โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกตั้งข้อหาเป็นคดีที่ 4 ในวันจันทร์ (14 ส.ค.) ซึ่งเห็นกันว่าเป็นคดีที่คุกคามเขาอย่างร้ายแรงที่สุดอีกด้วย เมื่อทางอัยการสานต่อมติเห็นชอบของคณะลูกขุนใหญ่รัฐจอร์เจีย ให้กล่าวหาอดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้พร้อมผู้สมคบคิดอีก 18 คนในความผิดต่างๆ สิบกว่ากระทง สืบเนื่องจากการใช้ความพยายามอย่างมิชอบเพื่อเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งปี 2020 ที่ตัวเขาพ่ายแพ้ต่อ โจ ไบเดน ในรัฐจอร์เจีย ของสหรัฐฯ
คณะอัยการในเมืองแอตแลนตาสานต่อมติของคณะลูกขุนใหญ่ในรัฐจอร์เจีย ด้วยการตั้งข้อหาอาชญากรรมร้ายแรง 13 กระทงต่อโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมกับจำเลยร่วมอีก 18 คนที่รวมถึงรูดี้ จูเลียนี อดีตนายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์กที่เป็นอดีตทนายความส่วนตัวของทรัมป์ และมาร์ก มีโดว์ อดีตประธานคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาวในยุคที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี ทั้งนี้ ในคำฟ้องยังระบุถึงผู้สมรู้ร่วมคิดที่ไม่มีการเปิดเผยชื่อและไม่ถูกตั้งข้อหาอีก 30 คน
เฟนี วิลลิส อัยการเทศมนฑลฟุลตัน แถลงเมื่อวันจันทร์ (14) ว่า จำเลยทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องในการชักจูงให้ผู้อื่นกระทำผิดกฎหมายเพื่อล้มล้างผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีในรัฐจอร์เจียเมื่อปี 2020 ที่ทรัมป์พ่ายแพ้ต่อโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบันจากพรรคเดโมแครต
วิลลิสสำทับว่า ทรัมป์และจำเลยร่วมมีเวลาจนถึงเที่ยงวันที่ 25 เดือนนี้ในการมอบตัวโดยสมัครใจแทนที่จะถูกออกหมายจับ และเธอต้องการให้มีการไต่สวนภายใน 6 เดือน
ด้านทรัมป์ ได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มทรูธของตนเอง โจมตีว่า การตั้งข้อหาดังกล่าวนี้เป็นการล่าแม่มดเพื่อขัดขวางตนเองในการลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในปีหน้า
ขณะที่ทีมทนายความของทรัมป์ก็ประณามว่า มีการปล่อยคำฟ้องรั่วไหลก่อนที่พยานจะให้การ ซึ่งถือเป็นกระบวนการที่บกพร่องและขัดรัฐธรรมนูญ
ทว่า วิลลิสซึ่งเป็นผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต โต้ว่า การตัดสินใจในการตั้งข้อหาทรัมป์และพรรคพวกอิงกับข้อเท็จจริงและกฎหมาย และกฎหมายไม่มีการฝักใฝ่ฝ่ายใด
ทรัมป์ที่ขณะเป็นประธานาธิบดีเคยถูกไต่สวนเพื่อถอดถอนจากตำแหน่งถึงสองครั้ง ถูกตั้งข้อหาร้ายแรงที่รัฐจอร์เจียคราวนี้ ภายใต้กฎหมายว่าด้วยองค์กรที่ชักจูงให้ผู้อื่นกระทำผิดกฎหมาย (Racketeer Influenced and Corrupt Organizations Act หรือ RICO) ของรัฐแห่งนี้ ซึ่งเดิมนั้นร่างขึ้นมาเพื่อจัดการกับแก๊งอาชญากร และมีระวางโทษสูงสุดจำคุก 20 ปี
ทรัมป์ยังถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการปลอมแปลงเอกสาร แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ปลอม รวมทั้งส่งข้อมูลและเอกสารเท็จ ให้การเท็จและชักชวนให้เจ้าหน้าที่รัฐละเมิดคำสัตย์ปฏิญาณในการเข้ารับตำแหน่ง
เห็นกันว่า การถูกฟ้องร้องในจอร์เจียที่ไบเดนชนะทรัมป์ด้วยคะแนนไม่ถึง 12,000 คะแนนนี้ อาจเป็นภัยคุกคามต่อเสรีภาพของทรัมป์อย่างร้ายแรงที่สุด โดยที่เวลานี้ ทรัมป์ ยังคงเป็นตัวเก็งอันดับหนึ่งที่จะได้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันในศึกชิงทำเนียบขาวปี 2024
ทั้งนี้ เนื่องจากกระทั่งว่าเขาชนะการเลือกตั้ง ทรัมป์ก็จะไม่มีอำนาจในฐานะประธานาธิบดี ในการอภัยโทษให้ตัวเอง หรือยกเลิกข้อกล่าวหาเหล่านี้ของคณะอัยการ
การสอบสวนในจอร์เจียนั้น เริ่มต้นขึ้นหลังจากทรัมป์เรียกเจ้าหน้าที่ในรัฐดังกล่าวเข้าพบ ในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนที่ตนเองจะต้องขนของออกจากทำเนียบขาว จุดประสงค์คือเพื่อกดดันให้เจ้าหน้าที่เหล่านั้น “หา” คะแนนเสียง 11,780 คะแนนให้ตนเพื่อจะได้ล้มล้างชัยชนะของไบเดนในรัฐจอร์เจีย
วิลลิสกล่าวหาว่า ทีมงานของทรัมป์ร่วมมือกับสมาชิกรีพับลิกันในจอร์เจียเพื่อเปลี่ยนตัว “คณะผู้เลือกตั้งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี” ซึ่งหมายถึงเจ้าหน้าที่ที่รับรองผลการเลือกตั้งในรัฐและส่งผลการเลือกตั้งให้รัฐสภาสหรัฐฯ จะได้ใช้คณะผู้เลือกตั้งปลอมที่ให้ความสนับสนุนทรัมป์
นอกจากคดีล่าสุดในจอร์เจียแล้ว ทรัมป์ยังมีกำหนดขึ้นศาลนิวยอร์กในเดือนมีนาคมปีหน้าในคดีการจ่ายเงินปิดปากนักแสดงหนังโป๊ และเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ศาลในรัฐฟลอริดายังเริ่มการไต่สวนทรัมป์ข้อหาบกพร่องในการจัดการเอกสารที่มีชั้นความลับ เช่นเดียวกับศาลในกรุงวอชิงตันซึ่งพิจารณาคดีที่กล่าวหาทรัมป์พยายามล้มล้างผลการเลือกตั้งในปี 2020 โดยทั้งหมดเหล่านี้ทรัมป์ยืนกรานว่าตนเองไม่ได้กระทำความผิด
(ที่มา : เอเอฟพี, เอพี)