จับตาเส้นทางใหม่ในอนาคตของ ดัชเชสเมแกน มาร์เคิล วัย 41 ปี ว่าเธอจะตัดสินใจลงเล่นการเมืองในสหรัฐอเมริกาหรือไม่ หลังจากที่เธอขยับตัวในแนวทางที่นักวิเคราะห์ชี้ชัดเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการแผ้วถางทาง
ทั้งนี้ ตั้งแต่ที่ยังเป็นเด็กหญิงอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันผู้ไร้ซึ่งชื่อชั้นใดๆ เด็กหญิงเมแกน มาร์เคิล ได้แสดงออกทางสังคมและการเมือง โดยเขียนจดหมายไปถึง พร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคค่ายยักษ์ใหญ่ เพื่อวิจารณ์ติเตียนโฆษณาของบริษัทว่า ทำตัวเป็นพวกเหยียดเพศ หลังจากนั้น เธอมักที่จะพูดถึงประเด็นทางสังคมต่างๆ เช่น ความไม่เท่าเทียมระหว่างเพศหญิงกับเพศชาย ดิเอกซ์เพรส ยูเค ตั้งประเด็นไว้อย่างนั้น
ครั้นเมื่อเติบโตขึ้นเป็นนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสต์เทิร์น เมแกน เคยพยายามสอบเข้าทำงานในกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ แต่ล้มเหลวเพราะคะแนนการสอบเข้าทำงานไม่ผ่านเกณฑ์ หนังสือชีวประวัติของทอม บาวเออร์ เรื่อง Revenge: Meghan, Harry and the war between the Windsors บันทึกไว้อย่างละเอียด ก่อนจะเล่าสืบไปว่า ในที่สุด เมแกน ลูกสาวผู้กำกับแสงในวงการถ่ายทำหนังโทรทัศน์ ตัดสินใจเบนเข็มชีวิตไปเอาดีในอาชีพการแสดงภายในแวดวงฮอลลีวู้ด
แต่เมื่อเธอประสบความสำเร็จในชีวิต ได้เสกสมรสกับเจ้าชายแฮร์รี รัชทายาทแห่งราชตระกูลวินด์เซอร์ เธอได้สืบสานความมุ่งมั่นดั้งเดิมในการส่งเสริมการแก้ปัญหาสังคม เธอขึ้นเวทีต่างๆ แสดงวิสัยทัศน์ต่อปัญหาใหญ่ๆ ที่สร้างภาพลักษณ์ดัชเชสผู้ตื่นตัวต่อสู้เพื่อผู้ด้อยโอกาส
ในสกู๊ปของ ดิเอกซ์เพรส ยูเค มีการนำเสนอ 4 สัญญาณซึ่งส่อแสดงว่า ดัชเชสของเจ้าชายแฮร์รี อาจจะเตรียมตัวสำหรับการก้าวเดินไปในเส้นทางการเมืองในสหรัฐฯ ก็เป็นได้
1. เมแกน จ่ายเงินราว 90,000 ปอนด์ให้แก่อดีตเลขานุการฝ่ายสื่อมวลชนของ มิเชล โอบามา
เป็นที่เข้าใจกันว่า ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกส์ จ่ายเงินไปเกือบๆ 90,000 ปอนด์ ให้แก่ อดีตเลขานุการฝ่ายสื่อมวลชนของ มิเชล โอบามา นี่เป็นความเคลื่อนไหวที่ทำให้บางนักวิเคราะห์ฟันธงว่า มันเป็นร่องรอยอันเป๊ะปังว่า ดัชเชสเมแกน มีจุดมุ่งหมายทางการเมืองซ่อนเร้นอยู่
เงินก้อนใหญ่ที่พูดถึงกันนี้ เป็นการสั่งจ่ายให้แก่บริษัทพีอาร์ชื่อ KMLSA LLC ของ มิส แมคคอร์มิค เลลีเวลด์ เพื่อให้ “การสนับสนุนเชิงยุทธศาสตร์แก่การทำประชาสัมพันธ์ที่สามารถสร้างผลกระทบทางสังคม”
ด้านรัสเซลล์ ไมเออร์ส บรรณาธิการข่าวราชสำนักของสื่อใหญ่ค่าย เดลี่มิร์เรอร์ อ้างว่า การจ่ายเงินเช่นนี้ “ทำให้คุณมีเครื่องบ่งชี้ต่อการวิเคราะห์ว่า (เมแกน) นั้นมีความทะเยอทะยานทางการเมืองหรือไม่”
ไมเออร์ส บอกกับสื่อสกายนิวส์ออสเตรเลียว่า มีบางคนรู้สึกว่าข่าวลือประเด็นนี้ไม่ได้เรื่องเลย แต่ตัวเขาเองนั้นจะไม่ไป “วางเดิมพันอยู่ข้างที่ว่าเรื่องอย่างนี้จะไม่เกิดขึ้นมา”
2. เมแกนออกโรงผลักดันให้คุณพ่อคุณแม่มีสิทธิ์ลางานโดยได้รับเงินเดือนหลังคุณแม่คลอดบุตร
ในปี 2021 มีรายงานข่าวสะพัดว่า เมแกน โทรศัพท์ไปหาวุฒิสมาชิกหลายคนในสหรัฐฯ เพื่อรณรงค์เรียกร้องให้มีสวัสดิการที่คุณพ่อคุณแม่สามารถลางานหลังคลอดบุตรได้โดยยังได้รับเงินเดือน ในการนี้ เมแกน แนะนำตนเองไปทางโทรศัพท์ด้วยตำแหน่งว่า ดิฉัน ดัชเชสเมแกน นะคะ แต่เนื่องจากหัวโขนดัชเชสนี้ เมแกนไม่ได้รับจากประเทศอเมริกา การแนะนำตนเองด้วยตำแหน่งดัชเชส จึงค่อนข้างแป็ก
สื่อมวลชนหลายค่ายรายงานว่า เมแกน ได้ติดต่อกับวุฒิสมาชิก เชลลีย์ มัวร์ แคปติโอ และวุฒิสมาชิก ซูซาน คอลลินส์ โดยใช้บริการโทรศัพท์แบบที่ปิดบังไม่เปิดเผยว่าโทรศัพท์มาจากไหน
ส.ว.แคปติโอ เล่าว่าตอนที่ขับรถอยู่ โทรศัพท์จาก เมแกน เรียกเข้ามา และในตอนแรกเธอคิดว่า เป็นสายจากวุฒิสมาชิก (โจ) แมนชิน ติดต่อมา เนื่องจาก “สายจากแมนซินจะถูกเธอบล็อกเอาไว้” (ในสหรัฐฯและอังกฤษ มีบริการที่ เราโทรศัพท์ไปหาคนอื่น โดยไม่ต้องเปิดเผยเบอร์ของเรา แต่ฝ่ายผู้รับก็สามารถใช้บริการซึ่งตั้งค่าให้บล็อกพวกสายที่เรียกเข้าไปโดยไม่แสดงเบอร์ หรือบล็อกสายที่ตนเองไม่ต้องการรับ)
นักการเมืองสตรีเล่าต่อไปโดยย้ำว่า เมแกน แนะนำตัวเองว่า “ดิฉันคือ เมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกส์” ดิเอกซ์เพรสเล่าไว้อย่างนั้น
ด้าน ส.ว.ซูซาน คอลลินส์ ไม่ค่อยแฮปปี้กับสะใภ้ราชวงศ์อังกฤษ โดยให้สัมภาษณ์แก่ โปลิติโก สื่ออเมริกันเจ้าดังสายการเมืองและการระหว่างประเทศ ว่า
“ดิฉันประหลาดใจมากนะคะ เธอโทรศัพท์มาที่เบอร์ส่วนตัวของดิฉัน และแนะนำตัวว่าเป็นดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ซึ่งไม่ค่อยจะโอเค”
เมแกน ได้เบอร์โทรศัพท์ของวุฒิสมาชิกอเมริกันทั้งสองนี้จาก วุฒิสมาชิกเคอร์สเทน กิลลิแบรนด์ วัตถุประสงค์ในการต่อโทรศัพท์ไปจึงเป็นการมุ่งผลักดันให้ทั้งสองยอมรับ-เห็นชอบกับนโยบายให้คุณพ่อคุณแม่ลางานหลังคลอดโดยยังคงได้รับเงินเดือนนั่นเอง
3. เมแกนใช้บทบาทราชนิกูลอาวุโสสร้างภาพลักษณ์ ผู้ส่งเสริมการแก้ปัญหาสังคม
ในฐานะที่เป็นสมาชิกอาวุโสคนหนึ่งแห่งราชวงศ์วินด์เซอร์ เมแกน สร้างภาพลักษณ์ตนเองเป็นผู้ส่งเสริมสนับสนุนการแก้ปัญหาสังคมในหลายๆ สาขาที่เธอสนใจเป็นพิเศษ อาทิ การส่งเสริมสุขภาพทางจิตใจ และการส่งเสริมสิทธิสตรี ดิเอกซ์เพรส รายงาน
ในปี 2018 หลังจากที่พระราชพิธีเสกสมรสกับเจ้าชายแฮร์รีเสร็จสิ้นแล้ว ดัชเชสเมแกนสนับสนุนการเผยแพร่หนังสือเรื่อง Together: Our Commmunity Cookbook เพื่อระดมทุนสนับสนุนโครงการครัวชุมชน และช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่เหยื่อแห่งเหตุโศกนาฏกรรมไฟไหม้อาคารที่พักอาศัย เกรนเฟลล์ ทาวเวอร์ ในกรุงลอนดอน
4. เมแกนสร้างผลงานในการรณรงค์เรียกร้องความเท่าเทียมที่จะได้รับวัคซีนป้องกันโควิด
เมแกนและเจ้าชายแฮร์รีออกโรงแสดงความคิดเห็นในทางเรียกร้องส่งเสริมสิทธิเท่าเทียมที่ทุกคนจะต้องได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด ในงานคอนเสิร์ตระดมเงินบริจาคเพื่อต่อสู้กับโรคติดต่อร้ายแรงนี้ ซึ่งมีขึ้นโดยใช้มหานครนิวยอร์กเป็นฐาน เมื่อปี 2021
ในท่ามกลางผู้เข้าร่วมกว่า 60,000 คน ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ประกาศกับฝูงชนอเมริกันว่า “สถานที่ซึ่งคุณเกิดมาไม่ควรมากำหนดความสามารถในการอยู่รอดของคุณ”
ในการปราศรัยที่มหกรรมคอนเสิร์ต Global Citizen Live นี้ เรียกร้องแทนคนตัวเล็กตัวน้อยว่า “แต่ละคนในโลกใบนี้ ต้องได้รับสิทธิ์ขั้นพื้นฐาน ที่จะได้รับวัคซีนป้องกันโควิด”
เธอวิจารณ์การเมืองในช่วงนั้นว่า มันเป็น “เรื่องผิด” ที่ “มีเพียงชาติร่ำรวยแค่ 10 ชาติเท่านั้น ที่ได้รับวัคซีน” พร้อมกับประกาศด้วยว่า เรื่องอย่างนั้น “ยอมรับไม่ได้” ดิเอกซ์เพรสรายงาน
โดย: รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: ดิเอกซ์เพรส ยูเค โปลิติโก หนังสือชีวประวัติเรื่อง Revenge: Meghan, Harry and the war between the Windsors)