ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนระบุวานนี้ (31 ส.ค.) ว่า ยูเครนประสบความสำเร็จในการพัฒนาอาวุธที่สามารถโจมตีเป้าหมายได้ไกลถึง 700 กิโลเมตร
คำกล่าวอ้างของผู้นำยูเครนมีขึ้นเพียง 1 วัน หลังจากที่สนามบินแห่งหนึ่งทางภาคตะวันตกของรัสเซียถูกโจมตี
เซเลนสกี แถลงผ่านแอป Telegram ว่า อาวุธดังกล่าวถูกผลิตโดยกระทรวงอุตสาหกรรมทางยุทธศาสตร์ (Ministry of Strategic Industries) ของยูเครน ทว่าไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม
รัสเซียเผชิญการโจมตีจากฝูงโดรนยูเครนซึ่งบุกเข้าไปถล่มสนามบินแห่งหนึ่งใกล้พรมแดนเอสโตเนียและลัตเวีย เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง 4 ชั่วโมงในวันพุธ (30) จนทำให้เครื่องบินทหาร Il-76 ของรัสเซียพังเสียหายไป 4 ลำ ตามรายงานจากสื่อท้องถิ่น
ทั้งนี้ สนามบินดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาค Pskov ของรัสเซียอยู่ห่างจากพรมแดนตอนเหนือของอยู่เครนไปราว 700 กิโลเมตร
ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ยูเครนมักไม่ยอมรับหรือปฏิเสธความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีบนแผ่นดินหมีขาว ทว่าบางครั้งก็จะเอ่ยเป็นนัยๆ และถ้อยแถลงล่าสุดของ เซเลนสกี ถือเป็นอีกครั้งที่เคียฟประกาศค่อนข้างชัดเจนว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีรัสเซีย
เหตุโจมตีดังกล่าวส่งผลให้สนามบิน Pskov ถูกสั่งปิดไปชั่วคราว ก่อนที่จะกลับมาเปิดได้อีกครั้งในวันพฤหัสบดี (31) ตามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่รัสเซีย
การที่ยูเครนส่งโดรนติดอาวุธเข้าไปโจมตีเป้าหมายลึกถึงในแผ่นดินรัสเซีย รวมถึงการก่อวินาศกรรมข้ามพรมแดนอื่นๆ เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของเคียฟที่จะทำให้ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ต้องเผชิญแรงกดดันทางการเมืองและการทหารภายในประเทศมากขึ้น ในขณะที่ปฏิบัติการโจมตีโต้กลับ (counteroffensive) ของกองทัพยูเครนซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เดือน มิ.ย. ช่วยให้เคียฟสามารถทวงคืนหมู่บ้านและดินแดนบางส่วนกลับมาได้บ้าง
สถาบันระหว่างประเทศเพื่อยุทธศาสตร์ศึกษา (International Institute for Strategic Studies - IISS) ประเมินว่า เป้าหมายของยูเครนคือการทำลายขวัญกำลังใจและเพิ่มแรงกดดันแก่พวกผู้บัญชาการทหารของรัสเซีย
ที่มา : AP
