“ไบเดน”ยืนยันในวันจันทร์ (19 มิ.ย.) ภัยคุกคามจากการที่ “ปูติน”จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีนั้นเป็นเรื่องจริง ขณะที่ทางด้านรัฐมนตรีรัสเซียก็แฉ เคียฟมีแผนโจมตีไครเมียด้วยระบบจรวดหลายลำกล้อง HIMARS ของอเมริกา และขีปนาวุธสตอร์มชาโดว์ของอังกฤษ ซึ่งจะเท่ากับมหาอำนาจตะวันตกสองชาตินี้ถูกดึงเข้าสู่ความขัดแย้งในยูเครน
ภายหลัง ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประกาศว่า การขนย้ายอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีของรัสเซียชุดแรกเข้าไปติดตั้งในเบลารุสนั้น กระทำเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของอเมริกา ได้ออกมาแถลงโจมตีเมื่อวันเสาร์ (17) ว่า เป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง
ต่อมาในวันจันทร์ (19 ) ประมุขทำเนียบขาวได้แถลงย้ำว่า ภัยคุกคามจากการที่ปูตินจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีนั้นเป็นเรื่องจริง
ทั้งนี้ สัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ของเบลารุส กล่าวว่า เบลารุสได้รับอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีจากรัสเซียแล้ว ซึ่งบางระบบมีอานุภาพมากกว่าระเบิดปรมาณูที่อเมริกาทิ้งใส่ฮิโรชิมาและนางาซากิเมื่อปี 1945 ถึง 3 เท่า
การติดตั้งระบบอาวุธดังกล่าวถือเป็นการเคลื่อนย้ายหัวรบนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีออกนอกรัสเซียครั้งแรกนับจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย อีกทั้งถูกจับตาอย่างใกล้ชิดจากอเมริกาและพันธมิตร ตลอดจนถึงจีนที่ย้ำมาตลอดว่า ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในสงครามยูเครน ขณะที่ฝ่ายรัสเซียโบ้ยว่า ตนเพียงทำตามอย่างสหรัฐฯซึ่งติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ในพวกประเทศสมาชิกนาโต้มาหลายสิบปีแล้ว
ขณะเดียวกัน เซียร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย กล่าวเมื่อวันอังคาร (20) ว่า ยูเครนกำลังวางแผนโจมตีคาบสมุทรไครเมียด้วยระบบจรวดหลายลำกล้อง HIMARS ของอเมริกา และขีปนาวุธสตอร์มชาโดว์ของอังกฤษ พร้อมเตือนว่า การโจมตีดังกล่าวซึ่งรัสเซียถือว่า อยู่นอกเขต “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ในยูเครน จะหมายความว่า สองชาติมหาอำนาจตะวันตกมีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งนี้ และสำทับว่า มอสโกจะตอบโต้การโจมตีไครเมียเช่นนี้อย่างแน่นอน
สำหรับที่ยูเครน เจ้าหน้าที่เผยในวันอังคารว่า รัสเซียโจมตีเป้าหมายทางทหารและโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศนานหลายชั่วโมงเมื่อคืนวันจันทร์ กระนั้น ยูเครนสามารถสอยโดรนชาเฮดที่ผลิตในอิหร่าน 32 ลำ จาก 35 ลำที่รัสเซียใช้ในการโจมตี
อย่างไรก็ดี แมคซิม โคซิตสกียี ผู้ว่าการแคว้นลวิล เผยว่า โครงสร้างพื้นฐานสำคัญถูกโจมตี แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ
ด้านยูริ อิห์นัต โฆษกกองทัพอากาศยูเครนให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศไม่สามารถครอบคลุมพื้นที่ทั่วยูเครนได้
กองทัพอากาศยูเครนเสริมว่า รัสเซียยังโจมตีเมืองซาโปริซเซีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ด้วยขีปนาวุธอิสกันเดอร์และขีปนาวุธเอส-300 โดยพุ่งเป้าโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารและพื้นที่เกษตรกรรม
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้กล่าวในคลิปที่เผยแพร่เมื่อคืนวันจันทร์ว่า กองทัพเคียฟสามารถชิงดินแดนคืนได้เพิ่มขึ้นและไม่เสียดินแดนเพิ่ม ขณะที่รัสเซียเป็นฝ่ายสูญเสีย
ด้านฮันนา มาเลียร์ รัฐมนตรีช่วยกลาโหมยูเครนกล่าวในวันเดียวกันว่า ยูเครนชิงหมู่บ้านคืนได้แห่งที่ 8 ในปฏิบัติการรุกตอบโต้ครั้งใหญ่ที่เริ่มต้นเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว กระนั้นเธอย้ำว่า เคียฟยังไม่ได้เริ่มเปิดการโจมตีตอบโต้ขนาดใหญ่ที่สุดของตน
รัฐมนตรีช่วยกลาโหมยูเครนสำทับว่า การสู้รบที่ดุเดือดที่สุดอยู่ทางตะวันออกและใต้ของยูเครน และกองทัพเคียฟกำลังป้องกันการรุกคืบของรัสเซียทางตะวันออกที่เป็นที่ตั้งหน่วยทหารของรัสเซียที่รวมถึงกองกำลังโจมตีทางอากาศ
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี)