ราคาน้ำมันปรับลดในวันพฤหัสบดี (21 ก.ย.) จากการแข็งค่าของดอลลาร์ แกว่งตัวลงจากก่อนหน้านี้ที่ดีดตัวขึ้นแรง หลังรัสเซียแบนการส่งออกเชื้อเพลิง ปัจจัยสกุลเงินสหรัฐแข็งค่าฉุดทองคำปิดลบเช่นกัน ในขณะที่วอลล์สตรีทดิ่งแรง หนึ่งวันหลังประธานเฟดเตือนว่าเงินเฟ้อยังคงห่างไกลจากระดับเป้าหมาย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 3 เซนต์ ปิดที่ 89.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 23 เซนต์ ปิดที่ 93.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เบื้องต้น ราคาน้ำมันพุ่งทะยานในวันพฤหัสบดี (21 ก.ย.) หลังรัสเซียแบนการส่งออกเบนซินและดีเซลเป็นการชั่วคราว สำหรับป้อนสู่บรรดาประเทศทั้งหมดที่อยู่นอกขอบเขตของ 4 รัฐอดีตสหภาพโซเวียต เพื่อสร้างเสถียรภาพแก่ตลาดเชื้อเพลิงภายในประเทศและมีผลบังคับใช้ในทันที จากการเปิดเผยของรัฐบาล
คำสั่งแบนดังกล่าวซึ่งบีบให้ผู้ซื้อเชิงเพลิงรัสเซียต้องหันไปจากแหล่งอื่นแทน ดันราคาพุ่งสูง โดยเฉพาะน้ำมันทำความร้อนที่ดีดตัวขึ้นเกือบ 5%
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นราคาน้ำมันก็แกว่งตัวลง สืบเนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์ โดยการแข็งค่าของสกุลเงินสหรัฐทำให้ราคาน้ำมันที่ซื้อขายด้วยเงินดอลลาร์มีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ ซึ่งมันส่งผลกระทบต่ออุปสงค์
นอกจากนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ยังฉุดให้ราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (21 ก.ย.) ปิดลบหนักหน่วงสุดในรอบเกือบ 2 เดือน โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 27.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,939.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (21 ก.ย.) ขยับลงแรง หนึ่งวันหลังจาก เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เตือนว่าเงินเฟ้อยังเหลือหนทางอีกยาวไกล ก่อนลดลงสู่ระดับเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางแห่งนี้
ดาวโจนส์ ลดลง 370.46 จุด (1.08 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,070.42 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 72.20 จุด (1.64 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,330.00 จุด แนสแดค ลดลง 245.14 จุด (1.82 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,223.98 จุด
หุ้นขนาดใหญ่ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อย่าง แอมะซอน เอ็นวิเดีย แอปเปิล อิงค์ และอัลฟาเบ็ท บริษัทแม่ของกูเกิล เป็นตัวฉุดรั้ง แนสแดค และเอสแอนด์พี 500 แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน
ความเคลื่อนไหวมีขึ้นหลังจากเมื่อวันพุธ (20 ก.ย.) คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5.25-5.50% ตามความคาดหมาย แต่ขณะเดียวกัน คาดการณ์ว่าจะจำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นเวลานานเพื่อสยบภาวะเงินเฟ้อ
เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวระหว่างแถลงข่าวหลังการตัดสินใจ ว่า "เราเตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกถ้ามันเหมาะสม และเรามีความตั้งใจคงนโยบายไว้ในขอบเขตหนึ่งจนกว่าเราจะเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อจะเคลื่อนสู่ระดับเป้าหมายของเราอย่างยั่งยืน"
(ที่มา : รอยเตอร์)