ราคาน้ำมันทรงตัวในวันพฤหัสบดี (6 ก.ค.) ตลาดทบทวนอุปทานในสหรัฐฯ กับแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยที่อาจกัดเซาะอุปสงค์ทางพลังงาน ส่วนวอลล์สตรีทและทองคำปรับลดจากแรงเทขาย ท่ามกลางข้อมูลภาคแรงงานที่ออกมาแข็งแกร่ง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 71.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 13 เซนต์ ปิดที่ 76.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดคาดหมายว่าในสหรัฐฯ และยุโรปจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมเพื่อสกัดอัตราดอกเบี้ยระดับสูง ซึ่งอาจโหมกระพือภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่จะกระทบต่ออุปสงค์พลังงาน หลังผลสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ พบกิจกรรมภาคโรงงานและการบริการในจีนและยุโรปชะลอตัวลง
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดิ่งลงอย่างหนักในวันพฤหัสบดี (6 ก.ค.) นักลงทุนเทขาย หลังข้อมูลภาคแรงงานที่ออกมาแข็งแกร่งเป็นตัวหนุนผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอเมริกา และก่อความหวั่นเกรงว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุก
ดาวโจนส์ ลดลง 366.38 จุด (1.07 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 33,922.26 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 35.23 จุด (0.79 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,411.59 จุด แนสแดค ลดลง 112.61 จุด (0.82 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,679.04 จุด
จากข้อมูลพบว่า ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดหมายในเดือนมิถุนายน บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง แม้มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะถดถอย ในขณะที่อีกรายงานแยกกัน พบตัวเลขการเปิดงานใหม่ในสหรัฐฯ ลดลงในเดือนพฤษภาคม แต่ยังอยู่ระดับสูง
หนึ่งวันก่อนหน้านี้รายงานคนว่างงานรายเดือนของสหรัฐฯ เป็นหลักฐานบ่งชี้ถึงความเข้มแข็งในตลาดแรงงาน ซึ่งมันโหมกระพือการคาดการณ์ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยไปจนกว่าจะควบคุมเงินเฟ้อได้สำเร็จ
ส่วนราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (6 ก.ค.) ปรับลดแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม หลังผลตอบแทนพันธมิตรรัฐบาลสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นจากข้อมูลการจ้างงานและภาคบริการของอเมริกา โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 11.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,915.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)