รัฐบาลมาเลเซียอาจยกเลิกแผนการดำเนินคดีกับ “เมตา” (Meta) บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก หลังได้รับความร่วมมือ “เชิงบวก” จากทางบริษัทเกี่ยวกับการปิดกั้นเนื้อหาที่เป็นอันตรายและสร้างความแตกแยกในสังคม
เดือนที่แล้ว คณะกรรมาธิการการสื่อสารและสื่อสารสนเทศ (MCMC) ของมาเลเซียได้ประกาศจะยื่นฟ้องเมตาฐานไม่ดำเนินการปิดกั้น “คอนเทนต์ไม่พึงประสงค์” เกี่ยวกับเชื้อชาติ ศาสนา สถาบันกษัตริย์ การดูหมิ่นเหยียดหยาม การปลอมแปลงเป็นบุคคลอื่น การพนันออนไลน์ และโฆษณาล่อลวงต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ฟัดซิล ฟาห์มี รัฐมนตรีกระทรวงการสื่อสารของมาเลเซีย ได้ออกมาแถลงข่าวล่าสุดวานนี้ (28 ก.ค.) ว่า ทางเมตา ได้ให้คำมั่นต่อหน่วยงานกำกับดูแลและตำรวจมาเลเซียว่าจะเร่งดำเนินการปิดกั้นเนื้อหาเหล่านี้
“ผมคิดว่า MCMC ยังไม่จำเป็นต้องดำเนินการทางกฎหมายในตอนนี้ เพราะระดับความร่วมมือที่เราได้รับถือว่าเป็นบวกมาก” ฟาห์มี ระบุ
เขายืนยันด้วยว่า รัฐบาลมาเลเซียอยู่ระหว่างพิจารณาใช้บทลงโทษ เช่น การสั่งปรับบริษัทโซเชียลมีเดียที่ปล่อยให้มีการเผยแพร่เนื้อหาที่เป็นภัยสังคม
เฟซบุ๊กถือเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในมาเลเซีย โดยมีการประเมินว่า 60% ของประชากร 33 ล้านคนมีบัญชีเฟซบุ๊กกันอย่างน้อยคนละ 1 บัญชี
ฟาห์มี ยังปฏิเสธข้อกังวลเรื่องที่รัฐบาลยกระดับคัดกรองเนื้อหาบนสื่อออนไลน์ พร้อมยืนยันว่าเว็บไซต์ข่าวและบัญชีโซเชียลมีเดียของฝ่ายค้านที่ถูกปิดระนาวในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ได้เกิดจากคำสั่งของรัฐ แต่อาจเป็นเพราะถูกผู้ใช้งานทั่วไปร้องเรียนว่าละเมิดกฎมากกว่า
เรื่องเชื้อชาติและศาสนานับว่าเป็นประเด็นละเอียดอ่อนในมาเลเซียซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมลายู แต่มีสัดส่วนชาวจีนและคนเชื้อสายอินเดียอยู่ด้วยไม่น้อย ส่วนการแสดงความเห็นเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ก็เป็นเรื่องเซนซิทีฟเช่นกัน โดยผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบอาจถูกดำเนินคดีฐานยุยงปลุกปั่น (sedition)
ที่มา : รอยเตอร์