คาดหมายว่าสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในไตรมาส 4 ของปี 2023 จากความเห็นของ HSBC สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่แห่งสหรชอาณาจักรเมื่อวันอังคาร (27 มิ.ย.) พร้อมระบุบรรดาชาติยุโรปตะวันตกเองจะเจอกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยเช่นกัน อย่างเร็วที่สุดในปีหน้า
รายงานคาดการณ์ทางเศรษฐกิจรายครึ่งปีของ HSBC Asset Management เตือนว่าภาวะถดถอย "กำลังส่องแสงสีแดงกะพริบ" ในเศรษฐกิจของหลายชาติ ในขณะตลาดหุ้นและตลาดพันธมิตรไม่สอดคล้องกับนโยบายต่างๆ ทางการคลังและทางการเงิน
โจเซฟ ลิทเทิล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ระหว่างประเทศของธนาคาร HSBC ระบุในรายงานว่า ในขณะที่บางส่วนของเศรษฐกิจยังคงมีความยืดหยุ่น แต่เวลานี้สมดุลความเสี่ยงบ่งชี้ไปในทิศทางเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นอย่างสูง โดยแม้ยุโรปยังไล่หลัง สหรัฐฯ แต่วิถีเศรษฐกิจมหภาคโดยทั่วไปอยู่ในระนาบเดียวกัน
"สมมติฐานหลักของเราคือ ภาวะถดถอยในเศรษฐกิจตะวันตก และแนวโน้มที่ยากลำบากและผันผวนสำหรับตลาดต่างๆ" ลิทเทิล คาดการณ์ พร้อมอ้าง 2 เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังแนวโน้มดังกล่าว หนึ่งในนั้นคือความเคลื่อนไหวเร่งกระชับภาวะทางการเงินเร็วเกินไป ซึ่งมันก่อภาวะถดถอยในวงจรสินเชื่อ
คำเตือนนี้มีขึ้น 1 สัปดาห์ หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) เคลื่อนไหวปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 5% สูงที่สุดในรอบ 15 ปี ในขณะที่ภาวะเงินเฟ้ออันสูงลิ่วกัดเซาะเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤษภาคม ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แถลงปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งสู่ระดับ 5.25% สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2007 และในช่วงเวลาเดียวกัน ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของยูโรโซนสู่ระดับ 3.75% ในความพยายามควบคุมเงินเฟ้อ
แม้บรรดาผู้ควบคุมกฎระเบียบของตะวันตกใช้สุ้มเสียงแข็งกร้าว แต่ HSBC Asset Management คาดการณ์ว่าเฟดจะต้านทานไม่ไหว จำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีปัจจุบัน จากนั้นทางอีซีบี และบีโออีจะดำเนินการตามในปีหน้า
"ภาวะถดถอยอาจไม่ใหญ่พอที่จะกวาดล้างแรงกดดันเงินเฟ้อทั้งหมดออกจากระบบ ผลก็คือ มันบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อและอัตราเบี้ยจะยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเวลาผ่านไป" HSBC Asset Management กล่าว
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)
