการเรือกองบรรทุกเครื่องบินโจมตี 2 กอง กำลังพลและสินทรัพย์ทางทหารอื่นๆ เพื่อเป็นการส่งสารไม่ให้ตัวละครอื่นๆ ในภูมิภาคแสวงหาประโยชน์จากสถานการณ์ความไม่สงบ
ขณะเดียวกัน การเสริมกำลังและทรัพย์สินทางทหารของสหรัฐฯ ยังมีขึ้นหลังจากกองกำลังสหรัฐฯ ในอิรักและซีเรียตกเป็นเป้าโจมตีมากขึ้นนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนตุลาคม ซึ่งทางวอชิงตันกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของกลุ่มนักรบต่างๆ ที่อิหร่านให้การสนับสนุน
(ที่มา : เอเอฟพี)