รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศแผนสร้างศูนย์ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในพื้นที่กรุงโซล โดยจะใช้งบลงทุนจากภาคเอกชนราว 230,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกลุ่ม “ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์”
ประธานาธิบดี ยุน ซุกยอล แห่งเกาหลีใต้ได้ออกมาประกาศแผนดังกล่าวเมื่อวันพุธ (15 มี.ค.) ซึ่งต่อมาได้รับคำยืนยันจากกลุ่มซัมซุง
“เราจะสร้างศูนย์ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ระบบไฮเทคขนาดใหญ่ที่สุดในโลกขึ้นในพื้นที่กรุงโซล โดยใช้งบลงทุนเกือบ 300 ล้านล้านวอนจากภาคเอกชน” ผู้นำเกาหลีใต้กล่าว
“นอกจากนี้ เรายังจะขยาย ‘เซมิคอนดักเตอร์ เมกะ คลัสเตอร์’ นี้ให้กลายเป็นฮับขนาดใหญ่ที่สุดของโลก โดยเชื่อมโยงกับโรงงานผลิตหน่วยความจำชนิดสารกึ่งตัวนำ (memory semiconductor) ที่มีอยู่แล้ว”
รัฐบาลเกาหลีใต้ระบุว่า ศูนย์ผลิตชิปขนาดใหญ่ระดับ “คลัสเตอร์” นี้จะตั้งอยู่ในเขตจังหวัดคยองกี (Gyeonggi) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปริมณฑลกรุงโซล โดยคาดว่าการลงทุนทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 20 ปี
รัฐบาลเกาหลีใต้ยังเตรียมเสนอแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการปกป้องเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (Industrial Technology Protection Act) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา ทว่ายังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด
เดือน พ.ค.ปีที่แล้ว กลุ่มซัมซุงเพิ่งจะประกาศแผนทุ่มเงินลงทุนกว่า 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีแผนที่จะจ้างงานเพิ่มอีก 80,000 ตำแหน่งในธุรกิจหลักๆ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และชีวเภสัชภัณฑ์ (biopharmaceuticals) นับจากนี้ไปจนถึงปี 2026
ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าโครงการสร้างศูนย์ผลิตชิปที่รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศเมื่อวันพุธ (15) ครอบคลุมอยู่ในงบลงทุนที่ซัมซุงประกาศเมื่อปีที่แล้วหรือไม่
สัญชีพ รานา นักวิเคราะห์จาก CLSA ให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า หากดูจากแผนการลงทุนที่ซัมซุงตั้งเอาไว้ในระยะ 20 ปีข้างหน้า เท่ากับว่าบริษัทจะใช้เงินลงทุนประมาณ 15 ล้านล้านวอนต่อปี “ซึ่งก็เป็นไปตามความคาดหมายของตลาด”
กลุ่มซัมซุงมีชื่อเสียงมายาวนานในเรื่องของการเป็นผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนและโทรทัศน์ ทว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาบริษัทได้เริ่มขยายกิจการไปสู่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เพื่อบรรเทาวิกฤตขาดแคลนชิป
ซัมซุงระบุว่า การผลิตชิปความจำ (memory chips) ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้ซัมซุงอย่างมหาศาลจะยังคงเป็นหัวใจหลักในแผนการลงทุนของบริษัท และในส่วนของการผลิตชิปคอมพิวเตอร์ระดับ “ไฮเอนด์” นั้นซัมซุงยังต้องแข่งขันโดยตรงกับผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Intel และ TSMC
ไมโครชิประดับก้าวหน้าที่ใช้งานอยู่ทั่วโลกส่วนใหญ่ถูกผลิตใน 2 ประเทศ ได้แก่ ไต้หวันและเกาหลีใต้ ทว่าอุตสาหกรรมชิปของไต้หวันนั้นมีขนาดใหญ่และครองส่วนแบ่งตลาดสูงกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่เกาหลีใต้พยายามที่จะท้าทาย
อย่างไรก็ตาม การที่ฐานผลิตชิปมากระจุกตัวอยู่ใน 2 ประเทศซึ่งเผชิญภัยคุกคามทางทหารจากเพื่อนบ้านอย่างจีนและเกาหลีเหนือ ก็ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าความขัดแย้งอาจจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานไมโครชิปโลก
ที่มา : CNN