เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของกองทัพอากาศไต้หวัน เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (17 ส.ค.) ว่าขีปนาวุธ MIM-104F Patriot PAC-3 ที่จัดหาให้โดยสหรัฐฯ เกิดขัดข้องระหว่างการซ้อมรบกระสุนจริง
เฉา ฉิน ปิง เสนาธิการทหารอากาศไต้หวัน ยืนยันว่าอาวุธยิงจากพื้นผิวสู่อากาศเกิดระเบิดก่อนพุ่งชนเป้าหมาย ในขณะที่มันถือเป็นครั้งแรกที่มีข่าวว่าขีปนาวุธแพทริออตเกิดระเบิดก่อนเวลาอันควรบนเกาะแห่งนี้
ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ ในขณะที่ เฉา เปิดเผยว่าทางกองทัพอากาศ กับสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติจุงชาน กำลังสืบสวนหาสาเหตุ
ขีปนาวุธแพทริออต ถูกมองในฐานะระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ล้ำสมัยที่สุดของกองทัพสหรัฐฯ มันมีเทคโนโลยีล้ำสมัยแบบ Hit-to-Kill (ทำลายเป้าหมายด้วยการเข้าปะทะโดยตรง) ในการเอาชนะเครื่องบินสมรรถนะสูงและขีปนาวุธทิ้งตัวทางยุทธวิธี
ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กองทัพอากาศไต้หวันเปิดเผยว่าเครื่องบิน F-16 ลำหนึ่งของพวกเขาพลาดเป้าอย่างน่าเกลียดระหว่างการฝึกฝนในน่านน้ำ ใกล้ฐานทัพทหารแห่งหนึ่ง
รายงานข่าวระบุว่า เครื่องบินลำดังกล่าวทิ้งระเบิด MK-84 น้ำหนัก 907 กิโลกรัม ใกล้เรือพิทักษ์ชายฝั่งลำหนึ่งเกินไป ก่อให้เกิดคลื่นช็อกรุนแรง ส่งผลให้พวกเจ้าหน้าที่พิทักษ์ชายฝั่งหลายคนบนเรือลำดังกล่าวต้องรุดไปพบแพทย์ สืบเนื่องจากเหตุการณ์นี้
เฉา เผยว่ากองทัพอากาศไปขอโทษไปยังกองกำลังพิทักษ์ชายฝั่งไต้หวันแล้ว และประกาศจะลงโทษนักบิน F-16 และครูฝึก สำหรับล้มเหลวในการตรวจตราการฝึกฝนอย่างเหมาะสม
เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม RAND Corporation สถาบันวิจัยไม่แสวงหาผลกำไรที่มีสำนักงานในแคลิฟอร์เนีย เผยแพร่ผลการศึกษาหนึ่ง ชี้ว่ากองทัพไต้หวันไม่ได้เตรียมการด้วยอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่พอเพียงสำหรับป้องกันการรุกรานของจีน โดยระบุว่าลำดับความสำคัญต่างๆ เกาะแห่งนี้ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายยกระดับแสนยานุภาพการป้องกันตนเองจากการรุกรานของศัตรูรายใหญ่หนึ่งใด
รายงานของสถาบันวิจัยแห่งนี้บอกว่า ไต้หวันไม่ได้ลงทุนอย่างเพียงพอในด้านป้องกันตนเอง และเงินส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับระบบต่างๆ ที่ล้าสมัยไปแล้ว
(ที่มา : เดอะดีเฟนซ์โพสต์)