รัฐบาลเดนมาร์กและสวีเดนเตรียมสำรวจช่องทางกฎหมายเพื่อหยุดยั้งการประท้วงที่มีการเผาคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากเกิดความกังวลด้านความมั่นคง เมื่อเจอกระแสในทางลบภายหลังเกิดเหตุการณ์ประท้วงที่มีการการดูหมิ่นคัมภีร์อัลกุรอานใน 2 ประเทศนี้
คำแถลงจากกระทรวงการต่างประเทศเดนมาร์กที่ออกมาเมื่อวันอาทิตย์ (30 ก.ค.) ตั้งข้อสังเกตว่า การประท้วงที่มีการทำลายคัมภีร์ทางศาสนาดังกล่าวได้ถูกกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่งนำไปใช้เป็นเครื่องมือ ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องการ “สำรวจ” แนวทางการเข้าไปแทรกแซงสถานการณ์ ในกรณีที่ “ประเทศอื่นๆ วัฒนธรรมอื่นๆ และศาสนาอื่นๆ ถูกดูหมิ่น และอาจส่งผลลบอย่างสำคัญต่อเดนมาร์ก ไม่เฉพาะทางด้านความมั่นคงเท่านั้น”
คำแถลงกล่าวเพิ่มเติมว่า การแทรกแซงดังกล่าวนี้ต้องดำเนินการภายในกรอบโครงเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่ได้รับการคุ้มครองภายใต้รัฐธรรมนูญ และในวิธีที่ไม่ทำให้เสรีภาพในการแสดงออกอย่างกว้างขวางซึ่งเป็นค่านิยมสำคัญที่สุดของเดนมาร์ก ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงไป
ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการประท้วงหลายครั้งในสวีเดนและเดนมาร์ก โดยผู้ประท้วงได้เผาหรือทำลายคัมภีร์อัลกุราน สร้างความไม่พอใจให้ชาวมุสลิมทั่วโลก และจุดชนวนความตึงเครียดทางการทูตทั่วตะวันออกกลาง ตลอดจนเดนมาร์กและสวีเดน ทั้งนี้ สถานทูตสวีเดนในกรุงแบกแดดของอิรัก ถูกชาวมุสลิมที่โกรธแค้นบุกและจุดไฟเผา
คำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศเดนมาร์กตั้งข้อสังเกตว่า การประท้วงไปถึงระดับที่ทำให้เดนมาร์กถูกหลายประเทศทั่วโลกมองว่า เป็นประเทศที่ส่งเสริมการดูหมิ่นวัฒนธรรม ศาสนา และวัฒนธรรมของประเทศอื่นๆ และสำทับว่า วัตถุประสงค์หลักของบางการประท้วงที่มีการหมิ่นคัมภีร์นั้นมีลักษณะของการยั่วยุ และอาจก่อให้เกิดส่งผลพวงที่ร้ายแรงติดตามมา
ทั้งนี้ ตัวแทนทางการทูตของเดนมาร์กและสวีเดนได้ถูกหลายประเทศในตะวันออกกลางเรียกเข้าพบเพื่อแสดงความไม่พอใจ
ในอีกด้านหนึ่ง นายกรัฐมนตรีอุล์ฟ คริสเตอร์สัน ของสวีเดน ได้ออกคำแถลงว่า ได้ติดต่อหารือกับนายกรัฐมนตรีเมตเต เฟรเดอริกเซน ของเดนมาร์กอย่างใกล้ชิด และบอกว่ากระบวนการทำนองเดียวกันนี้มีการดำเนินการอยู่แล้วในสวีเดน
“เราก็ได้เริ่มต้นแล้วเช่นกันในการวิเคราะห์สถานการณ์ทางกฎหมาย ... เพื่อพิจารณามาตรการต่างๆ ที่จะเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติของเรา และความมั่นคงของชาวสวีเดนทั้งในสวีเดนและในทั่วโลก” คริสเตอร์สัน กล่าวในข้อความที่เขาโพสต์ทางอินสตาแกรม
วันพฤหัสฯ ที่แล้ว (27 ก.ค.) รัฐบาลสวีเดนสั่งให้หน่วยงานรัฐบาล 15 แห่ง ที่รวมถึงกองทัพ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และหน่วยงานสรรพากร เสริมสร้างความสามารถของประเทศในการป้องกันการก่อการร้ายเพื่อรับมือสถานการณ์ความมั่นคงที่เลวร้ายลง
การประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังจากก่อนหน้านั้นหนึ่งวันรัฐบาลสวีเดนระบุว่า ประเทศตกเป็นเป้าหมายแคมเปญการปล่อยข้อมูลเท็จ ทั้งนี้สวีเดนกำลังพยายามแก้ต่างว่า ตนเพียงแค่อนุญาตให้ผู้ประท้วงในสวีเดนใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นได้ แต่ไม่ได้ส่งเสริมสนับสนุนการทำลายคัมภีร์
ในเดือนกรกฎาคม รัฐบาลสวีเดนยังประกาศว่า จะตรวจสอบว่าสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขกฎหมายความสงบเรียบร้อยของชาติเพื่อให้ตำรวจสามารถหยุดยั้งการประท้วงที่มีลักษณะคุกคามความมั่นคงของประเทศ
คริสเตอร์สันยืนยันว่า นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการปกป้องสังคมที่เปิดกว้างและเสรี ประชาธิปไตย ตลอดจนถึงสิทธิ เสรีภาพ และความปลอดภัยของประชาชน
ขณะเดียวกัน ซาอุดีอาระเบียและอิรักเรียกร้องจัดการประชุมองค์การความร่วมมืออิสลามซึ่งคาดว่า จะมีขึ้นในวันจันทร์ (31 ก.ค.) เพื่อจัดการกับการดูหมิ่นคัมภีร์อัลกุรอานในสวีเดนและเดนมาร์ก
นอกจากนั้น เมื่อวันอาทิตย์ แหล่งข่าวในกระทรวงการต่างประเทศตุรกียังเผยว่า ฮาคาน ฟิดาน รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี เรียกร้องให้สวีเดนดำเนินมาตรการเป็นรูปธรรมเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเผาอัลกุรอาน
ฟิดานบอกกับโทเบียส บิลล์สตรอม รัฐมนตรีต่างประเทศสวีเดนว่า การกระทำชั่วช้าในการเผาทำลายคัมภีร์อัลกุรอานภายใต้ข้ออ้างของเสรีภาพในการแสดงออกเป็นสิ่งที่รับไม่ได้
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)