“ไบเดน” ที่ตัดกำหนดการเยือนเอเชียให้สั้นลงเพื่อเร่งเดินทางกลับบ้าน รีบหารือทางโทรศัพท์กับประธานสภาล่างสหรัฐฯ ตั้งแต่ยังอยู่บนเครื่องบิน และนัดหมายเจอหน้ากันในวันจันทร์ (22 พ.ค.) เพื่อหาทางออกเรื่องเพดานหนี้ อย่างไรก็ดี แม้ทั้งคู่ออกปากว่าการพูดจาเป็นไปด้วยดี แต่ต่างฝ่ายยังคงยืนกรานจุดยืนเดิมไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากเหลืออีกไม่ถึง 2 สัปดาห์จะถึงเส้นตายที่อเมริกาอาจผิดนัดชำระหนี้ ถ้าพวกผู้นำประเทศยังประนีประนอมกันไม่ได้
เควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกัน ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่อาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตันเมื่อวันอาทิตย์ (21) หลังสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ว่า การพูดคุยเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตครั้งนี้เป็นไปด้วยดี ซึ่งตรงข้ามกับวาทะดุเดือดเมื่อหลายวันก่อนที่ทั้งคู่โจมตีจุดยืนของอีกฝ่ายว่า สุดโต่ง และทำให้การเจรจาหยุดชะงัก
ด้านไบเดน ก็เปิดเผยหลังเดินทางถึงทำเนียบขาวเมื่อคืนวันอาทิตย์ว่า การพูดคุยกับแมคคาร์ธีราบรื่นดี และจะหารือกันต่อในวันจันทร์
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนทั้งคู่ยังห่างไกลจากการประนีประนอมขั้นสุดท้าย โดยก่อนเดินทางออกจากญี่ปุ่นหลังสิ้นสุดการประชุมสุดยอดจี7 เมื่อวันอาทิตย์ ไบเดนกล่าวว่า เขายินดีลดงบประมาณรายจ่ายและปรับมาตรการภาษีเพื่อให้สามารถบรรลุข้อตกลงกับฝ่ายรีพับลิกัน ทว่าข้อเสนอล่าสุดจากรีพับลิกันซึ่งให้รัฐบาลลดการใช้จ่ายทางสังคมเพื่อแลกกับการขยายเพดานหนี้นั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
หลังจากนั้น ไบเดนยังทวีตว่า เขาจะไม่ยอมรับข้อตกลงที่จะเป็นการปกป้องการอุดหนุนบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่และมาตรการลดภาษีคนรวยและภาคธุรกิจ แต่ไปเบียดบังความช่วยเหลือด้านสุขอนามัยและอาหารที่จะทำให้ชาวอเมริกัน 21 ล้านคนตกอยู่ในความเสี่ยง
ไบเดน ยังชี้ว่า สมาชิกรีพับลิกันบางคนยินดีปล่อยให้อเมริกาผิดนัดชำระหนี้เพื่อขัดขวางไม่ให้เขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีหน้า
ทางฝั่งแมคคาร์ธียืนกรานว่า จุดยืนของตนยังคงเดิม และทวีตหลังจากคุยโทรศัพท์กับไบเดน ว่า วอชิงตันไม่สามารถใช้จ่ายเงินที่ไม่มีในมือสำหรับเด็กและผู้สูงวัยอีกต่อไป
นอกจากนั้น ระหว่างอยู่ที่ญี่ปุ่น ไบเดนแสดงความหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ แต่สำทับว่า ไม่สามารถรับประกันได้ว่ารีพับลิกันจะไม่ทำสิ่งเลวร้ายอื่นๆ เพื่อบีบให้รัฐบาลผิดนัดชำระหนี้
ทั้งนี้ ขณะที่เหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 สัปดาห์จะถึงวันที่ 1 มิถุนายน ซึ่งกระทรวงการคลังเตือนว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อาจผิดนัดชำระหนี้จำนวน 31 ล้านล้านดอลลาร์ และเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลัง ได้ย้ำเตือนเส้นตายนี้อีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์
ทั้งนี้ หากรัฐบาลไม่สามารถทำให้รัฐสภายินยอมขยายเพดานการก่อหนี้ จะทำให้อเมริกาตกอยู่ในฐานะผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งเห็นกันว่าจะส่งผลให้ตลาดการเงินปั่นป่วนและดันอัตราดอกเบี้ยพุ่งขึ้น ทำเนียบขาวสำทับว่า ผลกระทบอาจลุกลามทั่วโลก รวมถึงทำให้อเมริกาเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
เวลานี้ รีพับลิกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แม้จะมีเสียงเกินครึ่งแบบบางเฉียบ ขณะที่พรรคเดโมแครตของไบเดนก็ควบคุมวุฒิสภาเอาไว้ด้วยเสียงข้างมากบางเฉียบเช่นเดียวกัน ดังนั้น การผลักดันนโยบายสำคัญๆ จึงทำได้ยากลำบากถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากทั้ง 2 พรรค
ครั้งล่าสุดที่อเมริกาตกอยู่ในสภาพจะผิดนัดชำระหนี้อยู่รอมร่อเช่นนี้ คือเมื่อปี 2011 โดยในครั้งนี้พรรคเดโมแครตคุมทำเนียบขาวและสภาสูง ส่วนรีพับลิกันคุมสภาล่างเช่นเดียวกัน
ทว่า แม้ที่สุดแล้วได้มีการประนีประนอมจนหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้สำเร็จ แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ซึ่งรวมถึงการถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือที่เคยอยู่ระดับสูงสุด ตลอดจนตลาดเกิดการเทขายหุ้นครั้งใหญ่
สำหรับในคราวนี้ เฉพาะที่ไบเดนต้องตัดกำหนดการในเอเชียให้สั้นลง โดยยกเลิกการเยือนปาปัวนิวกินี และออสเตรเลีย เพื่อรีบกลับบ้านไปหาทางออกเรื่องหนี้ ก็กลายเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของไบเดนบนเวทีจี7 ในการเป็นผู้นำที่อ่อนแอของประเทศที่แตกแยก ซึ่งต้องเผชิญวิกฤตครั้งแล้วครั้งเล่า
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)