เอเจนซีส์ - รัสเซียโจมตีทางอากาศเคียฟเช้าตรู่วันอังคาร (11 ก.ค.) หรือไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ซัมมิตนาโตจะเริ่มต้นขึ้น นอกจากนั้น เครมลินยังออกมาเตือนว่า การรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกพันธมิตรด้านความมั่นคงกลุ่มนี้จะทำให้เกิดผลลบรุนแรงต่อโครงสร้างความมั่นคงของยุโรป และเผชิญการตอบโต้อย่างชัดเจนและเด็ดขาดจากมอสโก
เซอร์ฮี ป็อปโค ผู้บัญชาการคณะบริหารด้านการทหารของเคียฟ โพสต์บนแอปเทเลแกรมว่า รัสเซียโจมตีทางอากาศต่อเคียฟเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือนนี้ และจากข้อมูลเบื้องต้น ระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนสามารถยิงโดรนชาเฮดที่ผลิตในอิหร่านร่วงทั้งหมดก่อนเข้าโจมตีเป้าหมาย ทว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลความเสียหายหรือการบาดเจ็บล้มตายแต่อย่างใด
ด้านกองทัพอากาศยูเครนแถลงว่า สัญญาณเตือนภัยการโจมตีทางอากาศในเคียฟทำงานนานหนึ่งชั่วโมง และนานกว่านั้นในพื้นที่อื่นๆ ทางภาคตะวันออกของประเทศ
ผู้เห็นเหตุการณ์ในเคียฟเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ได้ยินเสียงดังคล้ายเสียงระบบป้องกันภัยทางอากาศสกัดการโจมตีเป้าหมาย
ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดในวิลนีอุส เมืองหลวงของลิทัวเนีย ที่เริ่มต้นขึ้นในวันอังคารและมีเป้าหมายในการแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับยูเครน จะถูกครอบงำโดยประเด็นการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ซึ่งเหล่าผู้นำองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) มีแผนอนุมัติแผนการที่ครอบคลุมฉบับแรกนับจากสิ้นสุดสงครามเย็นเพื่อป้องกันการโจมตีของมอสโก
ทางฝ่ายรัสเซียตำหนินาโตและอเมริกาอย่างรุนแรงกรณีที่ให้การสนับสนุนยูเครน และเตือนว่า การเข้าเป็นสมาชิกนาโตของเคียฟจะเผชิญการตอบโต้อย่างชัดเจนและเด็ดขาด
เมื่อวันจันทร์ (10 ก.ค.) ดมิตรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน ย้ำว่า จุดยืนที่ชัดเจนและแน่วแน่ของรัสเซียต่อการเข้าเป็นสมาชิกนาโตของยูเครนคือ การดำเนินการนี้จะส่งผลลบอย่างรุนแรงมากต่อโครงสร้างด้านความมั่นคงในยุโรปที่ถูกทำลายไปแล้วครึ่งหนึ่ง และจะเป็นอันตรายที่สุดและเป็นภัยคุกคามต่อรัสเซีย ซึ่งทำให้รัสเซียต้องตอบโต้อย่างชัดเจนและเด็ดขาด
รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อปีที่แล้วโดยเรียกว่า “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” หลังจากล้มเหลวในการพยายามเรียกร้อง “การรับประกันความมั่นคง” จากตะวันตกว่า นาโตจะไม่รับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกอย่างเด็ดขาด ซึ่งอเมริกาตอบโต้ว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าว “ไม่มีโอกาสสำเร็จตั้งแต่เริ่ม” และยูเครนควรมีอิสระในการตัดสินใจเรื่องนี้
สงครามยูเครนที่ดำเนินมาถึงวันที่ 503 ในขณะนี้และยังไม่มีวี่แววยุติลง ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน และผู้คนนับล้านต้องพลัดจากถิ่นฐาน รวมทั้งทำให้เมืองมากมายในภาคตะวันออกและใต้ของยูเครนเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง