อี จงซอบ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ ไม่เคยหารือใดๆ ในเรื่องการส่งมอบกระสุนและอาวุธแก่ยูเครน กับโจเซฟ บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) ตามคำกล่าวอ้างของฝ่ายหลัง ระบุมันเป็นจุดยืนแต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น จากคำชี้แจงของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้
ถ้อยแถลงของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ อ้างถึงข้อความบนทวิตเตอร์ของบอร์เรล ซึ่งเวลานี้ถูกลบไปแล้ว โดยหัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศอียูเขียนว่า เขามีการพบปะพูดคุยที่ดีกับ อี รอบนอกการประชุมซัมมิตด้านความมั่นคง Shangri-La Dialogue ในสิงคโปร์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "มีความกังวลร่วมกันต่อการที่เกาหลีเหนือยังคงยั่วยุไม่หยุดและมีการหารือเกี่ยวกับความต้องการกระสุนของยูเครน"
อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ปฏิเสธคำแถลงดังกล่าว โดยอ้างว่ามันไม่เป็นความจริงที่ อี และ บอร์เรล ได้มีการหารือเกี่ยวกับการสนับสนุนด้านกระสุนแก่เคียฟ พร้อมระบุต่อว่า ทูตอียูรายนี้ "ได้พาดพิงเกี่ยวกับระบบอาวุธต่างๆ และหนทางสนับสนุนอื่นๆ ที่มีความจำเป็นสำหรับแก้ไขสถานการณ์ของยูเครนที่กำลังสู้รบกับรัสเซีย ทว่ามันเป็นจุดยืนแต่เพียงฝ่ายเดียวที่ว่ากระสุนมีความสำคัญ"
ตามหลังเสียงโต้กลับจากโซล ทาง บอร์เรล ได้ลบทวีตดังกล่าวและแทนที่มันด้วยอีกข้อความบนทวิตเตอร์ โดยประโยคสุดท้ายเขียนว่า "ผมได้อธิบายถึงความต้องการด้านกระสุนของยูเครน"
นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนเริ่มต้นขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เกาหลีใต้ได้มอบความช่วยเหลือด้านการเงินและมนุษยธรรมแก่เคียฟ ไปแล้วหลายร้อยล้านดอลลาร์ แต่ยืนกรานว่าจะไม่ส่งมอบความช่วยเหลือด้านอาวุธสังหาร
กระนั้นก็ตาม ในเดือนเมษายน ประธานาธิบดี ยุน ซุกยอล ส่งสัญญาณว่าโซลอาจเปลี่ยนจุดยืนในประเด็นดังกล่าว หากว่ามีการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อกฎหมายว่าด้วยสงคราม (laws of war) เกิดขึ้นในยูเครน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานอ้างว่าเกาหลีใต้มี "ข้อตกลงลับ" กับสหรัฐฯ ซึ่งระบุว่าโซลตกลงจัดหากระสุนปืนใหญ่หลายแสนลูกให้ยูเครน ซึ่งในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่โซลออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวดังกล่าวว่ามันมีเนื้อหาที่ไม่ถูกต้องบางส่วน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
รัสเซีย ประณามตะวันตกซ้ำๆ ต่อกรณีส่งมอบอาวุธแก่ยูเครน โดยชี้ว่ามันรังแต่จะทำให้ความขัดแย้งยืดเยื้อ ทั้งนี้ในเดือนเมษายน มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสซีย เตือนเกาหลีใต้ต่อการเดินตามเส้นทางนี้ โดยเน้นย้ำว่ามอสโกจะตีความมันว่าเป็น "ความเคลื่อนไหวที่เป็นปรปักษ์ต่อต้านรัสเซียอย่างเปิดเผย"
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)