สวีเดนชี้ประเทศเผชิญภัยคุกคามมากขึ้นจากกรณีการเผาคัมภีร์อัลกุรอาน เตรียมยกระดับการควบคุมชายแดนเพื่อเพิ่มอำนาจตำรวจในการหยุดยั้ง และค้นตัวผู้ที่อาจเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศ
กฎหมายใหม่ที่มีผลบังคับใช้นับจากวันอังคาร (1 ส.ค.) ให้อำนาจตำรวจในการตรวจสอบตามแนวชายแดน ซึ่งรวมถึงการค้นตัว และอนุญาตให้มีการใช้ระบบการตรวจตราด้วยอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น
กุนนาร์ สตรอมเมอร์ รัฐมนตรียุติธรรมสวีเดน แถลงเมื่อวันอังคาร (1 ส.ค.) ว่า มาตรการควบคุมชายแดนจะช่วยให้สวีเดนสามารถระบุตัวผู้ที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศและอาจเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคง
ช่วงหลายสัปดาห์มานี้มีการประท้วงและเผาหรือทำลายคัมภีร์อัลกุรอานหลายระลอกในสวีเดนและเดนมาร์ก สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งให้แก่ประเทศมุสลิม รวมทั้งมีการเรียกร้องให้รัฐบาลของ 2 ประเทศแถบนอร์ดิกเหล่านี้ดำเนินการเพื่อหยุดยั้งการเผาคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลาม
ทว่า เมื่อวันจันทร์ (31 ส.ค.) ตำรวจสวีเดนยังคงอนุญาตให้ชายอิรัก 2 คน ซึ่งว่ากันว่าเป็นชาวคริสเตียน คือ ซัลวาน โมมิกา และซัลวาน นาเจม เผาคัมภีร์อัลกุรอาน ในระหว่างการประท้วงที่หน้ารัฐสภาสวีเดน
ชาย 2 คนนี้เคยประท้วงในลักษณะนี้ทั้งที่หน้ามัสยิดหลักในกรุงสตอกโฮล์ม และที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตอิรักในเมืองหลวงของสวีเดนแห่งนี้ และทำให้ถูกประณามอย่างกว้างขวาง รวมทั้งยังกระตุ้นให้มีการประท้วงอย่างโกรธเกรี้ยวขึ้นในอิรัก โดยผู้ประท้วงบุกสถานเอกอัครราชทูตสวีเดนในกรุงแบกแดด 2 ครั้ง ซึ่งในครั้งที่ 2 มีการจุดไฟเผาในบริเวณสถานทูต
ทางด้านองค์การความร่วมมืออิสลาม ออกคำแถลงเมื่อวันจันทร์แสดงความผิดหวังที่สวีเดนและเดนมาร์กไม่ดำเนินการใดๆ ภายหลังการประท้วงเผาคัมภีร์อัลกุรอานหลายต่อหลายครั้ง
ทั้งนี้ รัฐบาลสวีเดนประณามการดูหมิ่นคัมภีร์อัลกุรอาน แต่ขณะเดียวกันก็ย้ำว่า เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและชุมนุมได้รับการคุ้มครองภายใต้รัฐธรรมนูญสวีเดน
กระนั้น ทั้งสวีเดนและเดนมาร์กต่างประกาศว่า กำลังหาช่องทางกฎหมายเพื่อจำกัดการกระทำดังกล่าวและลดสถานการณ์ตึงเครียด
สัปดาห์ที่แล้ว สวีเดนสั่งหน่วยงานรัฐบาล 15 แห่งที่รวมถึงกองทัพ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และสรรพากร ยกระดับมาตรการต่อต้านการก่อการร้าย
ตำรวจรักษาความมั่นคงเดนมาร์กระบุเมื่อวันจันทร์ว่า เดนมาร์กตระหนักว่า มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเกิดการโจมตีอันเป็นผลจากวิกฤตการณ์นี้เช่นเดียวกับสวีเดน
ต่อมาในวันอังคาร นายกรัฐมนตรีอุลฟ์ คริสเตอร์สัน ของสวีเดน กล่าวว่า สถานการณ์อันตราย ซับซ้อน และถูกบุคคลที่ต้องการทำลายสวีเดนใช้เป็นเครื่องมือ ซึ่งรวมถึงรัสเซียที่อาจใช้สถานการณ์นี้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง เช่น ขัดขวางไม่ให้สวีเดนเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต)
ทั้งนี้ สวีเดนสมัครเป็นสมาชิกนาโตหลังจากรัสเซียบุกยูเครน ทว่ากระบวนการเข้าเป็นสมาชิกนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากทุกๆ ชาติสมาชิกเสียก่อน เวลานี้รัฐสภาของตุรกี ซึ่งเป็นชาติสมาชิกรายหนึ่ง ยังไม่ได้ให้สัตยาบันรับรอง
ประธานาธิบดีไตยิป แอร์โดอัน ของตุรกี กล่าวว่า เขาจะดำเนินการเพื่อให้มีการอนุมัติรับรองใบสมัครของสวีเดน แต่ก็เตือนว่า การดำเนินการนี้จะไม่เกิดขึ้นตราบที่ยังมีการเผาคัมภีร์อัลกุรอานในสวีเดน
ด้านคริสเตอร์สัน กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือการลดความตึงเครียด และเรียกร้องให้ประชาชนใช้เสรีภาพในการแสดงออกอย่างมีความรับผิดชอบและสุภาพ
ผู้นำสวีเดนเสริมว่า รัฐบาลยังต้องการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเพื่อให้ตำรวจสามารถหยุดยั้งการเผาคัมภีร์อัลกุรอานในที่สาธารณะ ถ้าหากมันเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการเสนอแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎหมายควบคุมเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างครอบคลุม
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, อาร์ที)