กองทัพอิสราเอลยืนยันไม่มีเจตนายิงโจมตีสำนักงานของสื่อ Agence France-Presse (AFP) ในฉนวนกาซา แต่ยอมรับว่ามีการยิงถล่มเป้าหมาย “ใกล้ๆ กัน” ซึ่งส่งผลทำให้ตัวอาคารของสำนักข่าวแห่งนี้ได้รับความเสียหายอย่างหนักไปด้วย ขณะที่องค์กรสื่อสากลออกมาเตือนวว่าการพุ่งเป้าโจมตีสื่อมวลชนเข้าข่ายก่ออาชญากรรมสงคราม
เอเอฟพีเป็นสำนักข่าวนานาชาติหลักเพียงรายเดียวจากทั้งหมด 3 เจ้าที่ยังคงเผยแพร่วิดีโอไลฟ์สดจากเมืองกาซาซิตี โดยกล้องบันทึกภาพ 24 ชั่วโมงของทางสำนักข่าวสามารถจับภาพเหตุการณ์ขณะที่ตัวอาคารถูกโจมตีในช่วงก่อนเที่ยงของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (2 พ.ย.)
พนักงานของเอเอฟพีซึ่งเดินทางไปที่ออฟฟิศในวันศุกร์ (3) ให้ข้อมูลว่า จรวดของอิสราเอลพุ่งในวิถีแนวนอนจากตะวันออกไปตะวันตก เข้าไปยังสำนักงานของช่างเทคนิคเอเอฟพี ส่งผลให้กำแพงที่อยู่ตรงข้ามหน้าต่างพังเสียหายอย่างหนัก รวมถึงห้องที่อยู่ติดกันและประตูอีกหลายบาน ขณะที่แท็งก์น้ำที่ตั้งอยู่บนหลังคาอาคารก็ถูกเศษระเบิดเจาะจนเป็นรู
โฆษกกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ออกมาชี้แจงในเบื้องต้นว่าพวกเขา “เช็กข้อมูลหลายรอบ” และยืนยันว่า “ไม่ได้มีการยิงโจมตีอาคารดังกล่าว” ในกาซา
อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกทางเอเอฟพีซักไซ้ไล่เรียงหนักเข้า กองทัพอิสราเอลยอมรับว่ามีการยิงโจมตีเป้าหมายใกล้ๆ กับอาคารดังกล่าวจริง
“จากข้อมูลล่าสุดที่เรามี ดูเหมือนว่า IDF จะมีการโจมตีเป้าหมายใกล้กับอาคารหลังนี้เพื่อกำจัดภัยคุกคามเฉพาะหน้า” โฆษก IDF กล่าว
“IDF ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะยิงถล่มอาคารหลังนี้ และเราไม่มีบันทึกว่าเกิดการโจมตีที่ผิดพลาดด้วย แต่การยิงโจมตีเป้าหมายที่อยู่ใกล้ๆ กันอาจจะทำให้มีเศษซากกระจัดกระจายออกไป”
จากภาพชุดที่เอเอฟพีเผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (3) จะเห็นว่า ผนังของอาคารสูง 11 ชั้นในเขตริมาล (Rimal) ทางตะวันตกของกาซาหลังนี้โดนแรงระเบิดจนทะลุเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่
“เอเอฟพีขอประณามด้วยถ้อยคำรุนแรงที่สุดต่อการโจมตีสำนักงานของเราในกาซาซิตี” ฟาบริซ ฟรายส์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอเอฟพี ระบุในถ้อยแถลง
“ที่ตั้งของสำนักงานแห่งนี้ถูกแจ้งให้ทุกฝ่ายทราบดีอยู่แล้ว และเคยมีการย้ำเตือนหลายครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการโจมตีในลักษณะนี้ขึ้น และเพื่อให้เรายังคงสามารถรายงานและเผยแพร่ภาพสถานการณ์จริงในพื้นที่ต่อไปได้... ผลลัพธ์จากการโจมตีคงจะเลวร้ายยิ่งกว่านี้ หากว่าทีมงานของเอเอฟพียังไม่ได้อพยพออกไปก่อน”
พนักงานของเอเอฟพีทั้ง 8 คนถูกอพยพออกจากกาซาซิตีไปยังพื้นที่ตอนใต้ตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. หลังจากที่กองทัพอิสราเอลสั่งให้พลเรือนกาซาย้ายออกจากพื้นที่ตอนเหนือ
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ตอบคำถามสื่อเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ระหว่างแถลงข่าวที่กรุงเทลอาวีฟเมื่อวันศุกร์ (3) โดยเขาย้ำว่า สื่อมวลชนทุกคนในกาซาจะต้องได้รับการปกป้อง ในระหว่างที่พวกเขาทำหน้าที่รายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสงครามให้โลกได้รับรู้
“มันเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งว่าอิสราเอลทำสงครามครั้งนี้อย่างไร และจะต้องให้ความสำคัญกับการปกป้องชีวิตพลเรือน แน่นอนว่ารวมถึงสื่อมวลชนด้วย” บลิงเคน กล่าว
คณะกรรมการปกป้องผู้สื่อข่าว (Committee to Protest Journalists - CPJ) ซึ่งเป็นองค์กรปกป้องสื่อในนครนิวยอร์ก ออกมาประณามการโจมตีสำนักงานของเอเอฟพีในกาซา พร้อมเรียกร้องให้ทางการอิสราเอลออกมาเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับ “เหตุโจมตี” ครั้งนี้ ขณะที่สหพันธ์นักข่าวนานาชาติ (International Federation of Journalists - IFJ) ก็ได้โพสต์ข้อความผ่าน X เมื่อวันศุกร์ (3) ว่า “การโจมตีสื่อมวลชนถือเป็นอาชญากรรมสงคราม เราขอประณามการโจมตีครั้งนี้ และขอเรียกร้องให้มีการสอบสวนความจริงในทันที”
ที่มา : เอเอฟพี